for southern region of Costa Rica o

for southern region of Costa Rica on acid soils (Eco-region 1 and 2) were the two introduced species Gmelina arborea and Pinus caribaea followed by the two native Vochysias. In volcanic soils (Eco-region 3) and alluvial soils (Eco-region 4) the Hieronyma alchorneoides and Terminalia amazonia resulted in comparable adaptability and productivity indices as the two Vochysia species, a clear indication that these two native species prefer more fertile soils (Andisols and alluvial Inceptisols) with a shorter dry season.
3.2. Aboveground biomass
Fig. 1 shows the distribution of aboveground biomass by tree compartment and the variations according to tree dimensions (DBH, tree height and total dry weight) for each species (n¼ 4). A common tendency for all the species is the increase in stem biomass as tree dimensions increase. This pattern is particularly evident in Terminalia amazonia whose trees of smaller dimensions the stem represents only 40% of the total aboveground biomass, while for treesof larger dimensions, the stem represents up to 80% of the total biomass. An inverse tendency in this same species is shown for foliage, branch and bark biomass, their percentages decrease as tree dimensions increase. Looking at the differences between species, the largest portion of above ground biomass is concentrated in the stems of Hieronyma alchorneoides and Gmelina arborea. These two species distribute between 70% and 80% of their above ground biomass in the stems regardless of tree dimensions.
The percentage of bark in Pinus caribaea is also notable, representing approximately 14% of the total biomass, while for the rest of the species it does not surpass 7%.
Table 2 shows the means multiple comparisons for above ground biomass content according to tree compartments at 6 years of age. The species with the highest stem biomass is G. arborea which is an expected result due to the larger dimensions of sampled trees. P. caribaea by far has the highest bark biomass followed by G. arborea, while T. amazonia is the species with the least bark biomass. V. ferruginea has the highest branch biomass followed by the group of V. guatemalensis, P. caribae and G. arborea. Foliage biomass is the highest for G. arborea followed by P. caribaea and V. ferrugenia.
Table 3 includes a set of allometric equations used to estimated biomass by tree compartment and whole tree for each study species or group of species. These equations were developed using the 24 sampled trees for the biomass analysis. Fig. 1 provides extra information that provides the range of DBH values for which these equations should be applied.
3.3. Nutrient concentrations in above ground tree compartments
Table 4 shows the means multiple comparisons for above ground biomass nutrient concentrations according to tree compartments and species. On average, the distribution of nutrients contained in the above ground biomass shows the following pattern for N,P, K and Mg:Foliage>Bark>Branches>Stem,and for Ca:Bark>

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในเขตภาคใต้ของประเทศคอสตาริกาในดินเนื้อปูนกรด (Eco-ภูมิภาค 1 และ 2) ได้แนะนำทั้งสองชนิด Gmelina arborea และ caribaea Pinus ตาม Vochysias พื้นเมืองสอง ในดินเนื้อปูนภูเขาไฟ (Eco-ภูมิภาค 3) ทรายเป็นใจ (Eco-ภาค 4) Hieronyma alchorneoides และ amazonia หูกให้หลากหลายและผลผลิตเทียบเท่าดัชนีเป็นชนิด Vochysia สอง เป็นข้อบ่งชี้ชัดเจนว่า พันธุ์พื้นเมืองเหล่านี้สองต้องอุดมสมบูรณ์กว่าดินเนื้อปูน (Andisols และ Inceptisols ทราย) กับแล้งสั้นและ3.2. aboveground ชีวมวลFig. 1 แสดงการกระจายของชีวมวล aboveground ช่องแผนภูมิและรูปแบบตามขนาดต้นไม้ (DBH ความสูงของต้น และน้ำหนักแห้งรวม) สำหรับแต่ละชนิด (n¼ 4) แนวโน้มทั่วไปสำหรับชนิดทั้งหมดเป็นการเพิ่มขึ้นของชีวมวลก้านเป็นแผนภูมิมิติเพิ่มขึ้น รูปนี้จะเห็นได้ชัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหูก amazonia ต้นไม้ที่มีขนาดเล็กลงก้านแทนเพียง 40% ของการรวม aboveground ชีวมวล สำหรับขนาดใหญ่ treesof ก้านหมายถึง 80% ของชีวมวลรวมถึงการ แนวโน้มการผกผันในสปีชีส์เดียวกันนี้จะแสดงสำหรับใบ สาขา และเปลือกชีวมวล เปอร์เซ็นต์ของพวกเขาลดลงเป็นการเพิ่มขนาดของแผนภูมิ มองที่ความแตกต่างระหว่างพันธุ์ ส่วนใหญ่ของเหนือดินชีวมวลจะเข้มในลำต้นของ Hieronyma alchorneoides และ Gmelina arborea ชนิดที่สองเหล่านี้กระจายระหว่าง 70% และ 80% ของชีวมวลล่างของข้างในลำต้นไม่ขนาดแผนภูมิเปอร์เซ็นต์ของเปลือกใน Pinus caribaea ก็โดด แสดงประมาณ 14% ของชีวมวลรวม ในขณะที่เหลือของสายพันธุ์ นั้นไม่เกิน 7%ตารางที่ 2 แสดงวิธีการเปรียบเทียบหลายสำหรับข้างล่างเนื้อหาชีวมวลตามช่องต้นไม้ที่อายุ 6 ปี พันธุ์กับชีวมวลก้านสูง arborea กรัมซึ่งเป็นผลลัพธ์คาดไว้เนื่องจากขนาดของตัวอย่างขนาดใหญ่ ได้ P. caribaea โดยมีตาม arborea กรัมชีวมวลเปลือกสูงที่สุด ในขณะที่ต. amazonia เป็นชนิด มีชีวมวลเปลือกน้อยที่สุด V. ferruginea ได้ตามกลุ่มของ V. guatemalensis, P. caribae และ arborea กรัมชีวมวลสาขาสูงสุด ชีวมวลใบเป็นสูงสุดสำหรับตาม P. caribaea และ V. ferrugenia arborea กรัมตาราง 3 รวมถึงชุดของสมการที่ใช้ชีวมวลโดยประมาณตามช่องต้นไม้และต้นไม้ทั้งหมดสำหรับแต่ละการศึกษาสปีชีส์หรือกลุ่มพันธุ์ allometric สมการเหล่านี้ถูกพัฒนาโดยใช้ต้น 24 ตัวอย่างสำหรับการวิเคราะห์แบบชีวมวล Fig. 1 ให้ข้อมูลที่มีค่าช่วง DBH สมการเหล่านี้ควรจะใช้3.3. ธาตุอาหารความเข้มข้นในเหนือพื้นดินต้นไม้ช่องตาราง 4 แสดงวิธีการเปรียบเทียบหลายสำหรับข้างล่างชีวมวลธาตุอาหารความเข้มข้นตามช่องต้นไม้และพันธุ์ โดยเฉลี่ย การกระจายของสารอาหารที่มีอยู่ในชีวมวลพื้นด้านบนแสดงรูปแบบต่อไปนี้ N, P, K และ Mg:Foliage > เปลือก > สาขา > ก้าน และ Ca:Bark >

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สำหรับภาคใต้ของคอสตาริกาในดินที่เป็นกรด (Eco-ภาค 1 และ 2) ทั้งสองแนะนำสายพันธุ์ Gmelina arborea สนคาริเบียและตามด้วยสอง Vochysias พื้นเมือง ในดินภูเขาไฟ (Eco-โซน 3) และดินลุ่มน้ำ (Eco-ภูมิภาค 4) alchorneoides Hieronyma และ Terminalia Amazonia ผลในการปรับตัวเทียบเคียงและดัชนีการผลิตขณะที่ทั้งสองสายพันธุ์ Vochysia, บ่งชี้ที่ชัดเจนว่าทั้งสองสายพันธุ์พื้นเมืองชอบดินอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ( Andisols และ Inceptisols ลุ่มน้ำ) กับฤดูแล้งสั้น.
3.2
ชีวมวลดินรูป 1 แสดงการกระจายของมวลชีวภาพเหนือพื้นดินโดยช่องต้นไม้และรูปแบบตามขนาดของต้นไม้ (DBH, ความสูงของต้นไม้และน้ำหนักแห้งรวม) สำหรับแต่ละชนิด (n¼ 4) แนวโน้มทั่วไปสำหรับทุกชนิดจะเพิ่มขึ้นในชีวมวลขนาดลำต้นเป็นต้นไม้เพิ่มขึ้น รูปแบบนี้เป็นอย่างยิ่งที่เห็นได้ชัดใน Terminalia Amazonia ที่มีต้นไม้ขนาดขนาดเล็กลำต้นเป็นเพียง 40% ของมวลชีวภาพเหนือพื้นดินรวมในขณะที่สำหรับ treesof มิติขนาดใหญ่ลำต้นแสดงให้เห็นถึง 80% ของชีวมวลรวม แนวโน้มผกผันในสายพันธุ์เดียวกันนี้จะแสดงให้เห็นใบสาขาและชีวมวลเปลือกเปอร์เซ็นต์ของพวกเขาลดลงเป็นต้นไม้ขนาดเพิ่มขึ้น มองไปที่ความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์ส่วนที่ใหญ่ที่สุดของมวลชีวภาพเหนือพื้นดินมีความเข้มข้นในลำต้นของ alchorneoides Hieronyma Gmelina arborea และ ทั้งสองสายพันธุ์แจกจ่ายระหว่าง 70% และ 80% ของมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของพวกเขาในลำต้นโดยไม่คำนึงถึงมิติต้นไม้.
ร้อยละของเปลือกในสนคาริเบียยังเป็นที่น่าสังเกตคิดเป็นประมาณ 14% ของชีวมวลรวมในขณะที่สำหรับส่วนที่เหลือของสายพันธุ์ มันไม่เกิน 7%.
ตารางที่ 2 แสดงให้เห็นถึงวิธีการเปรียบเทียบหลายชีวมวลสำหรับเนื้อหาบนพื้นดินตามช่องต้นไม้ที่อายุ 6 ปี ชนิดที่มีต้นกำเนิดจากชีวมวลที่สูงที่สุดคือ arborea กรัมซึ่งเป็นผลที่คาดว่าจะเกิดจากการที่มีขนาดใหญ่ขนาดของต้นไม้ตัวอย่าง พีคาริเบียไกลโดยมีเปลือกชีวมวลที่สูงที่สุดตามด้วย arborea กรัมในขณะที่ต Amazonia เป็นสายพันธุ์ที่มีเปลือกไม้ชีวมวลน้อย โวลต์ ferruginea มีสาขาชีวมวลที่สูงที่สุดรองลงมาคือกลุ่มของโวลต์ guatemalensis พี caribae กรัมและ arborea ชีวมวลใบไม้เป็นที่สูงที่สุดสำหรับกรัม arborea ตามด้วยพีคาริเบียและโวลต์ ferrugenia.
ตารางที่ 3 รวมถึงชุดของสมการที่ใช้ในการ allometric ชีวมวลประมาณโดยช่องต้นไม้และต้นไม้ทั้งสำหรับแต่ละสายพันธุ์การศึกษาหรือกลุ่มของสายพันธุ์ สมการเหล่านี้ได้รับการพัฒนาโดยใช้ต้นไม้ 24 ตัวอย่างสำหรับการวิเคราะห์ชีวมวล มะเดื่อ. 1 ให้ข้อมูลพิเศษที่มีช่วงของค่า DBH ที่สมการเหล่านี้ควรจะใช้.
3.3 ความเข้มข้นของธาตุอาหารในสิ่งเหนือพื้นดินต้นไม้ตารางที่ 4 แสดงให้เห็นถึงวิธีการเปรียบเทียบหลายสำหรับพลังงานชีวมวลเหนือพื้นดินความเข้มข้นของสารอาหารตามช่องต้นไม้และพันธุ์
โดยเฉลี่ยการกระจายตัวของสารอาหารที่มีอยู่ในชีวมวลพื้นดินข้างต้นแสดงให้เห็นถึงรูปแบบต่อไปนี้สำหรับ N, P, K และ Mg: ใบไม้> เปลือก> สาขา> ต้นกำเนิดและ Ca: เปลือก>

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สำหรับภาคใต้ของคอสตาริกาในดินเปรี้ยว ( โค ภาค 1 และ 2 ) คือสองแนะนำสายพันธุ์ซ้อ Arborea สนเพียงและตามด้วยสอง vochysias พื้นเมือง . ในดินภูเขาไฟ ( โค เขต 3 ) และดินตะกอน ( โค ภาค 4 ) และ hieronyma alchorneoides กอง Amazonia ส่งผลให้เกิดการปรับตัวเปรียบและดัชนีผลผลิต vochysia เป็นสองชนิดเป็นข้อบ่งชี้ชัดเจนว่าทั้งสองพื้นเมืองชนิดชอบดินอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ( แอนดิซอลส์ และทรายอินเซปทิซอลส์ ) กับการสั้นฤดูแล้ง .
2 . มวลชีวภาพเหนือพื้นดิน
รูปที่ 1 แสดงการกระจายของมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน โดยช่องต้นไม้และรูปแบบตามขนาด ( ความสูงของต้นไม้ ต้นไม้ และน้ำหนักรวมบริการ ) แต่ละชนิด ( n ¼ 4 )แนวโน้มทั่วไปสำหรับชนิดทั้งหมดเป็นเพิ่มมวลชีวภาพลำต้นเป็นไม้ขนาดเพิ่มขึ้น รูปแบบนี้เป็นที่เห็นได้ชัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกอง Amazonia ที่มีต้นไม้ขนาดเล็กลำต้นเป็นเพียง 40% ของมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน ขณะที่ treesof มิติขนาดใหญ่ ลำต้นแสดงถึง 80 % ของจำนวนทั้งหมดมีแนวโน้มที่ผกผันในชนิดเดียวกันที่แสดงใบ กิ่ง และมวลชีวภาพเปลือก เปอร์เซ็นต์ของพวกเขาลดลง เหมือนต้นไม้ขนาดเพิ่มขึ้น ดูความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์ ส่วนที่ใหญ่ที่สุดของมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน มีความเข้มข้นในลำต้นและ alchorneoides hieronyma ซ้อ Arborea .สองชนิดนี้กระจายระหว่าง 70% และ 80% ของมวลชีวภาพลำต้นเหนือพื้นดินของพวกเขาโดยไม่คำนึงถึงมิติต้นไม้
เปอร์เซ็นต์ในเพียงเปลือกสนยังเด่น คิดเป็นประมาณ 14% ของมวลชีวภาพรวม ในขณะที่ส่วนที่เหลือของชนิดไม่เกิน 7
%ตารางที่ 2 แสดงการเปรียบเทียบมวลชีวภาพเหนือพื้นดินหมายความว่าหลายสำหรับเนื้อหาตามช่องต้นไม้ที่อายุ 6 ปี ชนิดที่มีมวลชีวภาพลำต้นสูงสุดกรัม Arborea ซึ่งเป็นผลที่คาดหวัง เนื่องจากมีขนาดของตัวอย่างต้นไม้ หน้าเพียงโดยไกลได้สูงสุดตามเปลือกไม้ชีวมวลโดย Arborea , ในขณะที่ ต. Amazonia เป็นชนิดที่มีเปลือกน้อย ชีวมวล โวลต์ferruginea ได้สูงสุด รองลงมาคือ กลุ่มสาขา ชีวมวล ( guatemalensis , หน้า caribae . Arborea . มวลชีวภาพใบเป็นสูงสุดสำหรับกรัม Arborea ตามหน้าเพียง ferrugenia และ V .
3 ตารางรวมถึงชุดของสมการประมาณใช้ชีวมวลประมาณโดยต้นไม้และต้นไม้ทั้งช่องการศึกษาแต่ละชนิดหรือกลุ่มของชนิดสมการเหล่านี้ถูกพัฒนาโดยใช้ 24 ตัวอย่างต้นไม้สำหรับการวิเคราะห์ปริมาณมวลชีวภาพ รูปที่ 1 แสดงข้อมูลพิเศษที่ให้ช่วงของค่าไม้ซึ่งสมการเหล่านี้ ควรใช้
3.3 . ความเข้มข้นของธาตุอาหารในดินต้นไม้ช่อง
ข้างบนตารางที่ 4 แสดงวิธีการเปรียบเทียบพหุคูณ มวลชีวภาพเหนือพื้นดิน เพื่อความเข้มข้นของธาตุอาหารตามช่องต้นไม้และสายพันธุ์ โดยมีการกระจายตัวของสารอาหารที่มีอยู่ในมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน แสดงรูปแบบสำหรับ N P K และ Mg ต่อไปนี้ : ใบไม้ > เปลือกไม้ > สาขา > ลำต้นและเปลือก > ca