CONCLUSIONS: The prevalence of elev

CONCLUSIONS: The prevalence of elevated blood lead levels among
tested US-bound Burmese refugee children was higher than the
current US prevalence, and was especially high among children ,2
years old. Refugee children may arrive in the United States with
elevated blood lead levels. A population-specific understanding of
preexisting lead exposures can enhance postarrival lead-poisoning
prevention efforts, based on Centers for Disease Control and
Prevention recommendations for resettled refugee children, and
can lead to remediation efforts overseas. Pediatrics 2012;129:392–
413

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สรุป: ความชุกของเลือดสูงลูกค้าเป้าหมายระดับระหว่างเด็กผู้ลี้ภัยพม่าสหรัฐอเมริกาที่ถูกผูกไว้ผ่านการทดสอบสูงกว่าปัจจุบันสหรัฐฯ ชุก และสูงโดยเฉพาะในหมู่เด็ก 2ปีเก่า เด็กผู้ลี้ภัยจะมาถึงในสหรัฐอเมริกาด้วยระดับเป้าหมายการยกระดับเลือด ความเข้าใจเฉพาะประชากรของไงรออิงสามารถเพิ่ม postarrival ลูกค้าเป้าหมายเป็นพิษความพยายาม ขึ้นอยู่กับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค และคำแนะนำการป้องกันสำหรับเด็กผู้ลี้ภัย resettled และสามารถนำไปสู่ความพยายามของผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ กุมาร 2012; 129:392–413

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สรุปความชุกของระดับสารตะกั่วในเลือดสูงในหมู่เด็กผู้ลี้ภัยชาวพม่าที่ผ่านการทดสอบที่ถูกผูกไว้สหรัฐสูงกว่าความชุกของสหรัฐในปัจจุบันและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่เด็กสูง2 ปี เด็กผู้ลี้ภัยอาจมาถึงในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีระดับสารตะกั่วในเลือดสูง ความเข้าใจที่ประชากรที่เฉพาะเจาะจงของความเสี่ยงนำมาก่อนสามารถเพิ่มสารตะกั่วเป็นพิษ postarrival พยายามหาทางป้องกันบนพื้นฐานของศูนย์ควบคุมโรคและคำแนะนำการป้องกันสำหรับเด็กอพยพผู้ลี้ภัยและสามารถนำไปสู่ความพยายามในการฟื้นฟูในต่างประเทศ กุมาร 2012; 129: 392- 413

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สรุป : ความชุกของระดับตะกั่วในเลือดสูง
ทดสอบเราผูกพันพม่าผู้ลี้ภัยเด็กสูงกว่า
ปัจจุบันเราความชุก และสูงโดยเฉพาะในหมู่เด็ก 2
ปี เด็กผู้ลี้ภัยอาจมาถึงในสหรัฐอเมริกากับ
ยกระดับระดับตะกั่วในเลือด ประชากรที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการเป็นผู้นำสามารถเพิ่ม

จากพิษตะกั่ว postarrivalความพยายามป้องกัน ตามศูนย์การควบคุมโรค และแนวทางการป้องกันสำหรับเด็กผู้ลี้ภัยบ้าน

และจะนำไปสู่ความพยายามในการฟื้นฟูจากต่างประเทศ กุมารเวชศาสตร์ 2012 ; 129:392 –
413