The Top-Down ApproachStarting with

The Top-Down Approach
Starting with this path, you’ll use the cost of the materials, time, labor and overhead expenses to determine the price of your item. Start by filling in numbers on the worksheet based on what you currently spend. Then, consider what you might change to improve your bottom line.

1. Start with your materials. Make note of the materials you use to make each item and how much you spend on them per item. If you sell vintage items or craft supplies, input the cost of the item when you purchased it.

Experiment: Delete one material to see how that changes your costs. Then, see what happens when you decrease the individual costs of your materials. If you could purchase supplies in bulk or through a wholesale account, how would that affect costs?

2. Account for overhead. Make a list of any business expenses that are not tied to a specific item. For example, you may rent studio space, purchase equipment or buy gas to drive to the supply store. Document all of these costs, then divide them by the number of items you have or plan to produce this year. That will give you an estimated overhead cost per item.

Experiment: Change the number of items produced per year or delete an overhead expenditure you could do without.

3. Cover your labor. It takes time to produce, package and ship your items. Consider your production process task by task. All in all, how many hours does it take to prepare this product for sale? What should you pay yourself for all that you do? That's the approach favored by Hana Brewster, owner of Hello Plum Studio, an Etsy shop that sells personalized home goods and celebratory items. Brewster, who creates her products in her home in Little Rock, Arkansas, suggests figuring out how much you would make at a normal day job. Keep in mind that you may be the only one doing every task involved with running your business, including production, packaging, shipping, editing photos and answering emails. "Just because you have fun with your business doesn’t mean that you shouldn’t pay yourself fairly,” Hana says.

Experiment: Eliminate a task or decrease the amount of time one step might take. Try different hourly wages. Can you make your process more efficient by coupling similar talks? Should you pay yourself more?

4. Make a pricing goal. If your business is just getting off the ground, breaking even might feel like a great place to start. Or, maybe you’re ready to move into wholesale and are re-evaluating your pricing structure. Think about your shop’s scope and where you’d like to be by the end of the year. It’s helpful to price for the future, not just the present.

The Bottom-Up Approach
You now have a good picture of what you’re currently spending. But does this mean your target customer would be willing to pay that amount, or that your pricing properly accounts for the value of your item? Not necessarily, which brings us to a second method of calculating price. In the bottom-up approach, you’ll use research and testing to determine a price you think is right and then figure out how much you’d ideally spend on each part of the process so that you reach this pricing goal. Follow these three steps to figure out an ideal price:

1. Do research. Consider where your prices exist in the wider ecosystem of items available on Etsy and online. How do your prices compare? Remember, items from a big box store don’t have the added value of a personally handled, one-of-a-kind piece. Their prices can provide a point of reference, but these retailers aren’t your direct competitors.

2. Determine your target audience. Get a clear picture of the type of folks who buy your items and for what occasion they are purchasing. For example, Olivier Gratton-Gagnė, who sells detailed map prints in his Montréal-based shop I Like Maps, knows that his maps are often used as gifts for family members and friends. "In that context," he says, "I don’t hesitate to ask for $20 to $135 for a print that costs much less in materials, because those prices make sense for a thoughtful gift for someone you love.”

3. Test and gauge response. Once you land on a price that you think makes sense, seek unbiased feedback from fellow business owners and shoppers. Ask questions and take cues from in-person shows. Talk to people in your network or seek advice through Etsy Teams. You can also set varying prices for similar items in your shop to see how well they sell – a process known as an A/B test.

Meeting in the Middle
Using both of these approaches, it’s very possible that your actual and ideal prices will look quite different. That’s totally okay – this is your chance to figure out why! Use the worksheet included above to determine the right levers to pull and make adjustments to your business. Do you need to use less expensive or fewer raw materials? Do you have to increase your efficiency or cut out tasks? Are certain details not worth your time because they’re too labor intensive? Remember, your prices are a continuous

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธีแบบบนลงล่างเริ่มต้น ด้วยเส้นทางนี้ คุณจะใช้ต้นทุนของวัสดุ เวลา แรงงาน และการใช้จ่ายการผลิตการกำหนดราคาของสินค้าของคุณ เริ่มต้น โดยการกรอกตัวเลขบนแผ่นงานตามสิ่งที่คุณกำลังใช้ แล้ว พิจารณาสิ่งที่คุณอาจเปลี่ยนการปรับปรุงบรรทัดล่างของคุณ1. เริ่มต้น ด้วยวัสดุของคุณ ทำบันทึกย่อของข้อมูลที่คุณใช้เพื่อให้แต่ละสินค้า และวิธีมากคุณใช้พวกเขาสำหรับแต่ละรายการ ถ้าคุณขายวินเทจสินค้าหรืองานฝีมืออุปกรณ์ ป้อนต้นทุนของสินค้าเมื่อคุณซื้อทดลอง: ลบวัสดุหนึ่งเพื่อดูวิธีที่เปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่าย เห็นแล้ว เกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณลดค่าใช้จ่ายในแต่ละวัสดุของคุณ ถ้าคุณสามารถซื้อจำนวนมากหรือ ผ่านบัญชีขายส่ง วิธีจะที่มีผลต่อต้นทุน2. บัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายในการ ทำรายการค่าใช้จ่ายใด ๆ ทางธุรกิจที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับสินค้าเฉพาะ เช่น คุณอาจเช่าพื้นที่สตูดิโอ ซื้ออุปกรณ์ หรือซื้อก๊าซที่จะขับรถไปร้านจำหน่าย เอกสารทั้งหมดของค่าใช้จ่ายเหล่านี้ แล้วหาร ด้วยจำนวนของรายการที่คุณมี หรือวางแผนการผลิตปีนี้ ที่จะทำให้คุณมีต้นทุนค่าโสหุ้ยที่ประเมินต่อสินค้าทดลอง: เปลี่ยนจำนวนของสินค้าที่ผลิตต่อปี หรือลบคุณสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้จ่ายค่าใช้จ่าย3. ครอบคลุมแรงงานของคุณ ใช้เวลาในการผลิต บรรจุ และจัดส่งสินค้า พิจารณาการผลิตงานโดยงานนี้ จากทั้งหมด จำนวนชั่วโมงเวลาในการเตรียมผลิตภัณฑ์นี้ขาย ควรคุณจ่ายเองทั้งหมดที่คุณทำ ที่เป็นวิธีตามฮานะเบียร์ เจ้าของสวัสดี พลัมสตูดิโอ ร้าน Etsy ที่ขายสินค้าบ้านส่วนบุคคลและรายการเฉลิมฉลอง บรูสเตอร์ ที่สร้างผลิตภัณฑ์ของเธอในบ้านของเธอในลิตเทิลร็อก อาร์คันซอ แนะนำการหาว่าจะทำงานปกติวัน โปรดจำไว้ว่า คุณอาจเป็นคนเดียวที่ทำทุกงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ รวมทั้งการผลิต บรรจุภัณฑ์ จัดส่ง การแก้ไขภาพถ่าย และตอบอีเมล "เพียง เพราะคุณมี ความสนุกของคุณไม่ได้หมายความ ว่า คุณไม่ควรจ่ายเงินด้วยตัวเองค่อนข้าง ฮากล่าวว่าทดลอง: ขจัดงาน หรือลดขั้นตอนอาจใช้เวลา ลองค่าจ้างต่อชั่วโมงที่แตกต่างกัน คุณสามารถทำการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยการเชื่อมต่อคล้ายเจรจา ควรคุณจ่ายเองมากกว่า4. ให้ราคาเป้าหมาย ถ้าธุรกิจของคุณจะเพิ่งเริ่มต้นได้ ทำลายแม้อาจรู้สึกเหมือนเริ่มต้น หรือ บางทีคุณพร้อมที่จะย้ายไปขายส่ง และกำลังประเมินโครงสร้างของราคาใหม่ คิดเกี่ยวกับขอบเขตของร้านและที่คุณต้องการได้ โดยสิ้นปี ได้ให้ราคาในอนาคต ไม่เพียงแต่ปัจจุบันวิธีแบบล่างขึ้นขณะนี้คุณมีภาพดีของคุณต้องใช้จ่ายปัจจุบัน แต่ไม่นี้หมายความว่าลูกค้าเป้าหมายของคุณจะเต็มใจจ่ายจำนวน หรือว่า ของราคาถูกต้องบัญชีสำหรับค่าของสินค้าของคุณ จำ ซึ่งทำให้เราสองแบบวิธีการคำนวณราคา ในวิธีการด้านล่างขึ้น คุณจะใช้การวิจัย และทดสอบเพื่อกำหนดราคาคุณคิดว่า เป็นสิทธิ และทราบว่าคุณจะเหมาะใช้ในแต่ละส่วนของกระบวนการเพื่อให้คุณถึงเป้าหมายนี้ราคา ทำตามขั้นตอนเหล่านี้สามจะทราบราคาพัก:1. ทำวิจัย พิจารณาที่ราคาของคุณที่มีอยู่ในระบบนิเวศมากขึ้นของสินค้าใน Etsy และออนไลน์ ราคาของคุณเปรียบเทียบวิธีทำ จำ สินค้าจากเก็บกล่องใหญ่ไม่มีมูลค่าเพิ่มของตัวเองจัดการ หนึ่งของชนิด ราคาของพวกเขาสามารถให้จุดอ้างอิง แต่เหล่านี้ร้านค้าปลีกคู่แข่งคุณโดยตรง2. กำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณ ได้ภาพชัดเจนของชนิดของคนที่ซื้อสินค้าของคุณ และโอกาสอะไรซื้อ เช่น Olivier Gratton-Gagnė ที่ขายแผนที่พิมพ์ในร้านของเขาจากมอนทรีอัลฉันเช่นแผนที่ รู้ว่า แผนที่ของเขามักจะใช้เป็นของขวัญสำหรับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อน "ในบริบทที่ เขากล่าวว่า "ฉันไม่ลังเลที่จะถามสำหรับ $20 ถึง $135 สำหรับการพิมพ์ที่น้อยมากในวัสดุ ค่าใช้จ่ายเนื่องจากราคาดังกล่าวทำให้ความรู้สึกเป็นของขวัญสำหรับคนที่คุณรัก"3. ทดสอบ และวัดการตอบสนอง เมื่อคุณที่ดินใน ราคาที่คุณคิดว่า ทำให้รู้สึก คำติชมเป็นกลางจากเจ้าของธุรกิจเพื่อนและนักแสวงหา ถามคำถาม และใช้เวลาจากการแสดงในคน พูดคุยกับคนในเครือข่ายของคุณ หรือขอคำแนะนำผ่านทีม Etsy นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งราคาที่แตกต่างสำหรับรายการที่คล้ายกันในร้านค้าของคุณเพื่อดูว่าพวกเขาขาย – เป็นกระบวนการที่เรียกว่า A B ทดสอบได้ประชุมกลางโดยใช้ทั้งสองวิธีการเหล่านี้ มันเป็นไปได้มากว่า ของราคาจริง และเหมาะจะมีลักษณะแตกต่างกันมาก ไม่เป็นไรทั้งหมด – โอกาสคุณจะคิดออกว่าทำไม ใช้แผ่นงานที่อยู่เหนือการตรวจสอบคันโยกขวาเพื่อดึง และทำการปรับปรุงธุรกิจของคุณ อย่างไรคุณต้องใช้ราคาไม่แพงหรือวัตถุดิบน้อยลง คุณต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของคุณ หรือตัดออกงาน บ้างรายละเอียดบางอย่างไม่คุ้มค่าเวลาของคุณ เพราะพวกเขากำลังแรงงานมากเกินไปเร่งรัด จำไว้ ราคาสินค้าต่อเนื่อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ยอดลงวิธีการ
เริ่มต้นด้วยเส้นทางนี้คุณจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายของวัสดุเวลาแรงงานและค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายในการกำหนดราคาของรายการของคุณ เริ่มต้นโดยการกรอกข้อมูลในตัวเลขบนแผ่นงานตามสิ่งที่คุณกำลังใช้จ่าย จากนั้นพิจารณาสิ่งที่คุณอาจมีการเปลี่ยนแปลงในการปรับปรุงสายด้านล่างของคุณ. 1 เริ่มต้นด้วยวัสดุของคุณ จดบันทึกวัสดุที่คุณใช้เพื่อให้แต่ละรายการและวิธีการที่คุณใช้จ่ายกับพวกเขาต่อรายการ หากคุณขายสินค้าวินเทจหรืออุปกรณ์งานฝีมือ, การป้อนข้อมูลค่าใช้จ่ายของรายการเมื่อคุณซื้อ. ทดสอบ: ลบหนึ่งวัสดุเพื่อดูวิธีการที่มีการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายของคุณ จากนั้นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณลดค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลของวัสดุของคุณ หากคุณสามารถซื้อวัสดุในกลุ่มหรือผ่านบัญชีขายส่งวิธีการที่จะส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่าย? 2 การบัญชีสำหรับค่าใช้จ่าย ทำให้รายการของค่าใช้จ่ายในธุรกิจใด ๆ ที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับรายการที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่นคุณอาจเช่าพื้นที่สตูดิโอ, อุปกรณ์การซื้อหรือการซื้อก๊าซที่จะขับรถไปที่ร้านอุปทาน เอกสารทั้งหมดของค่าใช้จ่ายเหล่านี้แล้วแบ่งพวกเขาจากจำนวนของรายการที่คุณมีหรือวางแผนที่จะผลิตในปีนี้ ที่จะทำให้คุณมีต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยประมาณต่อรายการ. ทดลอง: เปลี่ยนจำนวนของสินค้าที่ผลิตต่อปีหรือลบค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายที่คุณสามารถทำได้โดยไม่ต้อง. 3 ครอบคลุมแรงงานของคุณ มันต้องใช้เวลาในการผลิตบรรจุภัณฑ์และการจัดส่งสินค้าของคุณ พิจารณางานกระบวนการผลิตของคุณโดยงาน ทั้งหมดในทุกกี่ชั่วโมงมันจะใช้เวลาในการเตรียมผลิตภัณฑ์นี้สำหรับการขาย? สิ่งที่คุณควรจ่ายเองสำหรับทุกสิ่งที่คุณจะทำอย่างไร นั่นเป็นวิธีการที่ได้รับการสนับสนุนโดยฮานาเบียร์เจ้าของสวัสดีพลัมสตูดิโอ, ร้าน Etsy ที่ขายสินค้าบ้านส่วนบุคคลและการเฉลิมฉลอง เบียร์ที่สร้างผลิตภัณฑ์ของเธอในบ้านของเธอในลิตเติลร็อคอาร์คันซอขอให้หาเท่าไหร่ที่คุณจะทำให้ในงานวันปกติ โปรดจำไว้ว่าคุณอาจจะเป็นคนเดียวทำทุกงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของคุณรวมทั้งการผลิตบรรจุภัณฑ์ขนส่งแก้ไขภาพถ่ายและตอบอีเมล "เพียงเพราะคุณได้สนุกกับธุรกิจของคุณไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ควรจ่ายเองอย่างเป็นธรรม" ฮานากล่าว. ทดลอง: กำจัดงานหรือลดระยะเวลาหนึ่งขั้นตอนอาจใช้เวลาลองค่าจ้างรายชั่วโมงที่แตกต่างกันคุณสามารถทำให้.. กระบวนการของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการแต่งงานการเจรจาที่คล้ายกัน? คุณควรให้ตัวเองมากขึ้นหรือไม่4. ให้เป้าหมายการกำหนดราคา. หากธุรกิจของคุณเป็นเพียงการออกจากพื้นดินหมดก็อาจจะรู้สึกเหมือนเป็นสถานที่ที่ดีที่จะเริ่มต้น. หรือบางทีคุณพร้อม ที่จะย้ายเข้าขายส่งและประเมินอีกครั้งโครงสร้างการกำหนดราคาของคุณ. คิดเกี่ยวกับขอบเขตร้านค้าของคุณและที่คุณต้องการเพื่อให้ได้ภายในสิ้นปีนี้. มันเป็นประโยชน์ในการกำหนดราคาสำหรับอนาคตที่ไม่เพียง แต่ในปัจจุบัน. The Bottom-Up วิธีการขณะนี้คุณมีภาพที่ดีของสิ่งที่คุณกำลังใช้อยู่ในปัจจุบัน. แต่นี้หมายความว่าลูกค้าเป้าหมายของคุณจะยินดีที่จะจ่ายเงินจำนวนนั้นหรือว่าการกำหนดราคาของคุณอย่างถูกบัญชีสำหรับค่าของรายการของคุณหรือไม่ไม่จำเป็นต้องที่จะนำเราไป วิธีที่สองของการคำนวณราคา. ในวิธีการด้านล่างขึ้นคุณจะต้องใช้การวิจัยและการทดสอบเพื่อตรวจสอบราคาที่คุณคิดว่าเป็นสิทธิแล้วคิดออกเท่าไหร่ที่คุณนึกคิดต้องการใช้จ่ายในการเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการแต่ละเพื่อให้คุณเข้าถึง เป้าหมายของการกำหนดราคานี้ ทำตามทั้งสามขั้นตอนที่จะคิดออกในราคาที่เหมาะ: 1 ทำวิจัย. พิจารณาที่ราคาของคุณที่มีอยู่ในระบบนิเวศกว้างของรายการที่มีอยู่ใน Etsy และออนไลน์ วิธีทำราคาของคุณเปรียบเทียบ? โปรดจำไว้ว่ารายการจากร้านค้ากล่องใหญ่ไม่ได้มีมูลค่าเพิ่มของการจัดการส่วนตัวหนึ่งของชนิดชิ้น ราคาของพวกเขาสามารถให้จุดอ้างอิง แต่ร้านค้าปลีกเหล่านี้จะไม่คู่แข่งโดยตรงของคุณ. 2 กำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณ ได้ภาพที่ชัดเจนของประเภทของคนที่ซื้อสินค้าของคุณและสำหรับสิ่งที่โอกาสที่พวกเขากำลังจะซื้อ ยกตัวอย่างเช่นโอลิเวีย Gratton-แก็กที่ขายรายละเอียดการพิมพ์แผนที่ในร้านของเขามอนทรีออตามผมชอบ Maps, รู้ว่าแผนที่ของเขามักจะใช้เป็นของขวัญสำหรับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อน ๆ "ในบริบทที่" เขากล่าวว่า "ผมไม่ลังเลที่จะขอ $ 20 ถึง $ 135 สำหรับการพิมพ์ที่ค่าใช้จ่ายมากน้อยในวัสดุเพราะราคาที่ให้ความรู้สึกสำหรับของขวัญรอบคอบสำหรับคนที่คุณรัก." 3. การทดสอบและการ วัดการตอบสนอง. เมื่อคุณที่ดินในราคาที่คุณคิดว่าจะทำให้ความรู้สึกแสวงหาความคิดเห็นที่เป็นกลางจากเจ้าของธุรกิจและเพื่อนนักช้อป. ถามคำถามและใช้ตัวชี้นำจากการแสดงในคน. พูดคุยกับคนที่อยู่ในเครือข่ายของคุณหรือขอคำแนะนำผ่าน Etsy ทีม. คุณ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดราคาที่แตกต่างกันสำหรับรายการที่คล้ายกันในร้านค้าของคุณเพื่อดูว่าพวกเขาขาย. - กระบวนการที่เรียกว่าการทดสอบ A / B ประชุมในกลางใช้ทั้งสองวิธีการเหล่านี้ก็เป็นไปได้มากว่าราคาที่เกิดขึ้นจริงและอุดมคติของคุณจะมีลักษณะค่อนข้าง . ที่แตกต่างกันก็ไม่เป็นไรโดยสิ้นเชิง - นี้เป็นโอกาสของคุณที่จะคิดออกว่าทำไมใช้แผ่นรวมข้างต้นเพื่อตรวจสอบคันโยกขวาเพื่อดึงและทำการปรับเปลี่ยนกับธุรกิจของคุณคุณจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบน้อยราคาแพงหรือน้อยกว่าคุณจะต้อง!. เพิ่มประสิทธิภาพของคุณหรือตัดออกจากงานหรือไม่รายละเอียดบางอย่างไม่คุ้มค่าเวลาของคุณเพราะพวกเขากำลังแรงงานเข้มข้นเกินไป? โปรดจำไว้ว่าราคาของคุณเป็นอย่างต่อเนื่อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิธีการด้านบนลงเริ่มด้วยเส้นทางนี้คุณจะใช้ต้นทุนของวัสดุ เวลา แรงงาน และค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่าย เพื่อกำหนดราคาของสินค้าของคุณ เริ่มโดยการกรอกตัวเลขในแผ่นงานที่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณกำลังใช้ แล้วพิจารณาว่าคุณอาจจะเปลี่ยนเพื่อเพิ่มบรรทัดด้านล่างของคุณ1 . เริ่มด้วยวัสดุของคุณ ให้จดบันทึกของวัสดุที่คุณใช้เพื่อให้แต่ละรายการและวิธีการมากที่คุณใช้จ่ายกับพวกเขาต่อรายการ ถ้าคุณขายสินค้าเหล้าองุ่นหรือวัสดุงานฝีมือ , ใส่ต้นทุนของสินค้า เมื่อคุณซื้อมันการทดลอง : ลบวัสดุที่จะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของคุณค่าใช้จ่าย แล้วดูสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณลดต้นทุนของแต่ละวัสดุ หากคุณสามารถซื้อวัสดุในกลุ่มหรือผ่านบัญชีขายส่งวิธีการที่จะมีผลต่อต้นทุน2 . บัญชีค่าใช้จ่าย ทำให้รายการของค่าใช้จ่ายใด ๆ ธุรกิจที่ไม่เชื่อมโยงกับรายการที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่นคุณอาจจะเช่าพื้นที่สตูดิโอ ซื้ออุปกรณ์ หรือซื้อแก๊สขับไปใส่ที่ร้าน เอกสารทั้งหมดของค่าใช้จ่ายเหล่านี้ แล้วหารด้วยจำนวนของรายการที่คุณมีหรือวางแผนที่จะผลิตในปีนี้ ที่จะให้คุณประมาณการค่าใช้จ่ายต่อรายการการทดลอง : การเปลี่ยนแปลงจำนวนสินค้าที่ผลิตได้ต่อปีหรือลบค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายคุณสามารถทำได้โดยไม่ต้อง3 . ครอบคลุมแรงงานของคุณ ใช้เวลาในการผลิตบรรจุภัณฑ์และการจัดส่งสินค้าของคุณ พิจารณางานของกระบวนการผลิต โดยงาน ทั้งหมดในทุก , วิธีการหลายชั่วโมงมันจะใช้เวลาเตรียมสินค้าสำหรับการขาย ? สิ่งที่คุณควรจ่ายให้ตัวเองสำหรับทุกสิ่งที่คุณทำ นั่นเป็นวิธีการที่ชื่นชอบโดยฮานะเบียร์เจ้าของสวัสดีพลัม สตูดิโอ เป็นร้านที่ขายสินค้าบ้าน Etsy และรายการงานส่วนบุคคล เบียร์ที่สร้างผลิตภัณฑ์ของเธอในบ้านของเธอ ในลิตเติลร็อก รัฐอาร์คันซอ เสนอแนะการหาวิธีการที่คุณจะให้ในงานวันปกติมาก เก็บไว้ในใจว่าคุณอาจเป็นคนเดียวที่ทำทุกงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ รวมถึงการผลิต บรรจุภัณฑ์ การขนส่ง การแก้ไขภาพถ่าย และตอบอีเมล์ " . แค่เพราะว่าคุณสนุกกับธุรกิจของคุณก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ควรจ่ายเองค่อนข้าง " ฮานะพูดการทดลอง : จัดการงานหรือลดระยะเวลาขั้นตอนหนึ่งอาจใช้เวลา ลอง ค่าจ้างต่อชั่วโมงที่แตกต่างกัน คุณสามารถทำให้กระบวนการของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการเชื่อมต่อที่คล้ายกันพูดคุย ? คุณควรจ่ายเองมากกว่า4 . ให้ราคาเป้าหมาย หากธุรกิจของคุณจะได้รับออกจากพื้นดิน ทำลาย แม้อาจจะรู้สึกเหมือนเป็นสถานที่ที่ดีที่จะเริ่มต้น หรือบางทีคุณก็พร้อมที่จะย้ายเข้าขายส่งและอีกครั้งประเมินโครงสร้างราคาของคุณ คิดเกี่ยวกับขอบเขตของคุณที่ร้านและที่ที่คุณต้องการได้โดยการสิ้นสุดของปี มันเป็นประโยชน์กับราคาในอนาคต ไม่ใช่แค่ปัจจุบันด้านล่างขึ้นวิธีการตอนนี้คุณได้ภาพที่ดีของสิ่งที่คุณกำลังใช้ แต่นี้ไม่ได้หมายความว่าลูกค้าเป้าหมายของคุณจะยินดีที่จะจ่ายเงิน หรือราคาที่ถูกต้องบัญชีสำหรับค่าของสินค้าของคุณ ไม่จำเป็น ซึ่งนำเราไปวิธีที่สองของการคำนวณราคา ในจากล่างขึ้นบน วิธีการ คุณจะใช้งานวิจัยและการทดสอบเพื่อตรวจสอบราคาที่คุณคิดว่าถูกต้องแล้วคิดออกเท่าไหร่ที่คุณจะใช้จ่ายในการประกอบแต่ละส่วนของกระบวนการเพื่อให้คุณเข้าถึงนี้ ราคาเป้าหมาย ตามเหล่านี้สามขั้นตอนเพื่อหาราคาที่เหมาะสม :1 . ทำวิจัย พิจารณาที่ราคาของคุณอยู่ในที่กว้าง ระบบนิเวศของรายการที่มีอยู่ใน Etsy และออนไลน์ เปรียบเทียบราคาของคุณอย่างไร ? จำได้ว่า สินค้าจากร้านกล่องใหญ่ไม่มีมูลค่าเพิ่มของบุคคลจัดการ หนึ่งชิ้น ราคาของพวกเขาสามารถให้จุดอ้างอิง แต่ร้านค้าปลีกเหล่านี้ไม่ใช่คู่แข่งของคุณโดยตรง2 . กำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณ รับภาพที่ชัดเจนของประเภทของคนที่จะซื้อสินค้าของคุณแล้ว โอกาสที่พวกเขาจะซื้อ ตัวอย่างเช่น โอลิแกรตเติ้นกาเย่ municipalities . kgm ที่ขายพิมพ์แผนที่รายละเอียดของเขาและผมชอบแผนที่ร้านมนตรีอัลตามรู้ว่าแผนที่ของเขามักจะใช้เป็นของขวัญสำหรับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อน ๆ " ในบริบท " เขากล่าวว่า " ผมไม่ลังเลที่จะถามสำหรับ $ 20 ถึง $ 135 สำหรับพิมพ์ที่ค่าใช้จ่ายมากน้อยกว่าในวัสดุ เพราะราคาที่สมเหตุสมผลสำหรับของขวัญเล็กน้อยสำหรับคนที่คุณรัก .3 . การทดสอบและการวัด เมื่อที่ดินคุณในราคาที่คุณคิดว่าสมเหตุสมผล แสวงหาที่เป็นกลางความคิดเห็นจากเพื่อนเจ้าของธุรกิจและผู้ซื้อ ถามปัญหาและโอกาสจากคนแสดง พูดคุยกับคนในเครือข่ายของคุณหรือขอคำแนะนำผ่านทีม Etsy . นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งค่าราคาที่แตกต่างสำหรับรายการที่คล้ายกันในร้านค้าของคุณเพื่อดูว่าพวกเขาขาย–กระบวนการที่เรียกว่า A / B testการประชุมในกลางใช้ทั้งสองวิธีนี้ มันเป็นไปได้มากว่าราคาที่แท้จริงของคุณและเหมาะจะดูแตกต่างกันมาก ไม่เป็นไรหรอก และนี่เป็นโอกาสของคุณที่จะคิดออกว่าทำไม ใช้แผ่นรวมข้างต้นเพื่อตรวจสอบสิทธิเพื่อดึงคันโยก และปรับเปลี่ยนธุรกิจของคุณ คุณต้องใช้น้อยราคาแพงหรือน้อยกว่าวัตถุดิบ ? คุณมีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของคุณ หรือตัดงาน ? มีรายละเอียดบางอย่างไม่คุ้มค่าเวลาของคุณเพราะพวกเขาเป็นแรงงาน ?