The amount of alcohol produced by t

The amount of alcohol produced by the fermentation depends, as previously stated, upon the initial sugarlevel and the strain of yeast used. Approximations can be made from the soluble solids level of the grapes, but the final alcohol level of the wine still needs to be measured for labeling purposes. As alcohol is a toxin as well as an intoxicant, there are strict regulations surrounding its production. Terminology for alcohol in winemaking is therefore complex, and can be confusing. Alcohol that could be made from the natural sugar in the wine is termed ‘potential alcohol,’ and needs to be determined before the fermentation process starts. Once this sugar has been converted to alcohol, it is termed the ‘natural’ alcohol of the wine. When alcohol is derived from added sugar (chaptalization), the wine is termed ‘enriched’ and this amount (according to UK legislation) has to be less than 3.5% (4.5% in poor years) (Morgan et al., 2006). ‘Actual’ alcohol is that which is present in the wine after fermentation and chaptalization, and ‘total’ alcohol is determined by adding the contribution of potential alcohol from residual sugar in wine to the actual alcohol concentration. The way in which the alcohol content is displayed on the label is also subject to regulation, for example, the alcohol figure on a wine label must be accurate to within ±0.5% and prominently displayed. Duty is usually payable according to the alcoholic content of the wine. Alcohol is measured mainly by ebulliometry or distillation followed by hydrometry or pycnometry (Iland et al., 2004), but there are many other methods (see Sections 4.3.2 and 4.6.3).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จำนวนผลิต โดยการหมักแอลกอฮอล์นั้น ได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ sugarlevel ต้นและสายพันธุ์ของยีสต์ที่ใช้ สามารถทำเพียงการประมาณระดับของแข็งที่ละลายน้ำขององุ่น แต่ระดับแอลกอฮอล์ final ไวน์ยังต้องการวัดสำหรับวัตถุประสงค์ในการติดฉลาก แอลกอฮอล์เป็นสารพิษเป็น intoxicant มีกฎระเบียบเข้มงวดรอบการผลิต คำศัพท์สำหรับแอลกอฮอล์ใน winemaking จึงซับซ้อน และอาจสับสน แอลกอฮอล์ที่สามารถทำจากน้ำตาลธรรมชาติในไวน์ เรียกว่า 'เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์' และต้องถูกกำหนดก่อนเริ่มการหมัก เมื่อมีการแปลงเป็นน้ำตาลนี้แอลกอฮอล์ มันจะเรียกว่าเหล้า 'ธรรมชาติ' ของไวน์ เมื่อแอลกอฮอล์ได้มาจากน้ำตาลเพิ่ม (chaptalization), ไวน์เรียกว่า 'อุดมไป' และเงิน (ตามกฎหมายสหราชอาณาจักร) ได้จะ น้อยกว่า 3.5% (4.5% ในปีที่ไม่ดี) (มอร์แกนและ al., 2006) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 'จริง' เป็นที่ที่มีอยู่ในไวน์หมักและ chaptalization และแอลกอฮอล์ 'ทั้งหมด' จะถูกกำหนด โดยการเพิ่มสัดส่วนของแอลกอฮอล์ที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำตาลเหลือในไวน์เข้มข้นแอลกอฮอล์จริง วิธีการแสดงเนื้อหาของแอลกอฮอล์บนป้ายชื่ออยู่ภายใต้ข้อบังคับ ตัวอย่าง figure แอลกอฮอล์บนฉลากไวน์ต้องถูกต้องภายใน± 0.5% และจึงแสดง หน้าที่คือเจ้าหนี้มักจะตามเนื้อหาแอลกอฮอล์ของไวน์ วัดแอลกอฮอล์ โดย ebulliometry หรือกลั่นตาม ด้วย hydrometry หรือ pycnometry (Iland et al., 2004) ส่วนใหญ่ แต่ยังมีวิธีอื่น ๆ (ดูส่วน 4.3.2 และ 4.6.3)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปริมาณของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตจากการหมักขึ้นอยู่ตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้เมื่อ sugarlevel เริ่มต้นและสายพันธุ์ของยีสต์ที่ใช้ ใกล้เคียงสามารถทำจากระดับปริมาณของแข็งที่ละลายขององุ่น แต่ระดับแอลกอฮอล์สุดท้ายของไวน์ยังคงต้องการที่จะวัดเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดฉลาก ในฐานะที่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสารพิษเช่นเดียวกับที่มึนเมามีกฎระเบียบที่เข้มงวดโดยรอบการผลิต คำศัพท์เพื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการผลิตไวน์ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและสามารถทำให้เกิดความสับสน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่สามารถทำจากน้ำตาลธรรมชาติในไวน์ที่เรียกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีศักยภาพและความต้องการที่จะได้รับการพิจารณาก่อนที่กระบวนการหมักจะเริ่มต้น เมื่อน้ำตาลนี้ได้รับการแปลงเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็จะเรียกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 'ธรรมชาติ' ของไวน์ เมื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาจากน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น (chaptalization), ไวน์ที่เรียกว่า 'อุดม' และเงินจำนวนนี้ (ตามกฎหมายในสหราชอาณาจักร) จะต้องมีน้อยกว่า 3.5% (4.5% ในปีที่ไม่ดี) (มอร์แกน, et al., 2006) 'จริง' เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่มีอยู่ในไวน์หลังจากการหมักและการ chaptalization และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 'รวม' จะถูกกำหนดโดยการเพิ่มการมีส่วนร่วมของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีศักยภาพจากน้ำตาลที่เหลือในไวน์กับความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่เกิดขึ้นจริง วิธีการที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่จะแสดงบนฉลากยังเป็นเรื่องที่ควบคุมตัวอย่างเช่นรูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนฉลากไวน์จะต้องมีความถูกต้องอยู่ภายใน± 0.5% และปรากฏเด่นชัด โดยปกติจะเป็นหน้าที่ที่ต้องชำระตามเนื้อหาที่มีแอลกอฮอล์ของไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นวัดโดยส่วนใหญ่ ebulliometry หรือการกลั่นตาม hydrometry หรือ pycnometry (Iland และคณะ. 2004) แต่มีวิธีการอื่น ๆ อีกมากมาย (ดูส่วน 4.3.2 และ 4.6.3)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ผลิตโดยการหมักขึ้น ตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อ sugarlevel เริ่มต้นและสายพันธุ์ของยีสต์ที่ใช้ การได้จากค่าของแข็งที่ละลายน้ำได้ขององุ่น แต่นาลจึงระดับแอลกอฮอล์ของไวน์ยังต้องการจะวัด สำหรับการติดฉลากเพื่อ เป็นแอลกอฮอล์เป็นสารพิษรวมทั้งของมึนเมา ,มีกฎระเบียบที่เข้มงวดรอบการผลิตของ คำศัพท์สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการผลิตไวน์จึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และอาจจะสับสนได้ แอลกอฮอล์ที่ได้จากน้ำตาลธรรมชาติในไวน์ที่มีแอลกอฮอล์เป็น termed ' ' และต้องตัดสินใจก่อนที่กระบวนการหมักจะเริ่ม เมื่อน้ำตาลถูกเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์ มันเป็น termed เป็น ' ธรรมชาติ ' แอลกอฮอล์ของไวน์เมื่อแอลกอฮอล์ได้มาจากน้ำตาลเพิ่ม ( chaptalization ) , ไวน์เป็น termed ' อุดม ' และจํานวนนี้ ( ตามกฎหมายอังกฤษ ) ต้องน้อยกว่า 3.5% ( 4.5 ) จนปี ) ( มอร์แกน et al . , 2006 ) ' จริง ' คือแอลกอฮอล์ในไวน์ ซึ่งเป็นปัจจุบัน และ chaptalization หลังจากหมัก ,และ ' แอลกอฮอล์ ' ทั้งหมดจะถูกกำหนดโดยการเพิ่มศักยภาพผลงานของแอลกอฮอล์จากน้ำตาลที่ตกค้างในไวน์เพื่อความเข้มข้นแอลกอฮอล์ที่เกิดขึ้นจริง วิธีที่ปริมาณแอลกอฮอล์จะปรากฏบนฉลากก็ขึ้นอยู่กับระเบียบ เช่น gure จึงแอลกอฮอล์บนฉลากไวน์ต้องถูกต้องภายใน± 0.5% และปรากฏ .หน้าที่คือมักจะจ่ายตามปริมาณแอลกอฮอล์ของไวน์ แอลกอฮอล์เป็นวัดโดยส่วนใหญ่ ebulliometry หรือกลั่นตามโปรแกรมประยุกต์บนเว็บหรือ pycnometry ( ร et al . , 2004 ) แต่ไม่มีวิธีอื่น ๆอีกมากมาย ( ดูส่วน 4.3.2 และ 4.6.3 )