Every tort case begins with a dispu

Every tort case begins with a dispute or controversy that cannot be resolved in a less formal manner. A person who feels that he has been injured by another may begin a civil action. The person filing the suit is called the plaintiff, and the person against whom the suit has been filed is called the defendant. Prior to actually filing a suit, the plaintiff will usually consult a lawyer, who will advise him about the soundness of his case. If the lawyer feels her prospective client has a good case, she may either agree to handle it personally or refer him to someone else who specializes in the kind of case in question. Lawyers often agree to work on the basis of a contingency fee, which means the lawyer is paid only if the client’s claim is successful. Should he lose, the client pays only for court fees and other expenses involved in pursuing the case. Often the plaintiff’s lawyer will initially suggest an informal resolution of the conflict. She may call or write to the defendant to convey her client’s intent to sue and will thus be persuaded to settle out of court. The defendant, in turn, may have retained his own lawyer in anticipation of the plaintiff’s action. It is quite possible that after the lawyers for both sides confer, an informal agreement can be worked out, thus avoiding the formal legal process. A majority of cases are resolved after some informal negotiating by the lawyers involved or after referral to some alternative dispute resolution program.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กรณีการละเมิดทุกเริ่มต้นด้วยข้อพิพาทหรือความขัดแย้งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในลักษณะที่เป็นทางการน้อยกว่า คนที่รู้สึกว่าเขาได้รับบาดเจ็บอีกอาจจะเริ่มดำเนินการทางแพ่ง ผู้ยื่นคำร้องที่เรียกว่าโจทก์และบุคคลกับผู้ที่เหมาะสมได้รับการยื่นเรียกว่าจำเลยที่ ก่อนที่จะมีการยื่นฟ้องจริงโจทก์มักจะปรึกษาทนายความที่จะให้คำแนะนำเขาเกี่ยวกับความแข็งแรงของกรณีของเขา ถ้าทนายความรู้สึกลูกค้าที่คาดหวังของเธอมีกรณีที่ดีเธออาจจะตกลงที่จะจัดการกับมันเองหรือดูว่าเขาจะมีคนอื่นที่มีความเชี่ยวชาญในชนิดของกรณีในคำถาม ทนายความมักจะตกลงที่จะทำงานบนพื้นฐานของค่าฉุกเฉินซึ่งหมายความว่าทนายความจะจ่ายเฉพาะในกรณีที่การเรียกร้องของลูกค้าที่ประสบความสำเร็จ เขาควรจะสูญเสียลูกค้าจ่ายสำหรับค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่ศาลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการใฝ่หากรณีที่ มักทนายความโจทก์ครั้งแรกจะแนะนำความละเอียดที่เป็นทางการของความขัดแย้ง เธออาจจะโทรห​​รือเขียนถึงจำเลยที่จะถ่ายทอดความตั้งใจของลูกค้าของเธอจะฟ้องและจะทำให้ได้รับการชักชวนให้ชำระออกจากศาล จำเลยในทางกลับกันอาจจะมีการเก็บรักษาไว้ทนายความของตัวเองในความคาดหมายของการกระทำของโจทก์ มันค่อนข้างเป็นไปได้ว่าหลังจากที่ทนายความทั้งสองฝ่ายหารือ, ข้อตกลงทางการสามารถทำงานออกมาจึงหลีกเลี่ยงกระบวนการทางกฎหมายอย่างเป็นทางการ กรณีส่วนใหญ่ได้รับการแก้ไขหลังจากการเจรจาต่อรองบางอย่างไม่เป็นทางการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือหลังจากการแนะนำบางโปรแกรมระงับข้อพิพาททางเลือก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทุกกรณีสูญเริ่ม มีข้อโต้แย้งหรือถกเถียงที่ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเป็นทางการน้อย คนที่รู้สึกว่า เขาบาด โดยอีกอาจเริ่มต้นการดำเนินการโยธา บุคคลที่ยื่นชุดเรียกว่าโจทก์ และบุคคลที่มีการยื่นต่อที่ชุดเรียกว่าจำเลย ก่อนจะ ยื่นสูท โจทก์จะมักจะปรึกษาทนายความ ที่จะแนะนำเขาเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของเขา ถ้าทนายความรู้สึกลูกค้าของเธอมีแนวโน้มได้กรณีดี เธออาจอาจตกลง ไปจัดการเองถึงเขาผู้อื่นที่เชี่ยวชาญชนิดของกรณีและปัญหาสงสัย ทนายความมักจะเห็นการทำงานตามค่าฉุกเฉิน ซึ่งหมายความว่า จ่ายทนายเท่านั้นถ้าการเรียกร้องของลูกค้าประสบความสำเร็จ เขาควรเสีย ลูกค้าชำระเงินสำหรับค่าธรรมเนียมศาลและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในกรณีใฝ่หา มักทนายความของโจทก์จะเริ่มแนะนำความละเอียดอย่างไม่เป็นทางการของความขัดแย้ง เธออาจโทร หรือจำเลยเพื่อแสดงเจตนาของลูกค้าของเธอฟ้อง และจะเขียนจึง เกลี้ยกล่อมให้ชำระออกจากศาลได้ จำเลย ในเลี้ยว อาจยังมีทนายความของเขาเองในความคาดหมายของการกระทำของโจทก์ ค่อนข้างเป็นไปได้ว่า หลังจากทนายความในทั้งสองด้านประสาท ข้อตกลงที่ไม่เป็นทางสามารถทำ จึง หลีกเลี่ยงการทางกฎหมายได้ ส่วนใหญ่ของกรณีและปัญหาที่แก้ไขหลัง จากเจรจาต่อรองบางอย่างไม่เป็นทางการโดยทนายความที่เกี่ยวข้อง หรือ หลังจะบางโปรแกรมแก้ปัญหาข้อพิพาททางเลือก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กรณีการละเมิดทุกครั้งจะเริ่มด้วยการโต้เถียงหรือข้อพิพาทที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในลักษณะที่เป็นทางการน้อยกว่า ผู้ที่รู้สึกว่าเขาได้รับการได้รับบาดเจ็บอีกอย่างหนึ่งโดยอาจจะเริ่มการดำเนินคดีทางแพ่ง บุคคลที่ยื่นคำขอเหมาะกับที่จะถูกเรียกว่าผู้ฟ้องคดีและผู้ที่เหมาะสมกับที่ได้รับการยื่นฟ้องเรียกว่าจำเลยได้ ก่อนที่จะมายื่นคำขอตามที่ผู้ฟ้องคดีที่จะปรึกษาทนายความที่โดยปกติผู้ที่จะขอแนะนำให้เขาเกี่ยวกับความเป็นไปของคดีของเขา หากทนายความจะรู้สึกว่าเครื่องลูกข่ายในอนาคตของเธอได้กรณีที่ดีที่เธออาจจะยอมรับในการจัดการกับเรื่องดังกล่าวโดยส่วนตัวแล้วหรือดูเขาให้คนอื่นได้ซึ่งเชี่ยวชาญใน ประเภท ของกรณีในคำถาม ทนายความมักตกลงที่จะทำงานบนพื้นฐานของค่าธรรมเนียมกรณีซึ่งหมายความว่าทนายความจะได้เงินคืนเท่านั้นถ้ามีการอ้างสิทธิ์ของเครื่องลูกข่ายนั้นจะประสบความสำเร็จ เขาจะต้องสูญเสียเครื่องลูกข่ายจะจ่ายเงินชดเชยเฉพาะสำหรับค่าธรรมเนียมศาลและค่าใช้จ่ายอื่นๆมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจแล้วแต่กรณี มักทนายความของผู้ฟ้องคดีที่จะขอแนะนำให้ความละเอียดในแบบซึ่งไม่เป็นทางการของความขัดแย้งที่ในครั้งแรก เธออาจโทรติดต่อหรือเขียนไปยังจำเลยที่จะนำมาซึ่งความมุ่งหมายของเธอเครื่องลูกข่ายในการดำเนินคดีและจะได้รับการชักจูงให้ทำการออกจากศาลดังนั้น จำเลยในการเปิดอาจมีไว้ทนายความของเขาเองในคาดว่าการดำเนินการของผู้ฟ้องคดีได้. มีความเป็นไปได้ว่าหลังจากทนายความของทั้งสองด้านให้ข้อตกลงในแบบซึ่งไม่เป็นทางการสามารถทำงานออกมาจึงหลีกเลี่ยงกระบวนการทางกฎหมายอย่างเป็นทางการ โดยส่วนใหญ่แล้วในบางกรณีได้รับการแก้ไขหลังการเจรจาต่อรองในแบบซึ่งไม่เป็นทางการบางส่วนโดย สภา ทนายความที่เกี่ยวข้องกับหรือหลังจากโปรแกรมความละเอียดการอ้างอิงไปยังบางข้อพิพาททางเลือก