Myth 6: The death penalty is an eff

Myth 6: The death penalty is an effective deterrent to violent crimes
FACT: There is no convincing evidence that the death penalty is an effective deterrent to crime. Many murders take place when the perpetrators are under great emotional stress, or under the influence of drugs – times when they are not considering the consequences.

Research has consistently shown that the death penalty does not deter crime more effectively than other punishments.
A 1988 United Nations research report found: "...it is not prudent to accept the hypothesis that capital punishment deters murder to a marginally greater extent than does the threat and application of the supposedly lesser punishment of life imprisonment".
In Canada, the homicide rate actually fell by 40 per cent in the three decades following 1975, the year before the death penalty for murder was abolished. Research from other countries has failed to show that repealing the death penalty causes an increase in crime rates.
The use of the death penalty cannot be credited with making societies any safer.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เรื่องที่ 6: โทษประหารชีวิตเป็นการเนินงานมีประสิทธิภาพที่รุนแรงอาชญากรรมความจริง: มีหลักฐานเชื่อว่าโทษประหารชีวิตต่ำ ๆ มีผลให้อาชญากรรม ฆาตกรรมมากมายเกิดขึ้นเมื่อผู้กระทำผิดภาย ใต้อารมณ์ดี หรือภาย ใต้อิทธิพลของยาเสพติด – เวลาเมื่อพวกเขาจะไม่พิจารณาผลวิจัยได้อย่างต่อเนื่องแสดงว่า โทษประหารชีวิตไม่ยับยั้งอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการลงโทษอื่น ๆพบรายงานวิจัยแห่งสหประชาชาติปี 1988: "... วันนี้ไม่สมควรที่จะยอมรับสมมติฐานที่ว่า มหันตโทษ deters ฆาตกรรมในระดับเล็กน้อยยิ่งกว่าไม่คุกคามและการลงโทษน้อยกว่าที่คาดคะเนจำคุกชีวิต"ในแคนาดา อัตราการฆาตกรรมจริงลดลงร้อยละ 40 ในปี 1975 ต่อปีก่อนที่ยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับการฆาตกรรม งานวิจัยจากประเทศอื่น ๆ ไม่สามารถแสดงว่า ขอโทษประหารชีวิตทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นในอัตราอาชญากรรมการใช้โทษประหารชีวิตไม่ได้รับทำให้สังคมมีความปลอดภัยใด ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตำนานที่ 6: โทษประหารชีวิตเป็นอุปสรรคที่มีประสิทธิภาพในการก่ออาชญากรรมรุนแรง
ความจริง: ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อว่าโทษประหารชีวิตเป็นอุปสรรคที่มีประสิทธิภาพในการก่ออาชญากรรม ฆาตกรรมหลายคนจะเกิดขึ้นเมื่อผู้กระทำผิดที่อยู่ภายใต้ความเครียดทางอารมณ์ที่ดีหรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของยาเสพติด - ครั้งเมื่อพวกเขาจะไม่พิจารณาผลที่ตามมา. การวิจัยได้แสดงให้เห็นอย่างสม่ำเสมอว่าโทษประหารชีวิตไม่ได้ยับยั้งการเกิดอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าการลงโทษอื่น ๆ . 1988 ประเทศ รายงานการวิจัยพบ Nations:. " ... มันก็ไม่สมควรที่จะยอมรับสมมติฐานที่ว่าโทษประหารสกัดกั้นการฆาตกรรมในระดับที่สูงกว่าเล็กน้อยไม่เป็นภัยคุกคามและการประยุกต์ใช้การลงโทษที่คาดคะเนน้อยกว่าจำคุกตลอดชีวิต" ในแคนาดาอัตราการฆาตกรรมจริง ลดลงร้อยละ 40 ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาต่อไป 1975 ปีก่อนที่จะโทษประหารชีวิตในข้อหาฆาตกรรมถูกยกเลิก งานวิจัยจากประเทศอื่น ๆ ล้มเหลวที่จะแสดงให้เห็นว่าการยกเลิกโทษประหารชีวิตเป็นสาเหตุของการเพิ่มขึ้นของอัตราการเกิดอาชญากรรม. การใช้โทษประหารชีวิตไม่สามารถให้เครดิตกับการทำให้สังคมปลอดภัยใด ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตำนานที่ 6 : โทษประหารเป็นยับยั้งที่มีประสิทธิภาพ อาชญากรรมความรุนแรงข้อเท็จจริง : ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อว่าโทษประหารเป็นยับยั้งที่มีประสิทธิภาพในการก่ออาชญากรรม การฆาตกรรมมากมายเกิดขึ้นเมื่อผู้ที่อยู่ภายใต้ความเครียดทางอารมณ์ที่ดี หรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของยาเสพติด–ครั้งเมื่อพวกเขาจะไม่พิจารณาผลมีการวิจัยอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าโทษประหารไม่ปรามอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการลงโทษอื่น ๆเป็น 1988 สหประชาชาติรายงานวิจัยพบว่า : " . . . . . . . มันไม่ฉลาดที่จะยอมรับสมมติฐานว่า การลงโทษประหารชีวิตซื้อฆาตกรรมในระดับเล็กน้อยกว่าจะคุกคามและการประยุกต์ใช้น่าจะน้อยกว่าการลงโทษจำคุกตลอดชีวิต "ในแคนาดา , ฆาตกรรมอัตราจริงลดลง 40 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาต่อไปนี้ 1975 ปีก่อนประหารชีวิต ข้อหาฆาตกรรมถูกยกเลิก งานวิจัยจากประเทศอื่น ๆได้ล้มเหลวที่จะแสดงให้เห็นว่า การยกเลิกโทษประหารให้เพิ่มขึ้นในอัตราอาชญากรรมการใช้โทษประหาร ก็ต้องให้เครดิตกับ ทำให้สังคมมีความปลอดภัย