Introduction to Phonetics1. What is

Introduction to Phonetics
1. What is phonetics? The (scientific?) study of speech. But why do we want to study speech?

2. The Primacy of Speech: speech is the primary way in which linguistic information is communicated between people. There are only two ways of linguistic communication that are natural (biological, independent of culture?): speech and sign (among the congenitally deaf and in some hunter-gatherer societies). Of these, speech is more widespread.

3. Naturalness of speech

1 In history: for most of human history, writing did not exist. Writing is a comparatively recent social invention.
2 In world society: languages with established writing systems are numerically a small minority. Most languages are unwritten (or were until this century).

3 In human development: children without disabilities acquire speech as a natural human function, e.g. like walking or eating. It does not require explicit instruction, is biologically pre-programmed, and is achieved to an equal degree of mastery by everyone (though some become more eloquent in what they have to say than others!)

4 In the development of literary languages: a literary language is a socially established forms of what was, at an earlier stage, merely one spoken dialect among many.

5 In quantity of activity: most linguistic activity is in the spoken medium. Indeed, even among literate people, writing is a relatively rare activity.

4. The scope of the subject. The subject of phonetics covers all aspects of speech production, transmission, and reception, including:
1 Planning: How people plan how they are going to control their organs of speech in order to say what they want to say. Usually studied by neurological and psychological methods, such as observation of brain-injured patients, subjects in psycholinguistic-style experiments, and imaging of brain function ("brain scanning").
2 Articulatory phonetics: the organs of speech, the ways in which they may move and be coordinated with each other, and the possibilities for speech that this permits. These aspects can be observed to a certain extent by proprioception, assisted by training, as well as physiological and experimental studies.

3 Acoustic phonetics: how air is set in motion, made to vibrate and how speech waves are transmitted between speakers. In transmission, speech acoustics may be studied in incredible detail just by careful listening, or with instruments, such as the microphone, and a small computer.

4 Auditory phonetics and speech perception. Primarily based on psychological experiments and some physiological studies.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการออกเสียง
1 คือการออกเสียงอะไร? (การทางวิทยาศาสตร์?) การศึกษาในการพูด แต่ทำไมเราต้องการที่จะศึกษาคำพูด? 2 เป็นอันดับหนึ่งในการพูด: คำพูดเป็นวิธีหลักในการที่ข้อมูลภาษาที่มีการสื่อสารระหว่างผู้คน มีเพียงสองวิธีของการสื่อสารทางภาษาที่เป็นธรรมชาติ (ทางชีวภาพที่เป็นอิสระของวัฒนธรรม?): การพูดและการเข้าสู่ระบบ (ในหมู่คนหูหนวก congenitally และในบางสังคมเธ่อ) ของเหล่านี้เป็นคำพูดที่แพร่หลายมากขึ้น. 3 ธรรมชาติของการพูด1 ในประวัติศาสตร์: สำหรับส่วนมากของประวัติศาสตร์ของมนุษย์เขียนไม่ได้อยู่ การเขียนเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับสังคม. 2 ในสังคมโลก: ภาษาที่มีระบบการเขียนที่จัดตั้งขึ้นเป็นตัวเลขน้อย ภาษาส่วนใหญ่จะไม่ได้เขียนไว้ (หรือจนกระทั่งศตวรรษนี้). 3 ในการพัฒนามนุษย์: เด็กที่ไม่มีความพิการได้รับการพูดเป็นหน้าที่ของมนุษย์ตามธรรมชาติเช่นเช่นการเดินหรือรับประทานอาหาร มันไม่จำเป็นต้องสอนที่ชัดเจนเป็นทางชีวภาพก่อนโปรแกรมและจะประสบความสำเร็จในการศึกษาระดับปริญญาเท่าเทียมกันของการเรียนรู้โดยทุกคน (แม้บางคนจะกลายเป็นที่พูดในสิ่งที่พวกเขาต้องบอกว่ากว่าคนอื่น ๆ !) 4 ในการพัฒนาภาษาวรรณกรรม: วรรณกรรม ภาษาเป็นรูปแบบที่เป็นที่ยอมรับต่อสังคมของสิ่งที่เป็นในช่วงก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งในภาษาพูดในหลาย. 5 ในปริมาณของกิจกรรม: กิจกรรมภาษามากที่สุดคือในกลางพูด อันที่จริงแม้ในหมู่คนรู้การเขียนเป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างหายาก. 4 ขอบเขตของเรื่อง เรื่องของการออกเสียงครอบคลุมทุกแง่มุมของการผลิตการพูดการส่งและการรับรวมไปถึง: 1 การวางแผน: วิธีการที่คนวางแผนว่าพวกเขาจะไปควบคุมอวัยวะของพวกเขาในการพูดเพื่อที่จะพูดในสิ่งที่พวกเขาต้องการที่จะพูด การศึกษาปกติโดยวิธีการทางระบบประสาทและจิตใจเช่นการสังเกตของผู้ป่วยที่สมองได้รับบาดเจ็บอาสาสมัครในการทดลอง psycholinguistic สไตล์และการถ่ายภาพของการทำงานของสมอง ("สแกนสมอง"). 2 สรีรสัทศาสตร์: อวัยวะในการพูดวิธีการที่พวกเขา อาจย้ายและมีการประสานงานกับแต่ละอื่น ๆ และเป็นไปได้สำหรับคำพูดที่ใบอนุญาตนี้ ลักษณะเหล่านี้สามารถสังเกตได้ในระดับหนึ่งโดย proprioception การช่วยเหลือจากการฝึกอบรมเช่นเดียวกับการศึกษาและการทดลองทางสรีรวิทยา. 3 อะคูสติกออกเสียง: วิธีอากาศจะตั้งในการเคลื่อนไหวทำให้การสั่นสะเทือนและวิธีการที่คลื่นเสียงพูดจะถูกส่งระหว่างลำโพง ในการส่ง, เสียงคำพูดอาจจะศึกษาในรายละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อเพียงแค่ระวังการฟังหรือด้วยเครื่องมือเช่นไมโครโฟนและคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก. 4 การออกเสียงการได้ยินและการรับรู้คำพูด ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการทดลองทางจิตวิทยาและการศึกษาทางสรีรวิทยา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสัทศาสตร์
1 สัทศาสตร์คืออะไร ? ( วิทยาศาสตร์ ) เรียนการพูด แต่ทำไมเราถึงอยากเรียนการพูด ?

2 primacy พูด คำพูดเป็นวิธีหลักที่ข้อมูลทางภาษาเป็นการสื่อสารระหว่างคน มีเพียงสองวิธีของภาษาการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติ ( ชีวภาพ อิสระของวัฒนธรรม ? :คำพูดและสัญลักษณ์ ( ระหว่างคนหูหนวกและอุ้มนักล่าผู้รวบรวมสังคม ) ของเหล่านี้ที่พูดอย่างกว้างขวางมากขึ้น

3 ธรรมชาติของคำพูด

1 ในประวัติศาสตร์ สำหรับส่วนใหญ่ของประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่เขียนไม่ได้อยู่ เขียนโดยสังคมล่าสุดคือการประดิษฐ์ .
2 ในสังคมโลกด้วยการเขียนภาษาก่อตั้งระบบเชิงตัวเลขเป็นชนกลุ่มน้อยเล็ก ๆภาษาส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ ( หรือมาจนถึงศตวรรษนี้ )

3 ในการพัฒนามนุษย์ เด็กไม่พิการได้รับการพูดเป็นหน้าที่ตามธรรมชาติของมนุษย์ เช่น เช่น เดิน หรือกิน มันไม่ต้องใช้คำสั่งชัดเจน เป็นชีวภาพก่อนโปรแกรมและความต้องการของการเรียนรู้ระดับเท่ากันทุกคน ( แม้ว่าบางคนจะฝีปากเพิ่มเติมในสิ่งที่พวกเขาได้พูด กว่าคนอื่น ๆ ! )

4 การพัฒนาวรรณกรรมภาษา : ภาษา วรรณกรรม คือ สร้างสังคมรูปแบบของสิ่งที่อยู่ในช่วงก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งพูดภาษาถิ่นในหลาย .

5 ปริมาณของกิจกรรม : กิจกรรมทางภาษามากที่สุด คือ ในภาษาพูด ) แน่นอน แม้ในหมู่คนรู้หนังสือ การเขียน เป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างหายาก

4 . ขอบเขตของวิชาวิชาสัทศาสตร์ครอบคลุมทุกด้านของการพูด การผลิต ส่ง และต้อนรับ รวมถึง :
1 การวางแผนวิธีการที่คนคิดวิธีการที่พวกเขาจะควบคุมอวัยวะในการพูด เพื่อที่จะพูดในสิ่งที่พวกเขาต้องการจะพูด มักจะใช้วิธีการทางประสาทและจิต เช่น การสังเกตของผู้ป่วยบาดเจ็บสมองกลุ่มตัวอย่างในการทดลอง psycholinguistic , สไตล์ ,และการถ่ายภาพของสมอง ( สมอง " สแกน " )
2 พูดไม่ชัดสัทศาสตร์ : อวัยวะในการพูด , วิธีการที่พวกเขาอาจจะย้าย และจะประสานงานกับแต่ละอื่น ๆและความเป็นไปได้สำหรับคำพูดที่ว่านี้ให้ ด้านเหล่านี้สามารถพบได้ในระดับหนึ่ง โดยการให้ ความช่วยเหลือ โดยการฝึกอบรม ตลอดจนด้านการศึกษา .

3 ทางสัทศาสตร์ :ว่าอากาศถูกตั้งค่าในการเคลื่อนไหว ทำให้สั่นแล้วเสียงคลื่นกำลังส่งระหว่างลำโพง ในการส่งผ่านด้วยคำพูดอาจจะศึกษาในรายละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่ฟังระวัง หรือเครื่องดนตรี เช่น ไมโครโฟน และคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก .

4 โสตสัทศาสตร์และการพูดการรับรู้ เป็นหลักบนพื้นฐานของการทดลองทางจิตวิทยาและการศึกษาทางสรีรวิทยาบาง