การวิจัยเรื่องปัจจัยที่ใช้ประกอบการ

การวิจัยเรื่องปัจจัยที่ใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยของนักเรียนมัธยมปลายในเขตกรุงเทพมหานคร เป็นการศึกษาเพื่อทราบถึงความต้องการที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย จำนวน 400 คนโดยกลุ่มตัวอย่างที่เลือก ยึดตามวัตถุประสงค์ของผู้วิจัยและใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล แหล่งเก็บข้อมูลหลักคือ นักเรียนชั้นมัธยมปลายในเขตกรุงเทพมหานคร การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบถึงปัจจัยที่ใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยของนักเรียนมัธยมปลาย ในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อทราบถึงเหตุผลในการประกอบการตัดสินใจศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัย ผลการศึกษาพบว่าจากข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่าเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชายโดยคิดเป็นร้อยละ 55 ซึ่งมีรายได้ครอบครัวเฉลี่ย 20,001 – 30,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 47.50 โดยมีพี่น้อง 2 คนมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 45.25 และส่วนใหญ่เป็นบุตรคนที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 57 และจากข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่า
ปัจจัยที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยให้ระดับความสำคัญ มาก กับความเก่าแก่ของมหาวิทาลัย คิดเป็นร้อยละ 52.25 รองลงมาให้ระดับความสำคัญ มาก กับมหาวิทยาลัยมีสาขาวิชาที่หลากลาย คิดเป็นร้อยละ 51.75 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญ มาก กับมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จัก คิดเป็นร้อยละ 49.25
ปัจจัยด้านค่าใช้จ่ายให้ระดับความสำคัญ มาก กับ ค่าครองชีพต่อวันภายในมหาวิทยาลัย คิดเป้นร้อยละ 48.25 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญ มากที่สุด ดับ ค่าหน่วยของมหาวิทยาลัย คิดเป็นร้อยละ 47.25
ปัจจัยด้านสถานที่ให้ระดับความสำคัญ มาก กับบรรยากาศภายในของมหาวิทยาลัย คิดเป็นร้อยละ 48.00 รองลงมาให้ระดับความสำคัญ มาก กับ ทำเลที่ตั้ง คิดเป็นร้อยละ 47.50 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญ มาก กับสถานที่สวยงาม คิดเป็นร้อยละ 47.50
ปัจจัยด้านการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาให้ระดับความสำคัญ มากที่สุด กับบริการ Wi - fi ฟรี ภายในมหาวิทยาลัย คิดเป็นร้อยละ 58.50 รองลงมาให้ระดับความสำคัญ กับสวัสดิการนักศึกษา เช่น สถานพยาบาล คิดเป็นร้อยละ 48.50 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญ กับ ทุนการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 43.75

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ยึดตามวัตถุประสงค์ขคนโดยกลุ่มตัวอย่างที่เลือกการวิจัยเรื่องปัจจัยที่ใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยของนักเรียนมัธยมปลายในเขตกรุงเทพมหานครเป็นการศึกษาเพื่อทราบถึงความต้องการที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยจำนวน 400องผู้วิจัยและใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลแหล่งเก็บข้อมูลหลักคือนักเรียนชั้นมัธยมปลายในเขตกรุงเทพมหานครการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบถึงปัจจัยที่ใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยของนักเรียนมัธยมปลายในเขตกรุงเทพมหานครเพื่อทราบถึงเหตุผลในการประกอบการตัดสินใจศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยผลการศึกษาพบว่าจากข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่าเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชายโดยคิดเป็นร้อยละ 55 ซึ่งมีรายได้ครอบครัวเฉลี่ย 20,001 – 30,000 บาทต่อคิดเป็นร้อยละ 47.50 โดยมีพี่น้อง 2 คนมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 45.25 และส่วนใหญ่เป็นบุตรคนที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 57 และจากข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่าปัจจัยที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยให้ระดับความสำคัญมากกับความเก่าแก่ของมหาวิทาลัยคิดเป็นร้อยละ 52.25 รองลงมาให้ระดับความสำคัญมากกับมหาวิทยาลัยมีสาขาวิชาที่หลากลายคิดเป็นร้อยละ 51.75 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญมากกับมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักคิดเป็นร้อยละ 49.25ปัจจัยด้านค่าใช้จ่ายให้ระดับความสำคัญมากดื่มด่ำค่าครองชีพต่อวันภายในมหาวิทยาลัยคิดเป้นร้อยละ 48.25 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญมากที่สุดดับค่าหน่วยของมหาวิทยาลัยคิดเป็นร้อยละ 47.25 ปัจจัยด้านสถานที่ให้ระดับความสำคัญมากกับบรรยากาศภายในของมหาวิทยาลัยคิดเป็นร้อยละ 48.00 รองลงมาให้ระดับความสำคัญมากดื่มด่ำทำเลที่ตั้งคิดเป็นร้อยละ 47.50 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญมากกับสถานที่สวยงามคิดเป็นร้อยละ 47.50 ปัจจัยด้านการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาให้ระดับความสำคัญมากที่สุดกับบริการ Wi - fi ฟรีภายในมหาวิทยาลัยคิดเป็นร้อยละ 58.50 รองลงมาให้ระดับความสำคัญกับสวัสดิการนักศึกษาเช่นสถานพยาบาลคิดเป็นร้อยละ 48.50 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญดื่มด่ำทุนการศึกษาคิดเป็นร้อยละ 43.75

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จำนวน 400 คนโดยกลุ่มตัวอย่างที่เลือก แหล่งเก็บข้อมูลหลักคือ ในเขตกรุงเทพมหานคร 55 ซึ่งมีรายได้ครอบครัวเฉลี่ย 20,001 - 30,000 บาทคิดเป็นร้อยละ 47.50 โดยมีพี่น้อง 2 คนมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 45.25 และส่วนใหญ่เป็นบุตรคนที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 57
มากกับความเก่าแก่ของมหาวิ ทาลัยคิดเป็นร้อยละ 52.25 รองลงมาให้ระดับความสำคัญมาก คิดเป็นร้อยละ 51.75 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญ มากกับมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักคิดเป็นร้อยละ
มากกับค่าครองชีพต่อวันภายในมหาวิทยาลัยคิด เป้นร้อยละ 48.25 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญ มากที่สุดดับค่าหน่วยของมหาวิทยาลัยคิดเป็นร้อยละ
มากกับบรรยากาศภายในของมหาวิทยาลัยคิดเป็น ร้อยละ 48.00 รองลงมาให้ระดับความสำคัญมาก กับทำเลที่ตั้งคิดเป็นร้อยละ 47.50 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญ มากกับสถานที่สวยงามคิดเป็นร้อยละ
มากที่สุดกับบริการ Wi - Fi ฟรีภายในมหาวิทยาลัยคิดเป็นร้อยละ 58.50 รองลงมาให้ระดับความสำคัญกับ สวัสดิการนักศึกษาเช่นสถานพยาบาลคิดเป็นร้อยละ 48.50 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญ กับทุนการศึกษาคิดเป็นร้อยละ 43.75

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยเรื่องปัจจัยที่ใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยของนักเรียนมัธยมปลายในเขตกรุงเทพมหานครเป็นการศึกษาเพื่อทราบถึงความต้องการที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยจำนวน 400 คนโดยกลุ่มตัวอย่างที่เลือกยึดตามวัตถุประสงค์ของผู้วิจัยแ ละใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลแหล่งเก็บข้อมูลหลักคือนักเรียนชั้นมัธยมปลายในเขตกรุงเทพมหานครการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบถึงปัจจัยที่ใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยของนักเรียนมัธยมปลายในเขตกรุงเทพมหานครเพื่อทราบถึงเหตุ ผลในการประกอบการตัดสินใจศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยผลการศึกษาพบว่าจากข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่าเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชายโดยคิดเป็นร้อยละ 55 ซึ่งมีรายได้ครอบครัวเฉลี่ย 20 , 001 – 30 , 000 บาทคิดเป็นร้อยละ 47.50 โดยมีพี่น้อง 2 คนมากที่สุดคิดเป็น ร้อยละ 45.25 และส่วนใหญ่เป็นบุตรคนที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 57 และจากข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่าปัจจัยที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยให้ระดับความสำคัญมากกับความเก่าแก่ของมหาวิทาลัยคิดเป็นร้อยละ 52.25 รองลงมาให้ระดับความสำคัญมากกับมหาวิทยาลัยมีสาขาวิชาที่หลากลายคิดเป็นร้อยละ 51.75 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญมากกับมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักคิดเป็น ร้อยละลงมาปัจจัยด้านค่าใช้จ่ายให้ระดับความสำคัญมากกับค่าครองชีพต่อวันภายในมหาวิทยาลัยคิดเป้นร้อยละ 48.25 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญมากที่สุดดับค่าหน่วยของมหาวิทยาลัยคิดเป็นร้อยละ 47.25ปัจจัยด้านสถานที่ให้ระดับความสำคัญมากกับบรรยากาศภายในของมหาวิทยาลัยคิดเป็นร้อยละ 48.00 รองลงมาให้ระดับความสำคัญมากกับทำเลที่ตั้งคิดเป็นร้อยละ 47.50 และรองลงมาให้ระดับความสำคัญมากกับสถานที่สวยงามคิดเป็นร้อยละ 47.50ปัจจัยด้านการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาให้ระดับความสำคัญมากที่สุดกับบริการ Wi - Fi ฟรีภายในมหาวิทยาลัยคิดเป็นร้อยละ 58.50 รองลงมาให้ระดับความสำคัญกับสวัสดิการนักศึกษาเช่นสถานพยาบาลคิดเป็นร้อยละ 48.50 และ