I. Introduction and Background on t

I. Introduction and Background on the Use of
Drones
After the terrorist attacks of 9/11, President George W. Bush, in
his capacity as Commander-in-Chief, authorized the use of drones
against leaders of al-Qaeda forces, pursuant to Congress’
Authorization for Use of Military Force (AUMF).1 Pursuant to
AUMF, drones could be utilized against al-Qaeda forces to target or
to kill enemies. It has been reported that the United States possesses
two types of drones: smaller ones, which predominantly carry out
surveillance missions, and larger ones, which can carry hellfire missiles
and have been used to conduct strikes and targeted killings.2 Drone
strikes have been carried out by both the military as well as the CIA.
As Jane Mayer famously noted in her article:
The U.S. government runs two drone programs. The military’s
version, which is publicly acknowledged, operates in the
recognized war zones of Afghanistan and Iraq, and targets
enemies of U.S. troops stationed there. As such, it is an
extension of conventional warfare. The C.I.A.’s program is
aimed at terror suspects around the world, including in
countries where U.S. troops are not based.3
1.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

I. บทนำและพื้นหลังในการใช้โดรนหลังจากการก่อการร้ายโจมตีของ 9 11 ประธานาธิบดีจอร์จบุช วัตต์ในกำลังการผลิตของเขาเป็นจอมทัพ ได้รับอนุญาตการใช้โดรนกับผู้นำของกองกำลังกลุ่ม ตามของการประชุมการตรวจสอบการใช้งานของทหาร (AUMF) .1 ไปAUMF, drones สามารถนำไปใช้กับกลุ่มกองกำลังเพื่อเป้าหมาย หรือฆ่าศัตรู มีรายงานว่า ไทยมีโดรนสองชนิด: คนเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการภารกิจเฝ้าระวัง และมีขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถบรรทุกขีปนาวุธช่องเขาขาดและมีการใช้เพื่อดำเนินการนัดหยุดงานและเป้าหมาย killings.2 จมูกนัดมีการดำเนินการ โดยทั้งทหารเป็น CIAดังที่เจนเมเยอร์มีชื่อเสียงในบทความของเธอ:รัฐบาลสหรัฐทำงานสองโปรแกรมเสียงพึมพำ ของทหารรุ่น ซึ่งเป็นสาธารณะที่ยอมรับ ทำงานในการเขตรู้จักสงครามอัฟกานิสถาน และอิรัก และเป้าหมายศัตรูของทหารสหรัฐฯ ที่ประจำการมี เช่นนี้ มันเป็นการนามสกุลของสงครามทั่วไป โปรแกรม C.I.A. เป็นมุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายทั่วโลก รวมประเทศที่ทหารสหรัฐฯ จะไม่ based.31

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

I. บทนำและความเป็นมาในการใช้งานของ
ลูกกระจ๊อก
หลังจากการโจมตีของผู้ก่อการร้าย 9/11 ประธานาธิบดีจอร์จดับเบิลยูบุชใน
ฐานะที่เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่
กับผู้นำของกองกำลังอัลกออิดะห์ซึ่งเป็นไปตาม สภาคองเกรส
อนุมัติการใช้กำลังทหาร (AUMF) 0.1 ตาม
AUMF, เจ้าหน้าที่สามารถใช้กับกองกำลังอัลกออิดะห์ในการกำหนดเป้าหมายหรือ
การฆ่าศัตรู มันได้รับรายงานว่าสหรัฐฯมีคุณสมบัติ
ทั้งสองประเภทของลูกกระจ๊อก: คนเล็กซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการ
ภารกิจเฝ้าระวังและคนที่มีขนาดใหญ่ซึ่งสามารถดำเนินการขีปนาวุธเฮลล์
และได้รับการใช้ในการดำเนินการนัดหยุดงานและการกำหนดเป้าหมาย killings.2 Drone
การนัดหยุดงานได้รับการดำเนินการ ออกจากทั้งทหารเช่นเดียวกับซีไอเอ.
เจนเมเยอร์ที่มีชื่อเสียงที่ระบุไว้ในบทความของเธอ:
รัฐบาลสหรัฐทำงานสองโปรแกรมทำเสียงขึ้นจมูก ทหาร
รุ่นซึ่งเป็นที่ยอมรับต่อสาธารณชนดำเนินงานใน
การยอมรับโซนสงครามอัฟกานิสถานและอิรักและเป้าหมาย
ศัตรูของทหารสหรัฐประจำการที่นั่น เช่นนี้มันเป็น
ส่วนหนึ่งของสงครามธรรมดา โปรแกรมของซีไอเอจะ
มุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัยการก่อการร้ายทั่วโลกรวมทั้งใน
ประเทศที่ทหารสหรัฐไม่ได้ based.3
1

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผมแนะนำ และพื้นหลังที่ใช้โดรนหลังจากการโจมตีของผู้ก่อการร้าย 9 / 11 , ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในความสามารถของเขาในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับอนุญาตการใช้โดรนกับผู้นำของอัลกออิดะห์กำลังตามการประชุมการอนุญาตให้ใช้กำลังทหาร ( aumf ) 1 คืนaumf เครื่องสามารถใช้กับ Al Qaeda บังคับเป้าหมายหรือเพื่อฆ่าศัตรู มันได้รับรายงานว่าสหรัฐอเมริกาครอบครองสองประเภทของหุ่นยนต์ : ขนาดเล็กซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการภารกิจการเฝ้าระวังและมีขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งสามารถบรรทุกขีปนาวุธไฟนรกและมีการใช้เพื่อดำเนินการโจมตีและสังหารเป้าหมาย 2 จมูกนัดได้ถูกดำเนินการโดยทั้งทหารเช่นเดียวกับซีไอเอเป็นเจนเมเยอร์ได้กล่าวไว้ในบทความของเธอรัฐบาลสหรัฐวิ่งสองจุดในโปรแกรม ของทหารรุ่นที่สาธารณชนยอมรับ ดําเนินงานในการยอมรับเขตสงครามในอัฟกานิสถานและอิรัก และเป้าหมายศัตรูของทหารสหรัฐไปประจำการที่นั่น เช่น , มันเป็นส่วนขยายของสงครามธรรมดา ซีไอเอของโปรแกรมคือมุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายทั่วโลก รวมทั้งในประเทศที่ทหารสหรัฐจะไม่ตาม .1 .