INTRODUCTIONOkra (Abelmoschus escul

INTRODUCTION
Okra (Abelmoschus esculentus L.) is cultivated in tropical, subtropical and warm temperate region around the world
[1]. Okra is known by many local names in different part of world. It is called ‘Lady’s finger’ in the England,
‘Gumbo’ in United State of America and ‘Bhindi’ in India [2]. Okra is said to be very useful against genito-urinary
disorders, spermatorrhoea and chronic dysentery [3]. Its medicinal value has been reported in curing ulcers and
relief from hemorrhoids [4]. Studies show that daily consumption of 100gm of okra provides 20% of calcium, 15%
iron and 50% of vitamin C of humen dietary requirements [5].
Fresh leaves of okra can be obtained from treatment of plant with maiz stover compost used as insecticide in organic
farming system in raise okra plant [6]. Previous investigations into the composition and properties of okra mucilage
have been reviewed [7]. Various workers have given different composition of mucilage [8, 9, 10]. Okra mucilage to
be an acidic polysaccharide consisting of galactose, rhamnose and galacturonic acid [8].
Molecular techniques require isolation of genomic DNA of suitable purity. Due to this reason modified CTAB
method provides better DNA extraction suitable for further genomic analysis through molecular markers [11, 12].
Polysaccharides have viscous glue like texture and makes DNA unmanageable in pipetting and unsuitable for PCR
since they inhibit Taq DNA polymerase activity [13]. Plant contamination like polysaccharides and polypolyphenols
compounds are difficult to separate from isolated DNA and these contaminants obstruct polymerases, ligases andrestriction enzymes during their activity [14, 15, 16, 17, 18]. These contaminants are abundance in the foliage of
perennials and they co-exist with isolated DNA [19, 20, 21].
In this current study we optimize the DNA isolation protocol for okra and used for RAPD & PCR analysis because
okra is highly mucilage and its mucilage interfere in DNA isolation procedure as impurity.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แนะนำกระเจี๊ยบเขียว (Abelmoschus esculentus L.) เป็นการเพาะปลูกในเขตร้อน สำรอง และอบอุ่นซึ่งภูมิภาคทั่วโลก[1] . กระเจี๊ยบเขียวเป็นที่รู้จักกัน โดยชื่อในท้องถิ่นที่ส่วนอื่นของโลก เรียกว่า 'สตรีนิ้ว' ในอังกฤษ'Gumbo' ในรัฐสหรัฐอเมริกาและ 'Bhindi' ในอินเดีย [2] กระเจี๊ยบเขียวกล่าวได้ว่า เป็นประโยชน์อย่างมากกับ genito ท่อปัสสาวะโรค spermatorrhoea และโรคบิดเรื้อรัง [3] มีการรายงานค่ายาในการบ่มแผลในปาก และบรรเทาจากริดสีดวงทวาร [4] การศึกษาแสดงว่า ปริมาณการใช้ทุก 100 กรัมของกระเจี๊ยบเขียวให้ 20% ของแคลเซียม 15%เหล็กและ 50% ของวิตามินซีความฮิวแมนอาหาร [5]กระเจี๊ยบเขียวสดใบไม้ได้จากรักษาพืช ด้วยปุ๋ย stover maiz ที่ใช้เป็นยาฆ่าแมลงในอินทรีย์ระบบการทำฟาร์มในเพิ่มกระเจี๊ยบเขียวพืช [6] การตรวจสอบก่อนหน้านี้เป็นองค์ประกอบและคุณสมบัติของ mucilage กระเจี๊ยบเขียวมีการตรวจทานแล้ว [7] ผู้ปฏิบัติงานต่าง ๆ ให้ส่วนประกอบต่าง ๆ ของ mucilage [8, 9, 10] กระเจี๊ยบเขียว mucilage เพื่อมี polysaccharide เป็นกรดที่ประกอบด้วยกรดกาแล็กโทส rhamnose และ galacturonic [8]เทคนิคโมเลกุลต้องแยกของ genomic DNA ของความบริสุทธิ์ที่เหมาะสม เนื่องจากสาเหตุนี้ปรับเปลี่ยน CTABวิธีให้สกัดดีเอ็นเอดีกว่าเหมาะสำหรับ genomic วิเคราะห์โดยใช้เครื่องหมายโมเลกุล [11, 12]Polysaccharides มีกาวข้นเช่นพื้นผิว และทำให้ดีเอ็นเอไม่เหมาะสม และนอกบริษัทใน pipetting PCRเนื่องจากพวกเขายับยั้ง Taq DNA พอลิเมอเรสกิจกรรม [13] พืชการปนเปื้อนเช่น polysaccharides และ polypolyphenolsสารประกอบที่ยากต่อการแยกจากดีเอ็นเอแยก และสารปนเปื้อนเหล่านี้ขัดขวาง polymerases เอนไซม์ andrestriction ligases ในระหว่างกิจกรรมของพวกเขา [14, 15, 16, 17, 18] สารปนเปื้อนเหล่านี้มีความอุดมสมบูรณ์ในใบของperennials และพวกเขาร่วมกันกับดีเอ็นเอแยก [19, 20, 21]ในการศึกษานี้ปัจจุบัน เราปรับโพรโทคอลแยกดีเอ็นเอสำหรับกระเจี๊ยบเขียว และใช้สำหรับวิเคราะห์อาร์เอพีดีและ PCR เนื่องจากกระเจี๊ยบเขียวคือ mucilage และ mucilage เป็นแทรกแซงขั้นตอนการแยก DNA เป็นมลทิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทนำกระเจี๊ยบ (Abelmoschus esculentus L. ) เป็นที่ปลูกในเขตร้อนในภูมิภาคเขตร้อนและอบอุ่นพอสมควรทั่วโลก [1] กระเจี๊ยบเขียวเป็นที่รู้จักกันในชื่อท้องถิ่นจำนวนมากในส่วนต่างๆของโลก มันถูกเรียกว่า 'นิ้วเลดี้' ในอังกฤษ'ต้นกระเจี๊ยบในประเทศสหรัฐอเมริกาและ' Bhindi ในอินเดีย [2] กระเจี๊ยบเขียวบอกว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับ genito-ปัสสาวะผิดปกติและโรคบิดspermatorrhoea เรื้อรัง [3] ค่ายาที่ได้รับการรายงานในแผลรักษาและบรรเทาจากโรคริดสีดวงทวาร [4] การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการบริโภคประจำวันของ 100 กรัมของกระเจี๊ยบเขียวให้ 20% ของแคลเซียม 15% เหล็กและ 50% ของวิตามินซีของความต้องการอาหาร Humen [5]. ใบสดของกระเจี๊ยบสามารถได้รับจากการรักษาพืชที่มีปุ๋ยหมัก Maiz ซังนำมาใช้เป็นยาฆ่าแมลง ในอินทรีย์ระบบการทำฟาร์มในการเพิ่มโรงงานกระเจี๊ยบเขียว[6] การตรวจสอบก่อนหน้าลงในองค์ประกอบและคุณสมบัติของเมือกกระเจี๊ยบได้รับการตรวจสอบ [7] คนงานต่าง ๆ ได้ให้องค์ประกอบที่แตกต่างกันของเมือก [8, 9, 10] เมือกกระเจี๊ยบเขียวจะเป็น polysaccharide ที่เป็นกรดซึ่งประกอบด้วยกาแลคโต, แรมโนสและกรดกาแลค [8]. เทคนิคโมเลกุลจำเป็นต้องมีการแยกดีเอ็นเอของความบริสุทธิ์ที่เหมาะสม เพราะเหตุนี้การแก้ไข CTAB วิธีการให้การสกัดดีเอ็นเอที่ดีขึ้นเหมาะสำหรับการวิเคราะห์จีโนมเพิ่มเติมผ่านโมเลกุล [11, 12]. คาไรด์มีกาวหนืดเช่นเนื้อและทำให้ดีเอ็นเอไม่สามารถจัดการได้ในปิเปตและไม่เหมาะสมสำหรับการ PCR เนื่องจากพวกเขายับยั้งกิจกรรมดีเอ็นเอโพลิเมอร์ Taq [13 ] การปนเปื้อนของพืชเช่น polysaccharides และ polypolyphenols สารเป็นเรื่องยากที่จะแยกออกจากดีเอ็นเอที่แยกสารปนเปื้อนเหล่านี้ขัดขวาง polymerases, ligases เอนไซม์ andrestriction ระหว่างกิจกรรมของพวกเขา [14, 15, 16, 17, 18] สารปนเปื้อนเหล่านี้มีความอุดมสมบูรณ์ในใบของไม้ยืนต้นและพวกเขาอยู่ร่วมกับดีเอ็นเอที่แยก [19, 20, 21]. ในการนี้การศึกษาในปัจจุบันเราเพิ่มประสิทธิภาพโปรโตคอลการแยกดีเอ็นเอสำหรับกระเจี๊ยบเขียวและใช้สำหรับดีเอ็นเอและการวิเคราะห์ PCR เนื่องจากกระเจี๊ยบเขียวเป็นอย่างมากเมือกและเมือกของมันเข้าไปยุ่งในขั้นตอนการแยกดีเอ็นเอเป็นสิ่งเจือปน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทนำ
กระเจี๊ยบ ( โครงการย่อยที่ 4 L . ) ที่ปลูกในเขตร้อน กึ่งร้อน และเขตอบอุ่น เขตอบอุ่นทั่วโลก
[ 1 ] กระเจี๊ยบเขียวเป็นที่รู้จักกันโดยชื่อท้องถิ่นมากมายในส่วนต่างๆของโลก มันเรียกว่า ' เลดี้นิ้ว ' ในอังกฤษ ,
'gumbo ' ในสหรัฐอเมริกาและ ' Bhindi ' ในอินเดีย [ 2 ] กระเจี๊ยบเขียวเป็นมีประโยชน์มากต่อ
genito ปัสสาวะผิดปกติแคลริเน็ต และเรื้อรัง โรคบิด [ 3 ] ค่ายาได้รับการรายงานในการรักษาแผลในกระเพาะและ
บรรเทาจากโรคริดสีดวงทวาร [ 4 ] การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการบริโภคประจำวันของ 100gm เพื่อให้ 20% ของแคลเซียม , เหล็ก 15 %
และ 50% ของวิตามิน C ของความต้องการอาหารมนุษย์ [ 5 ] .
ใบสดของกระเจี๊ยบสามารถได้รับจากการรักษาด้วยพืชข้าวโพดฝักใช้เป็นยาฆ่าแมลงในปุ๋ยหมักอินทรีย์
ระบบฟาร์มปลูกกระเจี๊ยบเพิ่ม [ 6 ] การสืบสวนก่อนหน้าเป็นองค์ประกอบและสมบัติของกระเจี๊ยบเมือก
ได้รับการตรวจทาน [ 7 ] คนงานต่าง ๆ ให้มีองค์ประกอบที่แตกต่างกันของเมือก [ 8 , 9 , 10 ] กระเจี๊ยบเมือก

เป็นกรดพอลิแซ็กคาไรด์ที่ประกอบด้วย rhamnose กาแลคโตสและกรดกาแลค [ 8 ] .
เทคนิคโมเลกุลต้องแยกดีเอ็นเอ เหมาะสม ความบริสุทธิ์เนื่องจากสาเหตุนี้ วิธีการแก้ไข ctab
ให้ดีการสกัดดีเอ็นเอ เหมาะสำหรับการวิเคราะห์จีโนมต่อไปด้วยโมเลกุลเครื่องหมาย [ 11 , 12 ] .
polysaccharides มีความหนืดกาวเหมือนพื้นผิวและทำให้ดีเอ็นเอที่ไม่สามารถจัดการได้ใน pipetting และไม่เหมาะสมสำหรับ PCR
ตั้งแต่พวกเขายับยั้งได้ดี DNA polymerase กิจกรรม [ 13 ] พืชที่ปนเปื้อน เช่น โพลีแซคคาไรด์ และ polypolyphenols
สารประกอบเป็นเรื่องยากที่จะแยกจากแยกดีเอ็นเอไลเกส polymerases และสารปนเปื้อนเหล่านี้ขัดขวาง , andrestriction เอนไซม์ในระหว่างกิจกรรม [ 14 , 15 , 16 , 17 , 18 ) สารปนเปื้อนเหล่านี้มีความอุดมสมบูรณ์ในใบของไม้ยืนต้นและพวกเขาอยู่ร่วมกับ
แยกดีเอ็นเอ [ 19 , 20 , 21 ] .
ในการศึกษาในปัจจุบันนี้เราใช้โปรโตคอลแยกดีเอ็นเอสำหรับกระเจี๊ยบเขียวและใช้สำหรับการวิเคราะห์ RAPD & PCR เพราะ
กระเจี๊ยบมีเมือกและเมือกแทรกแซงในกระบวนการสกัดแยกดีเอ็นเอเป็นบริสุทธิ์