ปัจจุบันมีผู้คนนิยมเลี้ยงสัตว์มากขึ้น คนที่เลี้ยงสัตว์ก็มีหลายเหตุผล บ้างก็เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน บ้างก็เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน บ้างก็เลี้ยงไว้ประดับบารมี บ้างก็เลี้ยงไว้เอาบุญ บ้างก็เลี้ยงเพื่อทำเป็นธุรกิจ เป็นต้น
อาจแสดงถึงความเหงาของคน เราจะพบว่าในปัจจุบันคนแต่ละคนก็มีโรคส่วนตัวมากขึ้น ในสมัยก่อนที่เป็นยุคเกษตรเป็นครอบครัวใหญ่พ่อแม่ปู่ย่าตายายลูกหลานอยู่รวมกันหมด ต่อมาก็เป็นครอบครัวเดี่ยวคือมีแค่พ่อแม่ลูก จะพบเห็นอย่างนี้มากในตัวเมือง เดี๋ยวนี้ในแต่ละครอบครัวพอกลับไปถึงบ้านพ่อแม่ลูกก็อยู่กันคนละทิศละทาง ไม่ค่อยได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน จะรู้สึกว่าเหงาๆ เรียกว่าเป็นความเหงาท่ามกลางฝูงชนก็ว่าได้ แต่ว่าธรรมชาติมนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม ยังไงก็ต้องการเพื่อน บางครั้งมีเพื่อนก็อาจมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน จึงหาอะไรที่ไม่สามารถมาถกเถียงกับเราได้ดีกว่ามาเป็นเพื่อน มันเป็นอย่างนั้น
การเอาสัตว์มาเลี้ยงนั้น ถือเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวชีวิตเขา จะเป็นการทำบาปหรือไม่?
อันนี้ก็มีหลายกรณี ถ้าหากเอานกมาขังในกรงอย่างนี้ก็ไม่เหมาะ แต่ถ้าในบ้านเลี้ยงสุนัขให้สามารถวิ่งไปมาได้อันนี้ก็ถือว่าพอใช้ได้ แต่ในบางกรณีที่เลี้ยงสัตว์ไว้ใช้งานอย่างสมัยก่อนเลี้ยงวัวควายไว้ไถนา ถ้าในกรณีอย่างนี้ขอให้ว่าเราใช้มันอย่างไม่ทรมาน ใช้อย่างสมเหตุสมผลและดูแลอย่างดี อันนี้ก็พอรอดตัว
สมัยก่อนเขาถือด้วยว่า ถ้าเป็นวัวควายใช้งานเลี้ยงจนแก่เฒ่า พอมันไม่มีแรงแล้วและไถนาไม่ไหว เขาจะไม่ฆ่า เขาจะเลี้ยงจนกระทั่งมันตายไปเอง นึกถึงบุญคุณของมันที่ช่วยเป็นกำลังให้ ทำให้เลี้ยงชีวิตทั้งครอบครัวได้ ถ้าอย่างนี้ก็พอรอดตัว แต่ถ้าถือว่าเราเป็นเจ้าของชีวิตเขา แล้วใช้อย่างเต็มที่จะเจ็บจะตายจะป่วยจะเป็นอย่างไรก็ไม่สนใจ อย่างนี้จะเป็นวิบากกรรมติดตัวเราไปด้วย
ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ลองนึกสมมติว่าถ้าตัวเราเองเป็นสัตว์ตัวนั้น แล้วรู้สึกดีหรือไม่ เช่น ถ้าเราถูกขังกักบริเวณเหมือนนกที่อยู่ในกรง ถึงเวลามีคนเอาข้าวเอาน้ำมาให้กิน แต่ไม่มีอิสรเสรีอย่างนี้เราจะชอบหรือไม่ และที่เลี้ยงกันมากที่สุดคือสุนัข ถ้ามีพื้นที่ให้มันได้วิ่งเล่นสะดวกและเลี้ยงมันด้วยความเมตตาก็พอรอดตัว
การเลี้ยงสัตว์นั้นส่วนใหญ่ควรเลี้ยงไว้เพื่อใช้เกื้อกูลกัน เช่น เลี้ยงวัวควายไว้ใช้งาน เลี้ยงสุนัขไว้คอยเฝ้าบ้าน และถ้าเมื่อสัตว์เลี้ยงของเราไปเผลอทำร้ายคนอื่นเข้า เราก็จะมีเศษวิบากกรรมบ้าง คือต่อไปเราไปทำอะไรเข้าก็จะมีอะไรบังเอิญมาโดนเราเข้าพอดี โดยเขาก็ไม่ได้ตั้งใจ ฉะนั้นถ้าจะเลี้ยงก็ต้องดูแลทุกอย่างให้ดีด้วย
คำพังเพยที่ว่า ตัดหางปล่อยวัด นั้นมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์ในวัดอย่างไรบ้าง?
สุนัขพอเลี้ยงไว้ บ้างก็คิดว่าเอาไว้เฝ้าบ้าน หรือเลี้ยงเพื่ออะไรก็แล้วแต่ ถ้าเป็นตัวผู้ก็รอดตัว ถ้าเป็นตัวเมียแล้วออกลูกมาทีหลายตัวเลย แล้วเลี้ยงไม่ไหวก็เอาไปแจกคนอื่นเขา บางตัวมันพิการหรือหมดความน่ารักแล้วก็คิดเอาไปปล่อยวัดดีกว่า ปัดความรับผิดชอบออกไปโดยวิธีนี้ เพราะไม่อยากให้เป็นภาระ หมาแมวตัวไหนสวยๆ ก็เก็บไว้เลี้ยงเอง ตัวไหนมีปัญหาก็เอาไปปล่อยวัด สุดท้ายวัดเลยกลายเป็นที่รวมในของที่ไม่มีใครต้องการ แล้วอย่างนี้วัดจะเป็นศูนย์รวมจิตใจคนให้ดีได้อย่างไร อันนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง
การถือเอาความสะดวกของตัวเองจะถือว่าเป็นความมักง่ายก็ได้ และไม่คิดถึงคนอื่นเขาคิดแต่เอาประโยชน์ตัว แต่เสียประโยชน์ของพระศาสนาและส่วนรวม ฉะนั้นให้เปลี่ยนใหม่ เอาเป็นว่าจะเอาอะไรไปไว้ที่วัดนั้นต้องเป็นสิ่งที่คัดสรรแล้วว่าดีที่สุด เหมาะสม และเป็นสิ่งที่ท่านต้องการ
ลองคิดดูว่า ถ้าในวัดมีสุนัขเยอะๆ คุณกำลังมีใจผ่องแผ้วที่จะมาทำบุญ พอเดินเข้ามาเหยียบมูลสุนัขเข้าไปหน่อยจิตใจตกไปแล้ว หรือขณะกำลังนั่งสมาธิอยู่แล้วมันเห่าหอนทะเลาะแย่งอะไรกัน ก็จะทำให้ใจไม่เป็นสุขเลย ฉะนั้นวัดที่เน้นในเรื่องของการปฏิบัติให้สังเกตดูว่า จะไม่ค่อยมีสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ จะเงียบสงบ สะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อย