เสียงหวูดรถไฟดังขึ้นราวกับจะกรีดหัวใจ พาให้คนสองคนที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนักต่างไม่เอ่ยอะไรออกมา คนตัวเล็กกว่าหยิบกระเป๋าขึ้นมากอด ก้มหน้างุดเพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าน้ำตามันคลอหน่วยขนาดไหน
ร่างสูงที่ยืนตรงข้ามกันไม่ปลอบใจอะไร เพราะอารมณ์ตอนนี้ช่างหม่นหมองเหลือเกิน
คนตัวเล็กทำท่าจะหันหลังเข้าหารถไฟ แต่ก็ทำได้เพียงหันครึ่งๆกลางๆ เพราะยังทำใจไม่ได้
“กลมจะไปแล้วจริงๆเหรอ?” ใบหน้าเข้มงอง้ำ ถอนหายใจยาว
คนตัวเล็กที่ถูกเรียกว่า”กลม”พยักหน้าอย่างซังกะตาย
“กลมไปอยู่ที่นู่นดูแลตัวเองนะ”
“โต....โทรมาหาด้วยนะอย่าทำหายล่ะเบอร์บ้านกลมน่ะ” น้ำเสียงฟังดูเหมือนคนเป็นหวัดเอ่ย ในใจกังวลไปต่างๆนานาด้วยเพราะเป็นคนคิดมาก
“โตรักกลมนะ” ร่างสูงกระซิบข้างหู นั่นทำให้คนตัวเล็กถอยหนี หน้าแดงไปจนถึงใบหู โตหัวเราะคิกคักแต่ก็ติดเศร้าสร้อย
“กลมไปเรียนนาน แบบว่า....ถ้าโตเลิกรักกลมแล้ว ให้บอกกันด้วย ติดต่อมายังไงก็ได้ ให้กลมรู้”
“โหยยยยยย นั่นมันอนาโค้ดดดดดดด โตไม่เลิกรักกลมหรอก” มือหนายีหัวจนยุ่งด้วยความเอ็นดู
เสียงสั่นเครือทำอึกอัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“จะบอกว่ารักโตใช่มั้ย?”
“อื้ม.....ปะ ไปแล้วนะ”
ขาเล็กๆเหมือนไม่มีแรงจะก้าว กลมคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นลมได้ทุกนาที แล้วมันก็ดีด้วยถ้าเป็นจริงๆ จะได้อยู่กับโตอีกสักนิด แต่ความคิดชั่วร้ายนั้นไม่เป็นผล ร่างเล็กก้าวขึ้นรถไฟไปแล้ว เมื่อได้ที่นั่งก็อดไม่ได้ที่จะหันออกมานอกหน้าต่างเพื่อมองดูชายคนรักเป็นครั้งสุดท้าย ทว่าร่างของคนหล่อเข้มคนนั้นกลับหายไปเสียแล้ว ร่างบางทึกทักเอาว่าโตคงจะทำใจไม่ได้เหมือนกับตน
เมื่อรถไฟออก ความคิดที่เศร้าหมองประดังเข้ามาในหัว กลมก้มหน้าลงกับกระเป๋าตัวเอง ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาโดยที่แทบไม่ต้องสะอื้นไห้เลย
ไม่รู้ว่าการจากลามันจะเจ็บถึงขนาดนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตก็อยู่กับย่าที่ต่างจังหวัดมาตลอด พอจู่ๆดันโชคดีสอบติดมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ เขาจึงต้องไปอยู่กับพ่อแม่ที่ทำงานอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว ต้องจำใจลาจากจาก “โต” .....ผู้ชายที่รักมากที่สุด ห่วงหามากที่สุด ถึงแม้ทั้งคู่จะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ความรักก็ไม่ได้แตกต่างจากคู่ชายหญิงเลย
เริ่มเข้ามหาลัยแล้วเสียเงินไปมากโข กลมฟังพ่อแม่บ่นทุกวันทั้งๆที่ใบหน้ามีความสุขเหลือล้น จะบอกว่าดีใจที่ลูกสอบติดก็ไม่พูดหรอกนะ เมื่อเริ่มเข้าเรียนต้องปรับตัวมากทีเดียว ในมหาลัยไม่เท่าไหร่ แต่การเดินทางนี่สิ หลงแทบทุกวัน แม้จะเหนื่อยเพียงใด แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นกำลังใจให้กับกลมคือคนที่รักอย่าง ..โต
โตจะโทรมาหากลมทุกวันไม่ขาด แต่เพราะว่าต่างคนต่างไม่มีโทรศัพท์มือถือจึงไม่สามารถคุยได้นานนักหากมีพ่อแม่อยู่ด้วย อีกทั้งเรื่องที่พูดก็ไม่สามารถใช้ประโยคหวานๆได้ โตมันบ่นตลอดว่าอึดอัดมากที่สุด จึงเริ่มทำไร่กับพ่อโดยขอค่าแรงจากเมื่อก่อนที่ช่วยทำด้วยน้ำใจ ทางด้านกลมมีหรือจะยอม เขาเริ่มไปลองสมัครงานพาร์ทไทม์ทำบ้าง และนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่หลงทางกลับบ้านประจำ
“วันนี้หลงอีกแล้วอ่ะ การบ้านเยอะด้วย” คนตัวเล็กบ่นเสียงกระเง้ากระงอดใส่โทรศัพท์ โดยมีสายตาจากแม่จ้องอยู่
//“จดแผนที่ไว้สิ นี่ถ้าโตอยู่ด้วยจะไปช่วยจำ”//
ทั้งโตทั้งกลมคุยไปยิ้มไปจนเหมือนคนบ้า เสียงพ่อของโตเอ็ดดังเข้ามาในโทรศัพท์ ฝ่ายแม่ของกลมที่จ้องมาตั้งนานก็ลุกขึ้นมายืนข้างๆ จนเจ้าตัวหุบยิ้มแทบไม่ทัน สายตาลุกลนปะทะสายตาดุ
“คุยกับใคร แฟนป่ะเนี่ย”
“เฮ้ย ! ไม่ใช่แม่ โตแค่นี้ก่อนนะ” จากนั้นจึงวางสายโดยที่ไม่ทันฟังคำล่ำลาของแฟนเลย กลมฝืนยิ้มให้แม่ “โตเพื่อนสนิทหนูไงแม่”
ดูเหมือนแม่จะไม่เชื่อสักเท่าไหร่ แกกอดอกเอียงคอมองลูก กลมผู้ที่แสนจะขี้กังวลลนลาน เหงื่อแตกพลั่ก
“เห็นโทรคุยกันทุกวัน ไม่เบื่อรึไง”
“ไม่เบื่อหรอก โหยยยย จะทุ่มนึงแล้ว หนูขึ้นข้างบนแล้วนะ การบ้านมันเยอะ” ว่าแล้วก็วิ่งขึ้นบันไดไป ผู้เป็นแม่ได้แต่มองตาลอย ถึงแม้จะไม่ค่อยเจอกัน แต่นางสังหรณ์บางอย่างได้มากจริงๆ
เวลาผ่านไปสามปี ทั้งสองเจอหน้ากันแทบนับครั้งได้ แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคสักนิด เพราะความรักและความเข้าใจช่วยขับเคลื่อนชีวิตให้ก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง กลมมีความสุขทุกวัน โตก็เช่นกัน กลมไม่เคยเชื่อว่าความสุขจะอยู่กับเราไม่นาน ด้วยความที่ไม่เคยทุกข์หนักๆมากก่อน ตอนเด็กก็อยู่กับย่า อยู่กับบ้านนอกคอกนาที่ไม่มีพิษมีภัย พอเข้าเรียนอาจมีเหนื่อยบ้าง มีปัญหาเรื่องเพื่อน เรื่องที่ทำงานบ้าง แต่กลมเป็นคนประเภทที่ถ้าทุกข์ก็จะตัดเรื่องนั้นทิ้ง เขาจึงดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขที่สุด
แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตนับแต่จากนี้....เขาจะทุกข์ ......ทุกข์อย่างถึงที่สุด
ค่ำวันนี้ฝนตก กลมไม่ต้องไปเรียน อันที่จริงแล้วเขาเตรียมตัวฝึกงานอยู่ด้วย ร่างกายจึงอ่อนล้าตามระเบียบ บรรยากาศของฝนทำให้กลมนึกถึงบ้านที่ต่างจังหวัดขึ้นมา เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์เพื่อจะโทรหาคนรัก แต่ดูเหมือนโตจะคิดถึงเขาเหมือนกันถึงได้โทรตัดหน้า
“ว่าจะโทรหาอยู่พอดี” เสียงใสทัก
// “ก็ใจเราตรงกันนี่นา ทำไงได้”//
ทั้งสองหัวเราะ จากนั้นก็พูดเรื่องสัพเพเหระกันตามปกติ จนเกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านไป กลมผู้ขี้กังวลเสมอรู้สึกผิดสังเกตที่เสียงของโตฟังแล้วดูอึดอัดชอบกล
“วันนี้เป็นอะไรรึเปล่า ฟังเสียงดูแปลกๆจัง มีอะไรจะพูดกับกลมเหรอ อึกอักๆตลอดเลย”
ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ
// “โตจะแต่งงานแล้วนะ”//
“ไอ้บ้าเอ๊ยย ไม่ต้องมาแกล้ง มีอะรายห๊า”
// “แต่งจริงๆ พ่อแม่เขาอยากให้แต่งอ่ะ ขัดใจไม่ได้ว่ะ”//
“ไม่เชื่อ” กลมยังคงดึงดัน เขาไม่เคยมีความคิดในหัวเลยว่าโตจะแต่งงาน ตลกสิ้นดี
// “โตจะแต่งกับหวานเดือนหน้านะ ส่งการ์ดไปให้แล้ว ที่รีบบอกเพราะกลัวว่าถ้ากลมเห็นในการ์ดก่อนแล้วกลมจะโกรธโตที่ไม่บอกด้วยตัวเอง”// เสียงของโตเบาลง เบาลง มันคือการปิดการรับรู้เรื่องราวของกลม เด็กหนุ่มรู้สึกแปลบในอก มันร้อนขึ้นมาจากหน้าอก ขึ้นมาที่