4. การป้องกันปัญหายาเสพติด
ทำอย่างไรเด็กของเราจึงจะไม่หันมาใช้ยาเสพติดอย่างนี้ความใกล้ชิดในครอบครัวนี่แหละคือภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดในเรื่องปัญหายาเสพติดความเอาใจใส่กับลูกไม่ได้เริ่มที่วัยรุ่นจริงๆแล้วเราเอาใจใส่รักใคร่กับเขามาโดยตลอดความผูกพันอย่างนี้ทำให้เด็กรับรู้และเข้าใจตระหนักดีว่าการหันเข้าไปหายาเสพติดทำให้ครอบครัวของเขาเกิดปัญหาขึ้นเขาจึงมีแรงยึดเหนี่ยวจากความรักความเอาใจใส่จากครอบครัวทำให้ไม่หันเข้าไปหายาเสพติดการพูดคุยกับลูกวัยรุ่นก็เป็นเรื่องจำเป็นแต่ว่าจะพูดอย่างไรจึงจะพอเหมาะด้วยความกังวลใจคุณพ่อคุณแม่อาจจะเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตเขามากขึ้นเข้าไปควบคุมเขาเข้าไปกำกับดูแลเข้าไปดูว่าเขาคุยโทรศัพท์กับใครในกระเป๋าเขามีอะไรบ้างเข้าไปค้นในห้องนอนของเขาลักษณะเช่นนี้ต้องระวังในเด็กวัยรุ่นเขาไม่ชอบให้เราเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของเขาการใช้วิธีพูดคุยกันในทำนองของการไถ่ถามถึงเรื่องราวทั่วๆไปเปิดโอกาสให้เขาปรึกษาหารือพร้อมที่จะรับฟังเขาจะทำให้ความรู้สึกต่อต้านของเด็กลดลง เมื่อเขาเห็นว่าเราวางใจเขา ก็จะยินดีให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาว่าเวลานี้ เขาคิดอย่างไร เขารู้สึกอย่างไรคุณพ่อคุณแม่อาจลองถามไถ่ต่อไปว่ามีบ้างไหมเขาบังเอิญเข้าไปใกล้ชิดกับปัญหาเรื่องยาเสพติด เขาคิดว่าเขาจะป้องกันตัวเองอย่างไร ถ้าเราพูดกับลูกอย่างนี้ เราจะได้แนวคิดว่าจริงๆ แล้วลูกเรามีความพร้อมในเรื่องการดูแลตัวเองจากยาเสพติดไหมถ้าเขามีแนวคิดที่ดีอยู่แล้วเขาป้องกันตัวเองอยู่แล้ว เราก็ให้เพียงแค่การสนับสนุน ชื่นชมเขา หรืออาจเสนอข้อมูลที่เราได้รับรู้มาใหม่ๆ เพื่อเขาจะได้ระมัดระวังตัวเขาเองมากขึ้น
อีกประการหนึ่ง คือเรื่องการสังเกตพฤติกรรม โดยเมื่อเริ่มมีปัญหาแล้วเรารีบเข้าไปแก้ปัญหาโดยเร็ว ก็ย่อมจะดีกว่าปล่อยให้เขาติดยาเสพติดจนเรื้อรังจนแก้ไขได้ยาก การสังเกตพฤติกรรมช่วงแรกๆ จะพบว่าเด็กเริ่มมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอารมณ์หงุดหงิดและก้าวร้าว เด็กบางคนอาจเก็บตัวมากขึ้นหรือมีพฤติกรรมที่แอบซ่อนเพราะว่าเขาคงไม่อยากเปิดเผยถึงการใช้ยาของเขาให้เราทราบถ้าเขามีปัญหาของการแอบซ่อนอย่าใช้วิธีค้นอย่างที่ว่าเพราะยิ่งหาเด็กก็ยิ่งพยายามซ่อน ระยะนี้อาจเพียงแต่เฝ้ามองพฤติกรรมอยู่ห่างๆดูซิว่าลูกเริ่มโกหกลูกเริ่มแสดงพฤติกรรมหลอกลวงหรือเปล่าแล้วก็ดูด้านอื่นร่วมกันด้วยเช่นเรื่องการเรียนคุณพ่อคุณแม่อาจจะประสานกับคุณครูที่ดูแลลูกว่าขณะนี้ลูกมีปัญหาในชั้นเรียนอย่างไรไหมมีผลการเรียนตกลงไหมเพราะอะไรกลุ่มเพื่อนของลูกก็เป็นเรื่อง สำคัญ ถ้าเรายอมรับเพื่อนของลูก เราก็สามารถติดตามได้ว่าเขาไปทำอะไรกันที่ไหนบ้าง แต่ถ้าเราปฏิเสธไม่ยอมรับเพื่อนลูกก็จะเริ่มไม่บอกกับเราอย่างตรงไปตรงมาอาจยังแอบคบหาสมาคมกันโดยที่เราไม่รู้ ซึ่งข้อนี้จะเป็นอันตรายมากกว่า เพราะเราไม่มีทางทราบว่าเขาไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไรบ้างแต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่เปิดใจรับให้เพื่อนของลูกเข้ามาในบ้านเข้ามาพูดคุยกันทำกิจกรรมบาง อย่างร่วมกันที่บ้าน ซึ่งดูแล้วอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมเช่นเขาอาจจะอยากขอมาเล่นดนตรีด้วยกันที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ก็ควรอนุญาตหรือยอมให้เขาทำอะไรบางอย่างร่วมกันบ้างคุณจะได้เห็นลูกกับเพื่อนใน สายตาอยู่เกือบตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยได้มากทีเดียวว่า ขณะนี้เขาไปทำอะไรที่ไหนบ้าง และการที่เราเปิดเผยกับลูกยอมรับลูกในเรื่องต่างๆเช่นนี้จะทำให้ลูกเองก็พร้อมที่จะเปิดเผยกับเราด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเรามาร่วมมือกันอย่างนี้ก็คงช่วยกันไม่ให้ลูกเราหันเข้าไปหายาเสพติดกันได้ (สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 2537 :21-23)