A recent study [12] has shown that

A recent study [12] has shown that immune protection naturally acquired during the first wave of the 1918 influenza pandemic provided mortality and morbidity protection during the successive pandemic wave. Several investigations have evaluated the frequency of the pre-existing cross-reactive antibodies and the acquisition of immunity in the pre-pandemic and post-pandemic (H1N1) 2009 periods [26–29]. These studies have found higher seropositivity in older patients (those born before 1957) and negligible or minimal seropositivity in younger patients in the pre-pandemic per
iod. By contrast, after the pandemic period, higher seropositivity against pandemic (H1N1) virus was found among the school-aged population and young adult patients (30 years developed lower immune protection capable of neutralizing pandemic influenza A (H1N1) 2009 virus. Our findings of an older age in hospitalized patients during the post-pandemic influenza season are therefore consistent with the seroprevalence studies mentioned above.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาล่าสุด [12] ได้แสดงที่ป้องกันภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติมา first คลื่นของ influenza 1918 ระบาดให้ตายและป้องกัน morbidity ระหว่างคลื่นระบาดต่อเนื่อง มีประเมินตรวจสอบหลายความถี่ของแอนตี้ cross-reactive ที่มีอยู่ก่อนและซื้อของภูมิคุ้มกันก่อนระบาดและระบาดหลัง (H1N1) 2009 รอบ [26-29] การศึกษานี้ได้พบ seropositivity สูงในผู้ป่วยสูงอายุ (ผู้ที่เกิดก่อน 1957) และน้อยที่สุด หรือระยะ seropositivity ในผู้ป่วยอายุน้อยกว่าในการระบาดล่วงหน้าต่อiod โดยคมชัด หลังจากช่วงเวลาระบาด seropositivity สูงกับไวรัส (H1N1) ที่ระบาดพบประชากรโรงเรียน aged และผู้ป่วยผู้ใหญ่หนุ่ม (< อายุ 30 ปี) ราคาพิเศษ seropositivity คล้ายกับในระยะ prepandemic ในประชากรผู้สูงอายุ ระบุอัตราติดเชื้อต่ำ ข้อมูลเหล่านี้แสดงว่า ผู้ป่วยอายุ > 30 ปีพัฒนาป้องกันภูมิคุ้มกันต่ำสามารถ neutralizing ไวรัสระบาด influenza (H1N1) 2009 ของเรา findings อายุเก่าในผู้ป่วยพักในช่วงฤดูกาลระบาดหลัง influenza ดังสอดคล้องกับการศึกษา seroprevalence ดังกล่าวข้างต้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาที่ผ่านมา [12] ได้แสดงให้เห็นว่าการป้องกันภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติในช่วงสายคลื่นแรกของปี 1918 ในการแพร่ระบาดไขชั้นให้อัตราการเสียชีวิตและการป้องกันการเจ็บป่วยในช่วงคลื่นแพร่ระบาดต่อเนื่อง การตรวจสอบหลายคนได้รับการประเมินความถี่ของการมีอยู่ก่อนแอนติบอดีข้ามปฏิกิริยาและการเข้าซื้อกิจการของภูมิคุ้มกันในโรคระบาดก่อนและหลังการระบาดใหญ่ของโรค (H1N1) 2009 ระยะเวลา [26-29] การศึกษาเหล่านี้ได้พบ seropositivity ให้สูงขึ้นในผู้ป่วยสูงอายุ (ผู้ที่เกิดก่อนปี 1957) และ seropositivity เล็กน้อยหรือน้อยที่สุดในผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่าในก่อนการแพร่ระบาดต่อ
IOD ตรงกันข้ามหลังจากระยะเวลาการระบาด seropositivity ให้สูงขึ้นกับการแพร่ระบาด (H1N1) ไวรัสถูกพบในหมู่ประชากรวัยเรียนและผู้ป่วยผู้ใหญ่ (<30 ปี) อัตรา seropositivity มีความคล้ายคลึงกับผู้ที่อยู่ในช่วงเวลา prepandemic ในประชากรผู้สูงอายุแสดงให้เห็นอัตราการติดเชื้อต่ำ ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยที่อายุ> 30 ปีการพัฒนาการป้องกันภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าความสามารถในการแพร่ระบาด neutralizing ในชั้นไข A (H1N1) 2009 ไวรัส ไฟ ndings ของเราอายุมากในผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาลในช่วงหลังการระบาดใหญ่ของโรคในชั้นฤดูกาลไขจึงมีความสอดคล้องกับการศึกษาความชุกดังกล่าวข้างต้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาล่าสุด [ 12 ] ได้แสดงการป้องกันภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่ได้มาในช่วงคลื่นจึงตัดสินใจเดินทางจาก 1918 ในfl uenza ระบาดให้อัตราการตาย และป้องกันการระบาดในช่วงคลื่นต่อเนื่องการสืบสวนหลายได้ประเมินความถี่ของที่มีอยู่ก่อนข้ามปฏิกิริยาแอนติบอดีและการสร้างภูมิคุ้มกันในก่อนและหลังการระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ( H1N1 ) ระยะเวลา [ 26 – 29 ] การศึกษานี้พบในผู้ป่วยอายุมากกว่า seropositivity ( ผู้ที่เกิดก่อน พ.ศ. 2500 ) และกระจอกหรือน้อยที่สุดในผู้ป่วยเด็กใน seropositivity ก่อนระบาดต่อ
IOD . โดยความคมชัดหลังจากระยะเวลาการระบาดสูง seropositivity กับโรคไข้หวัดใหญ่ ( H1N1 ) ไวรัสที่พบในประชากรผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่และวัยเรียน ( < 30 ปี ) seropositivity อัตรากำลังที่คล้ายกับผู้ที่อยู่ในช่วง prepandemic ในประชากรสูงอายุ ระบุ อัตราการติดเชื้อต่ำข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยที่มีอายุ 30 ปีขึ้นลดภูมิคุ้มกันป้องกันความสามารถในการ neutralizing ระบาดในfl uenza 2009 ( H1N1 ) ไวรัส ของเราจึง ndings ของอายุเก่าในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในช่วงหลังระบาดในfl uenza ฤดูกาลจึงสอดคล้องกับ seroprevalence การศึกษาดังกล่าวข้างต้น