Discrimination is treatment or cons

Discrimination is treatment or consideration of, or making a distinction in favor of or against, a person or thing based on the group, class, or category to which that person or thing is perceived to belong to rather than on individual merit.[1] This includes treatment of an individual or group based on their actual or perceived membership in a certain group or social category, "in a way that is worse than the way people are usually treated".[2] It involves the group's initial reaction or interaction going on to influence the individual's actual behavior towards the group leader or the group, restricting members of one group from opportunities or privileges that are available to another group, leading to the exclusion of the individual or entities based on logical or irrational decision making.[3]

Not all discrimination is based on prejudice, however. Some religious duties, for example, need to be performed exclusively by a minister professing the religion that commands those duties.[4] Also, in the U.S., government policy known as affirmative action was instituted to encourage employers and universities to seek out and accept groups such as African-Americans and women, who have been subject to the opposite kind of discrimination for a long time.[5] Discriminatory traditions, policies, ideas, practices, and laws exist in many countries and institutions in every part of the world, even in ones where discrimination is generally looked down upon. In some places, controversial attempts such as quotas have been used to benefit those believed to be current or past victims of discrimination—but have sometimes been called reverse discrimination

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เลือกปฏิบัติคือ รักษาหรือพิจารณา หรือทำให้ความแตกต่างเห็นด้วย หรือต่อต้าน บุคคลหรือสิ่งตามกลุ่ม ชั้น หรือประเภทที่ว่า บุคคลหรือสิ่งที่ถือว่าการให้ มากกว่าบุญที่แต่ละ [1] ซึ่งรวมถึงการรักษาของแต่ละบุคคลหรือกลุ่มตามสมาชิกภาพจริง หรือรับรู้ในกลุ่มหรือประเภทสังคม "ในทางที่เลวร้ายยิ่งกว่าคนทางมักจะถือว่า" บางอย่าง [2] จะเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาเริ่มต้นหรือโต้ตอบที่เกิดขึ้นมีผลต่อการทำงานจริงของแต่ละบุคคลต่อกลุ่มผู้นำของกลุ่ม หรือกลุ่ม การจำกัดสมาชิกของกลุ่มหนึ่งจากโอกาสหรือสิทธิที่จะให้กลุ่มอื่น นำไปสู่การแยกออกของบุคคลหรือนิติบุคคล ตามการตัดสินใจทางตรรกะ หรือไม่มีเหตุผล [3]ไม่เลือกปฏิบัติจะขึ้นอยู่กับอคติ อย่างไรก็ตาม หน้าที่บางอย่างทางศาสนา ตัวอย่าง ได้ดำเนินการ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศาสนาที่หน้าที่ professing โดยเฉพาะ [4] นอกจากนี้ ในสหรัฐอเมริกา นโยบายรัฐบาลว่ายืนยันการดำเนินการคือ instituted เพื่อกระตุ้นให้นายจ้างและมหาวิทยาลัยเพื่อค้นหา และยอมรับกลุ่มแอฟริกันอเมริกันและหญิง คนที่ได้ขึ้นอยู่กับชนิดตรงกันข้ามการเลือกปฏิบัติมาเป็นเวลานาน [5] ประเพณีโจ่งแจ้ง นโยบาย ความคิด ปฏิบัติ และกฎหมายที่มีอยู่ในหลายประเทศและในทุกส่วนของโลก แม้แต่คนที่เลือกปฏิบัติอยู่โดยทั่วไปมองลง ในบางสถาน ความพยายามแย้งเช่นโควต้าการใช้เพื่อประโยชน์ที่เชื่อว่าเป็นปัจจุบัน หรืออดีตเหยื่อเลือกปฏิบัติ — แต่มีบางครั้งถูกเรียกว่าเลือกปฏิบัติกลับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเลือกปฏิบัติคือการรักษาหรือการพิจารณาหรือการทำให้ความแตกต่างในความโปรดปรานของหรือกับบุคคลหรือสิ่งที่อยู่บนพื้นฐานของกลุ่มชั้นเรียนหรือประเภทที่ว่าบุคคลหรือสิ่งที่เป็นที่รับรู้จะเป็นมากกว่าในบุญของแต่ละบุคคล. [1] ซึ่งรวมถึงการรักษาของบุคคลหรือกลุ่มขึ้นอยู่กับสมาชิกที่เกิดขึ้นจริงหรือการรับรู้ของพวกเขาในบางกลุ่มหรือหมวดหมู่สังคม "ในทางที่เลวร้ายยิ่งกว่าวิธีที่ผู้คนได้รับการรักษามักจะเป็น". [2] มันเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาแรกของกลุ่มหรือการทำงานร่วมกัน ที่เกิดขึ้นจะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมที่แท้จริงของแต่ละคนที่มีต่อผู้นำกลุ่มหรือกลุ่ม จำกัด สมาชิกของกลุ่มหนึ่งจากโอกาสหรือสิทธิพิเศษที่มีให้อีกกลุ่มหนึ่งที่นำไปสู่การยกเว้นของแต่ละบุคคลหรือหน่วยงานที่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเชิงตรรกะหรือไม่ลงตัว. [ 3] ไม่เลือกปฏิบัติทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความอยุติธรรมอย่างไร บางหน้าที่ทางศาสนาตัวอย่างเช่นจะต้องมีการดำเนินการโดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอ้างศาสนาที่คำสั่งการปฏิบัติหน้าที่เหล่านั้น. [4] นอกจากนี้ในสหรัฐอเมริกานโยบายของรัฐบาลที่รู้จักกันในการดำเนินการยืนยันการก่อตั้งเพื่อส่งเสริมให้นายจ้างและมหาวิทยาลัยที่จะหาทางออกและยอมรับ กลุ่มเช่นแอฟริกันอเมริกันและหญิงที่ได้รับขึ้นอยู่กับชนิดตรงข้ามของการเลือกปฏิบัติมาเป็นเวลานาน. [5] ประเพณีพินิจพิเคราะห์นโยบาย, ความคิด, การปฏิบัติและกฎหมายที่มีอยู่ในหลายประเทศและสถาบันการศึกษาในส่วนของโลกทุก แม้ในคนที่เลือกปฏิบัติโดยทั่วไปมองลงมา ในบางสถานที่พยายามแย้งเช่นโควต้าได้ถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของผู้ที่เชื่อว่าจะเป็นผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในปัจจุบันหรือที่ผ่านมาของการเลือกปฏิบัติ แต่ได้รับการเลือกปฏิบัติบางครั้งเรียกว่าย้อนกลับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเลือกปฏิบัติคือการรักษาหรือการพิจารณา หรือสร้างความแตกต่างในความโปรดปรานของหรือกับบุคคลหรือสิ่งของตามกลุ่ม , ระดับ , หรือประเภทที่บุคคลหรือสิ่งที่เป็นที่รับรู้จะเป็นมากกว่าบุญบุคคล [ 1 ] ซึ่งรวมถึงการรักษาของแต่ละบุคคลหรือกลุ่มตามการรับรู้ของพวกเขาที่เกิดขึ้นจริง หรือ สมาชิกในกลุ่มบางคนหรือบางสังคม ประเภท" ในทางที่แย่กว่าวิธีที่ผู้คนมักจะถือว่า " . [ 2 ] มันเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาเริ่มต้นของกลุ่มหรือปฏิสัมพันธ์จะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมที่แท้จริงของแต่ละคน ที่มีต่อผู้นำกลุ่ม หรือกลุ่ม การให้สมาชิกของกลุ่มหนึ่งจากโอกาสหรือสิทธิพิเศษที่มีอยู่ไปยังกลุ่มอื่นนำไปสู่การยกเว้นของบุคคลหรือนิติบุคคลตามตรรกะหรือเหตุผลในการตัดสินใจ [ 3 ]

ไม่เลือกปฏิบัติขึ้นอยู่กับอคติ แต่ หน้าที่ บางศาสนาเช่น ต้องปฏิบัติ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีอาชีพ ศาสนาที่บัญญัติหน้าที่เหล่านั้น . [ 4 ] นอกจากนี้ ในสหรัฐอเมริกานโยบายของรัฐบาลที่รู้จักกันเป็น การกระทำที่เป็นธรรมเป็น instituted เพื่อส่งเสริมให้นายจ้าง และมหาวิทยาลัย เพื่อหาทางออก และยอมรับในกลุ่มเช่นแอฟริกาอเมริกันและผู้หญิงที่ได้รับขึ้นอยู่กับชนิดตรงกันข้ามการแบ่งแยกเป็นเวลานาน . [ 5 ] การประเพณี นโยบาย แนวคิด แนวปฏิบัติ และกฎหมายที่มีอยู่ในหลายประเทศ และสถาบันในทุกส่วน ของโลกแม้ในที่การเลือกปฏิบัติโดยทั่วไปมองข้าม ในบางสถานที่ ขัดแย้งพยายามเช่นโควต้าได้ถูกใช้เพื่อประโยชน์ของผู้ที่เชื่อว่าเป็นปัจจุบันหรืออดีตเหยื่อของการเลือกปฏิบัติ แต่บางครั้งก็ถูกเรียกว่าตรงกันข้ามการแบ่งแยก