his study examines three agricultur

his study examines three agriculture management practices with the aim of improving the environmental performance of corn-derived products such as bioethanol. Corn production is energy intensive and contributes to water quality degradation and global warming, thus affecting the environmental impact of corn-derived ethanol. Life Cycle Assessment (LCA) is used to quantify and compare the environmental impacts of three management strategies: tillage, fertilizer choices and the use of buffer strips to sequester nutrients. Detailed energy, carbon, nitrogen and phosphorus inventories are compiled to represent corn production scenarios within the US Corn Belt. The LCA was developed using GREET 1.8 (Greenhouse Gases, Regulated Emissions, and Energy use in Transportation) and emission factors with statistical analyses to estimate energy consumption, associated air emissions, and aqueous nutrient runoff potentials. Results show that using manure fertilizers as opposed to synthetic fertilizers requires less energy, however the use of manure generates more CH4, N2O, CO2 and results in more variable concentrations of nitrogen and phosphorus leaching from farmlands. No tillage emits less greenhouse gas emissions, sequesters more soil organic carbon and slightly reduces nutrient runoff compared with conventional tillage practices. Building buffer strips of certain widths is an efficient way to reduce N and P discharge to surrounding waters with minimal effect on the energy or global warming profile. Based on the results of the LCA studies, replacing conventional tillage with no till, and installing buffer strips can improve environmental performances of corn derived ethanol.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศึกษาตรวจสอบวิธีการบริหารจัดการเกษตรสาม มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับข้าวโพดเช่น bioethanol ผลิตข้าวโพดเป็นพลังงานเร่งรัด และสนับสนุนการลดคุณภาพของน้ำและภาวะโลกร้อน ดังนั้น ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเอทานอลที่ได้รับข้าวโพด ประเมินวงจรชีวิต (LCA) จะใช้ในการกำหนดปริมาณ และเปรียบเทียบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของสามกลยุทธ์การจัดการ: tillage เลือกปุ๋ย และการใช้บัฟเฟอร์เพื่อ sequester สารอาหาร รายละเอียดคงพลังงาน คาร์บอน ไนโตรเจน และฟอสฟอรัสจะถูกคอมไพล์ถึงสถานการณ์การผลิตข้าวโพดภายในเราข้าวโพดสายพาน LCA ถูกพัฒนาโดยใช้ทักทาย 1.8 (ก๊าซเรือนกระจก ควบคุมปล่อย และพลังงานใช้ในการขนส่ง) และปัจจัยมลพิษ ด้วยการวิเคราะห์ทางสถิติเพื่อประเมินปริมาณการใช้พลังงาน การปล่อยอากาศที่เกี่ยวข้อง และธาตุอาหารที่ไหลบ่าอควีศักยภาพ ผลลัพธ์แสดงว่า ใช้ปุ๋ยมูลเป็นปุ๋ยการสังเคราะห์ต้องการพลังงานน้อย อย่างไรก็ตามการใช้มูลสร้าง CO2 CH4, N2O เพิ่มเติม และผลลัพธ์ในตัวแปรเพิ่มเติมความเข้มข้นของไนโตรเจนและฟอสฟอรัสที่ละลายจากถี Tillage ไม่ emits น้อยลงปล่อยก๊าซเรือนกระจก sequesters คาร์บอนอินทรีย์ของดินเพิ่มมากขึ้น และลดการไหลบ่าที่ธาตุอาหารเทียบกับปฏิบัติ tillage ธรรมดาเล็กน้อย สร้างแถบบัฟเฟอร์ของบางความกว้างเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดการปล่อย N และ P ไปน้ำ มีผลต่อพลังงานหรือค่าโลกร้อนน้อยที่สุด ตามผลการศึกษา LCA แทน tillage ธรรมดาไม่มีลิ้นชักเก็บเงิน และการติดตั้งแถบบัฟเฟอร์สามารถปรับปรุงสมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อมของเอทานอลข้าวโพดที่ได้มานี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาของเขาสามตรวจสอบการจัดการการเกษตรโดยมีวัตถุประสงค์ของการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ข้าวโพดที่ได้มาจากเอทานอลเช่น การผลิตข้าวโพดเป็นพลังงานที่เข้มข้นและก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมของคุณภาพน้ำและภาวะโลกร้อนจึงมีผลต่อผลกระทบสิ่งแวดล้อมของเอทานอลที่ได้มาจากข้าวโพด การประเมินวัฏจักรชีวิต (LCA) จะใช้ในการวัดปริมาณและเปรียบเทียบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของสามกลยุทธ์การจัดการ: เตรียมทางเลือกและการใช้ปุ๋ยของแถบกันชนที่จะยึดทรัพย์สารอาหาร พลังงานที่รายละเอียดของคาร์บอนไนโตรเจนฟอสฟอรัสและสินค้าคงเหลือเป็นข้อมูลที่รวบรวมเพื่อเป็นตัวแทนของสถ​​านการณ์การผลิตข้าวโพดในสหรัฐอเมริกาคอร์น LCA ได้รับการพัฒนาโดยใช้ทักทาย 1.8 (ก๊าซเรือนกระจกที่มีการควบคุมการปล่อยมลพิษและพลังงานใช้ในการขนส่ง) และปัจจัยที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีการวิเคราะห์ทางสถิติเพื่อประเมินการใช้พลังงานการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องปรับอากาศและศักยภาพการไหลบ่าของน้ำสารอาหาร ผลการศึกษาพบว่าการใช้ปุ๋ยมูลสัตว์เมื่อเทียบกับปุ๋ยสังเคราะห์ต้องใช้พลังงานน้อย แต่การใช้ปุ๋ยมากขึ้นสร้าง CH4, N2O, CO2 และส่งผลให้มีความเข้มข้นมากขึ้นของตัวแปรไนโตรเจนและฟอสฟอรัสชะล้างจากนา เตรียมปล่อยออกมาไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า sequesters ดินอินทรีย์คาร์บอนมากขึ้นและช่วยลดการไหลบ่าเล็กน้อยสารอาหารเมื่อเทียบกับการปฏิบัติดินแบบธรรมดา อาคารแถบกันชนของความกว้างบางวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดการปล่อยไนโตรเจนและฟอสฟอรัสน้ำโดยรอบที่มีผลกระทบน้อยที่สุดในการใช้พลังงานหรือรายละเอียดของภาวะโลกร้อน ขึ้นอยู่กับผลการศึกษา LCA เปลี่ยนดินแบบเดิมที่ไม่มีจนและการติดตั้งแถบบัฟเฟอร์สามารถปรับปรุงผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของเอทานอลที่ได้มาจากข้าวโพด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ศึกษาถึงวิธีการบริหารของเขาสามการเกษตรที่มีจุดมุ่งหมายในการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมของข้าวโพดและผลิตภัณฑ์เช่นรถยนต์ . การผลิตข้าวโพดเป็นพลังงานที่เข้มข้น และมีส่วนช่วยในการย่อยสลาย คุณภาพน้ำ และภาวะโลกร้อน ส่งผลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของข้าวโพดและเอทานอลการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ ( LCA ) เพื่อใช้วัดและเปรียบเทียบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของการจัดการเชิงกลยุทธ์ 3 : การไถพรวน เลือกปุ๋ยและใช้แถบบัฟเฟอร์ sequester รัง พลังงาน คาร์บอน ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส รายละเอียดสินค้าเป็นข้อมูลที่รวบรวมเพื่อแสดงสถานการณ์การผลิตข้าวโพดในสหรัฐฯ ข้าวโพดเข็มขัด ที่ถูกพัฒนาโดยใช้วิธีการทักทาย 1.8 ( ก๊าซเรือนกระจก ,การควบคุมการปล่อยก๊าซ และใช้พลังงานในการขนส่งและการปล่อยด้วยปัจจัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์เพื่อประเมินการใช้พลังงาน การปล่อยมลพิษทางอากาศ เกี่ยวข้อง และสารละลายธาตุอาหารไหลศักยภาพ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าการใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ย ซึ่งปุ๋ยสังเคราะห์ต้องใช้พลังงานน้อยลง อย่างไรก็ตาม การใช้ปุ๋ยคอก สร้างร่าง N2O , เพิ่มเติม ,และผลลัพธ์ในตัวแปรเพิ่มเติม CO2 ความเข้มข้นไนโตรเจนและฟอสฟอรัสละลายจากนา . ไม่มีการไถพรวนจะน้อยกว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก sequesters , ดินอินทรีย์คาร์บอนน้ำเล็กน้อยลดสารอาหารเทียบกับการปฏิบัติการไถพรวนปกติสร้างบัฟเฟอร์แถบบางความกว้างเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเพื่อลด N P ปลดให้รอบน้ำที่มีผลกระทบน้อยที่สุดต่อพลังงานหรือโปรไฟล์ของภาวะโลกร้อน ขึ้นอยู่กับผลของการศึกษา LCA แทนการไถพรวนปกติ ไม่มีจน และติดตั้งแถบบัฟเฟอร์สามารถปรับปรุงสมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อมของข้าวโพดและเอทานอล