Objective: To assess the long term

Objective: To assess the long term effects of hypertensive disorders of pregnancy on renal function.
Design: Cohort study where exposure was gestational hypertension or preeclampsia in the first pregnancy.
Normotensive women formed the comparison group.
Setting: Aberdeen, Scotland.
Participants: All women with date of birth on or before 30th June 1969 and at least their first singleton
delivery recorded in the Aberdeen Maternity and Neonatal Databank.
Methods: Participants were linked to the Renal Biochemistry Register, Scottish Morbidity Records,
Scottish Renal Registry and National Register for deaths.
Main outcome measures: Occurrence of chronic kidney disease (CKD) as identified from renal function
tests in later life, hospital admissions or death from kidney disease or recorded as receiving renal replacement
therapy.
Results: CKD was diagnosed in 7.5% and 5.2% of women who previously had GH and PE respectively compared
to 3.9% in normotensive women. The unadjusted odds ratio (95% confidence interval) of having
CKD in PE was 2.04 (1.53, 2.71) and that for GH was 1.37 (1.15, 1.65), while the adjusted odds ratio
(95% confidence interval) of CKD was 1.93 (1.44, 2.57) and 1.36 (1.13, 1.63) in women with PE and GH
respectively. Kaplan–Meier curves of survival time to development of chronic kidney disease revealed
that women with preeclampsia were susceptible to kidney function impairment earliest, followed by
those with gestational hypertension.
Conclusions: There was an increased subsequent risk of CKD associated with hypertensive disorders of
pregnancy. Women with GH and PE were also found to have CKD earlier than normotensive women.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินระยะยาว ผลกระทบของความดันโลหิตสูงผิดปกติของการตั้งครรภ์ในการทำงานของไตออกแบบ: การศึกษาตามแผนรับแสงอยู่ที่ไหนความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์หรือ preeclampsia ในครรภ์แรกNormotensive ผู้หญิงเกิดกลุ่มเปรียบเทียบที่ตั้ง: อเบอร์ดีน สกอตแลนด์ผู้เข้าร่วม: ผู้หญิงกับวันเดือนปีเกิดใน หรือ ก่อนวันที่ 30 1969 มิถุนายนและน้อยเดี่ยวของพวกเขาครั้งแรกส่งบันทึกในอเบอร์ดีนคลอดและทารกแรกเกิดสกายวอล์คเกอร์กลับวิธีการ: ผู้เข้าร่วมถูกลิงค์ไปไตชีวเคมีลงทะเบียน สก็อตเจ็บป่วยระเบียนรีจิสทรีไตสก็อตและลงทะเบียนแห่งชาติเสียชีวิตมาตรวัดผลลัพธ์หลัก: เกิดโรคไตเรื้อรัง (โรคไต) ระบุว่าจากการทำงานของไตทดสอบภายหลังชีวิต รับสมัครโรงพยาบาล หรือเสียชีวิตจากโรคไต หรือบันทึกเป็นการรับการเปลี่ยนไตการรักษาผลลัพธ์: โรคไตได้รับการวินิจฉัยใน 7.5% และ 5.2% ของผู้หญิงที่เคยใช้ GH และ PE ตามลำดับเปรียบเทียบร้อยละ 3.9 ในผู้หญิง normotensive ราคาต่อรองได้ปรับสัดส่วน (ช่วงความเชื่อมั่น 95%) มีโรคไตใน PE 2.04 (1.53, 2.71) และที่สำหรับ GH 1.37 (1.15, 1.65), ในขณะที่อัตราส่วนราคาต่อรองปรับปรุง(ช่วงความเชื่อมั่น 95%) โรคไตเรื้อรังคือ 1.93 (1.44, 2.57) และ 1.36 (1.13, 1.63) ในผู้หญิงที่มี PE และ GHตามลาดับ เส้นโค้งของ Kaplan – มุนเช่นเวลาอยู่รอดการพัฒนาของโรคไตเรื้อรังที่เปิดเผยว่า ผู้หญิงกับ preeclampsia จะด้อยค่าฟังก์ชันไตแรกสุด ตามผู้ที่ มีความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์สรุป: ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไตเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับโรคความดันโลหิตสูงตั้งครรภ์ ผู้หญิงกับ GH และ PE ยังพบว่ามีโรคไตเร็วกว่าผู้หญิง normotensive

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินผลกระทบระยะยาวของความผิดปกติความดันโลหิตสูงของการตั้งครรภ์ในการทำงานของไต. การออกแบบ:. การศึกษาการศึกษาที่ได้รับสารเป็นความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์หรือครรภ์เป็นพิษในการตั้งครรภ์ครั้งแรกผู้หญิงโลหิตปกติที่เกิดขึ้นกลุ่มเปรียบเทียบ. การตั้งค่า:. อเบอร์ดีน, สก็อตเข้าร่วม: ผู้หญิงทุกคน กับวันเดือนปีเกิดวันที่หรือก่อน 30 มิถุนายน 1969 และอย่างน้อยซิงเกิลแรกของพวกเขาส่งมอบบันทึกไว้ในอเบอร์ดีนคลอดบุตรและทารกแรกเกิด Databank. วิธีการ: ผู้เข้าร่วมถูกเชื่อมโยงกับการทำงานของไตชีวเคมีสมัครสมาชิก, สก็อตเจ็บป่วยประวัติสก็อตไต Registry และลงทะเบียนแห่งชาติเสียชีวิตหลักมาตรการผล: การเกิดโรคไตเรื้อรัง (CKD) ตามที่ระบุจากการทำงานของไตฟังก์ชั่นการทดสอบในชีวิตในภายหลังการรับสมัครโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากโรคไตหรือบันทึกเป็นได้รับการทดแทนไตบำบัด. ผล: CKD ได้รับการวินิจฉัยใน 7.5% และ 5.2% ของผู้หญิง ที่ก่อนหน้านี้มี GH และ PE ตามลำดับเมื่อเทียบกับ3.9% ในผู้หญิงโลหิตปกติ อัตราต่อรองเท็มเพลตอัตราส่วน (95% confidence interval) ของการมีโรคไตวายเรื้อรังใน PE เป็น 2.04 (1.53, 2.71) และว่าสำหรับ GH เป็น 1.37 (1.15, 1.65) ในขณะที่การปรับ odds ratio (ช่วงความเชื่อมั่น 95%) ของโรคไตวายเรื้อรังเป็น 1.93 ( 1.44, 2.57) และ 1.36 (1.13, 1.63) ในสตรีที่มี PE และ GH ตามลำดับ เส้นโค้ง Kaplan-Meier ของเวลาการอยู่รอดในการพัฒนาของโรคไตเรื้อรังเปิดเผยว่าผู้หญิงที่มีครรภ์มีความไวต่อการด้อยค่าการทำงานของไตที่เก่าแก่ที่สุดตามด้วยผู้ที่มีความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์. สรุป: มีความเสี่ยงที่ตามมาที่เพิ่มขึ้นของโรคไตวายเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของความดันโลหิตสูงเป็นของการตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่มี GH และ PE ยังพบว่ามีโรคไตวายเรื้อรังก่อนหน้านี้มากกว่าผู้หญิงโลหิตปกติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาผลระยะยาวของความดันโลหิตสูง ความผิดปกติของการตั้งครรภ์ต่อการทำงานของไตออกแบบ : การศึกษาไปข้างหน้าที่สัมผัสได้ขณะตั้งครรภ์ความดันโลหิตสูงหรือ preeclampsia ในการตั้งครรภ์ก่อนผู้หญิงเตตก่อตั้งกลุ่มเปรียบเทียบการตั้งค่า : อเบอร์ดีน สกอตแลนด์ผู้เข้าร่วม : ผู้หญิงที่มีวันเกิดในวันที่หรือก่อนวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 1969 และอย่างน้อยของตนเองก่อน ซิงเกิลตันส่งบันทึกในมารดาและทารกแรกเกิดโดยระบบ .วิธีการ : กลุ่มตัวอย่างที่เชื่อมโยงกับทะเบียนประวัติทางชีวเคมีที่ไต คนสก๊อตชาวสก็อตที่ไตและลงทะเบียนในรีจิสทรีแห่งชาติ .การวัดผลหลักของการเป็นโรคไตเรื้อรัง ( CKD ) ระบุว่า จากการทำงานของไตการทดสอบในชีวิตในภายหลัง ผู้ป่วยในโรงพยาบาล หรือตายจากโรคไต หรือบันทึกเป็นรับทดแทนไตบำบัดผลลัพธ์ : CKD เป็นนิจใน 7.5 และ 5.2 % ของผู้หญิงที่เคยมี GH และ PE ตามลำดับ เทียบ3.9 % ในผู้หญิงเตต . อัตราส่วนราคายังคง ( 95% ช่วงความเชื่อมั่น ) มีCKD ใน PE เป็น 2.04 ( 1.53 , 2.71 ) และสำหรับ GH เป็น 1.37 ( 1.15 , 1.65 ) ส่วน Adjusted Odds Ratio( 95% ช่วงความเชื่อมั่น ) CKD คือ 1.93 ( 1.44 , 2.57 ) และ 1.36 ( 1.13 , 1.63 ) ในผู้หญิงที่มี PE สร้างและตามลำดับ Kaplan – Meier เส้นโค้งของเวลาการอยู่รอดในการพัฒนาของโรคไตเรื้อรัง เปิดเผยที่ผู้หญิง preeclampsia มีความไวต่อหน้าที่ของไตเสื่อมเร็วตามด้วยผู้ที่มีความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ .สรุป : มีการเพิ่มความเสี่ยงของโรคไตวายเรื้อรังตามมา เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของความดันโลหิตสูงการตั้งครรภ์ ผู้หญิงกับ GH และ PE ยังพบได้เร็วกว่าผู้หญิง เตตระ .