the state of fiscal policy is usual

the state of fiscal policy is usually summarized by looking at the______between what the government pays out and what it take in---that is, the government_____.Fiscal policy is said to be tight or______.when revenue is higher than spending (the government budget is in surplus)and____.
Or expansionary when spending is higher than revenue (the budget is in deficit). Often the focus is not on the level of the deficit, but on the change in the deficit. The most immediate _____. Of fiscal policy is to change the aggregate demand for goods and services. A fiscal expansion, for example, raises aggregate demand through one of two channels. First, if the government increases purchases but keeps taxes the same, it increases demand directly. Second, if the government cuts taxes or increases transfer payment, people’s disposable income rises, and they will spend more on consumption. This rise in _____will, in turn, raise aggregate demand.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มักจะมีสรุปสถานะของนโยบายทางการเงิน โดยดูที่ the___.between สิ่งที่รัฐบาลจ่ายออกและอะไรมันใช้ใน---นั่นคือ การ government___ นโยบายทางการเงินว่า จะแน่น or___.when รายได้จะสูงกว่าค่าใช้จ่าย (งบประมาณของรัฐบาลเป็นส่วนเกิน) and___หรือคลังขยายตัวเมื่อใช้จ่ายจะสูงกว่ารายได้ (งบประมาณจะติด) มักจะเน้นเป็น ในระดับของดุลไม่ แต่ การเปลี่ยนแปลงในดุล มากที่สุดทันที___ นโยบายทางการเงินคือการ เปลี่ยนแปลงอุปสงค์รวมสำหรับสินค้าและบริการ การขยายตัวทางการเงิน เช่น เพิ่มอุปสงค์มวลรวมผ่านสองช่องทางหนึ่ง ก่อน ถ้ารัฐบาลเพิ่มซื้อ แต่เก็บภาษีเหมือนกัน มันเพิ่มความต้องการโดยตรง สอง ถ้ารัฐบาลลดภาษี หรือเพิ่มการโอนย้ายการชำระเงิน รายได้ประชาชนเพิ่มขึ้น และพวกเขาจะใช้จ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับปริมาณการใช้ นี้เพิ่มขึ้นใน ___will กลับ เพิ่มอุปสงค์มวลรวม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รัฐของนโยบายการคลังโดยสรุปมักจะโดยดูที่ ______. ระหว่างสิ่งที่รัฐบาลจ่ายออกและสิ่งที่มันใช้เวลาในการ --- นั่นคือรัฐบาล _____. นโยบายการคลังกล่าวจะแน่นหรือ ______. เมื่อมีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย (คน งบประมาณของรัฐบาลอยู่ในส่วนเกิน) และ ____.
หรือขยายตัวเมื่อใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ (งบประมาณที่ขาดดุล) มักจะโฟกัสไม่ได้อยู่ในระดับของการขาดดุล แต่การเปลี่ยนแปลงการขาดดุล ทันทีที่สุด _____ ของนโยบายการคลังคือการเปลี่ยนอุปสงค์รวมสินค้าและบริการ ขยายตัวทางการคลังเช่นเพิ่มอุปสงค์รวมผ่านทางหนึ่งของสองช่องทาง ขั้นแรกหากรัฐบาลเพิ่มการซื้อสินค้า แต่เก็บภาษีเดียวกันก็มีความต้องการเพิ่มขึ้นโดยตรง ประการที่สองถ้ารัฐบาลลดภาษีหรือเพิ่มการชำระเงินโอนของผู้คนที่เพิ่มขึ้นรายได้ทิ้งและพวกเขาจะใช้จ่ายมากขึ้นในการบริโภค เพิ่มขึ้นใน _____will นี้ในการเปิดเพิ่มอุปสงค์รวม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รัฐนโยบายการคลังมักจะสรุปได้โดยดูที่ ______ ระหว่างที่รัฐบาลจ่ายให้ และสิ่งที่ใช้ใน --- นั่นคือ รัฐบาล _____ นโยบายการคลัง กล่าวว่า จะแน่น หรือ ______ เมื่อรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย ( งบประมาณที่รัฐบาลจะเกินดุล ) and____ .
หรือขยายตัวเมื่อใช้ สูงกว่ารายได้ ( งบประมาณขาดดุล )มักจะมุ่งเน้นไม่ได้อยู่ในระดับของการขาดดุล แต่การเปลี่ยนแปลงในการขาดดุล การ _____ ทันทีมากที่สุด นโยบายการคลังคือการเปลี่ยนแปลงอุปสงค์สำหรับสินค้าและบริการ การ การคลัง เช่น เพิ่มอุปสงค์รวมผ่านสองช่องทาง ก่อน ถ้ารัฐบาลเพิ่มภาษีซื้อแต่ยังคงเหมือนเดิม การเพิ่มอุปสงค์โดยตรง ประการที่สองถ้าตัดหรือเพิ่มภาษีรัฐบาลโอนเงินของผู้คน , รายได้ทิ้งที่เพิ่มขึ้นและพวกเขาจะใช้จ่ายมากขึ้นในการบริโภค เพิ่มใน _____ จะ จะ เพิ่มอุปสงค์ .