บทความเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศบทความทางวิชาการผู้บริ การแปล - บทความเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศบทความทางวิชาการผู้บริ ไทย วิธีการพูด

บทความเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษาสู

บทความเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศ

บทความทางวิชาการ
ผู้บริหารสถานศึกษากับการบริหาร แบบมีส่วนร่วม ในยุคปฏิรูปการศึกษา
สถานศึกษาเป็นองค์กรหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอม สร้างคนออกไปรับใช้สังคม ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมีบทบาทเป็นผู้นำ ที่จะสามารถนำผู้อื่นให้สามารถทำงานบรรลุเป้าหมาย ของการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ผู้บริหารสถานศึกษาในฐานะเป็นสัญลักษณ์ขององค์กร จึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการปฏิรูปการศึกษา ให้ประสบความสำเร็จ โดยการยึดการบริหารโดยใช้ โรงเรียนเป็นฐาน ผู้บริหารสถานศึกษาในยุคนี้ต้องมีคุณลักษณะ ในการใช้ทักษะ การบริหารแบบมีส่วนร่วม มีความรู้ในหลักการบริหาร หลักธรรมาภิบาล การสร้างทีมงาน จิตวิทยาชุมชน ความเป็นผู้นำทางวิชาการ มีความรอบรู้ มีวิสัยทัศน์ มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะพัฒนาสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศ การจัดการศึกษา การบริหารงานใดๆ จะเกิดประสิทธิผลได้ก็ต่อเมื่อผู้บริหารมีภาวะผู้นำ กระจายความรับผิดชอบ อย่างเป็นธรรมไปสู่ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยต้องใช้ภาวะผู้นำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้งานเกิดประสิทธิผล

ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นตัวจักรสำคัญในองค์กร ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ขององค์กร ในการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าการปฏิรูปการศึกษา เป็นการเปลี่ยนแปลงการศึกษาทั้งระบบเป็น Systemic Change เป็นการปรับรื้อและปรับปรุงครั้งใหญ่ อันได้แก่ การบริหาร หลักสูตร กระบวนการเรียนการสอน และวิชาชีพ ที่เราเรียกกันว่า ปรับ 4 องค์ประกอบใหญ่ (Components) การบริหารและจัดการศึกษาของสถานศึกษา เป็นหน้าที่ของผู้บริหารโดยตรงที่ดำรงตำแหน่ง ตามสิทธิและหน้าที่ของตำแหน่งนั้น การบริหารมีความจำเป็นมากยิ่งขึ้นและเห็นชัดขึ้น เมื่อองค์กรมีขนาดใหญ่ มีสมาชิกมากขึ้น ลักษณะงานซับซ้อน ความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร ซับซ้อนขึ้น หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างหน่วยงาน นโยบายของรัฐ ตลอดทั้ง ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน ค่านิยมในการทำงาน ซึ่งผู้บริหารต้องอาศัยหลักการและทฤษฎีต่างๆ ทางการบริหารเพื่อเป็นแนวทางในการทำ ความเข้าใจ ทำนาย ตัดสินใจ และควบคุมพฤติกรรมต่างๆ ในหน่วยงานให้เหมาะสมกับ สถานการณ์ สภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของหน่วยงาน ลักษณะต่างๆ เหล่านี้ เป็นปัจจัย ที่เกี่ยวข้องกับ การบริหารแบบมีส่วนร่วม ในการบริหารและจัดการศึกษาของสถานศึกษา
แนวความคิดพื้นฐานของการบริหารแบบมีส่วนร่วม นักทฤษฎีองค์การมีแนวคิดเรื่องทฤษฎีการจูงใจที่คล้ายคลึงกัน ดังนี้ ทฤษฎีการจูงใจของมาสโลว์ (Maslow ' s Motivation Theory.1954. ) มีความเชื่อว่า
1. มนุษย์ทุกคนมีความต้องการเหมือนกัน ตราบใดที่ยังไม่สามารถตอบสนอง ความต้องการได้ ก็จะเกิดปัญหาความต้องการอยู่ร่ำไป แต่ถ้าความต้องการได้รับการตอบสนอง ก็จะเลิกสนใจไป
2. มนุษย์ตอบสนองความต้องการแตกต่างกัน ทางด้านปริมาณความต้องการระดับต่ำ ค่อนข้างมีขอบเขตจำกัด แต่ความต้องการระดับสูงมักจะมีขอบเขตไม่จำกัด
ทฤษฎีการจูงใจของเฮอร์เบิร์ก (Herberg 's Motivation Theory. 1959.) มีความเชื่อว่า ปัจจัยที่จูงใจให้คนทำงาน ประกอบด้วย 1. ความสำเร็จในงานที่ทำ 2. การได้รับการยอมรับ ยกย่องนับถือ 3. ความก้าวหน้าในหน้าการงานที่นำไปสู่ความสำเร็จ 4. ลักษณะของงานที่ทำ 5. ความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย6. ความเจริญเติบโตส่วนบุคคล
รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วม
การบริหารแบบมีส่วนร่วม สามารถสร้างความรู้สึกที่ดีในการปฏิบัติงาน และการเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานทุกระดับได้ใช้ความรู้ ความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชน์ต่อ การปฏิบัติงานและต่อองค์การได้อย่างเต็มที่ มีผู้คิดระบบการบริหารแบบมีส่วนร่วม อาทิ
แบบแผนของการมีส่วนร่วมแบบเหลื่อมล้ำ (Inequity participatory pattern) มี 3 แบบ (ศิริกาญจน์ โกสุมภ์ 2542,หน้า 228)
1. แบบชายขอบ (Marginal participatory pattern) ได้แก่ ร่วมงาน ร่วมมือ สนับสนุน ร่วมแสดงความคิดเห็น แต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ
2. แบบบางส่วน (Partial participatory pattern) ได้แก่ ริเริ่มงาน ร่วมงาน สนับสนุน ดำเนินงาน แสดงความคิดเห็น และมีอำนาจตัดสินใจบ้าง
3. แบบเต็มที่ (Full participatory pattern) ได้แก่ ริเริ่มงาน ดำเนินการ สนับสนุน แสดงความคิดเห็น ร่วมงานและกิจกรรมและมีอำนาจตัดสินใจเต็มที่
ขั้นตอนการบริหารแบบมีส่วนร่วม
 ขั้นที่ 1 การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
ขั้นที่ 2 การมีส่วนร่วมในการดำเนินการ
ขั้นที่ 3 การมีส่วนร่วมรับผลประโยชน์
ขั้นที่ 4 การมีส่วนร่วมในการประเมินผล สิ่งสำคัญที่จะต้องสังเกต คือ ความเห็น (Views) ความชอบ (Preferences) และความคาดหวัง (Expectations) ซึ่งจะมีอิทธิพล สามารถแปรเปลี่ยน พฤติกรรมของบุคคลในกลุ่มต่างๆ ได้
ข้อจำกัดของการบริหารแบบมีส่วนร่วม
ถึงแม้ว่าการบริหารแบบมีส่วนร่วมจะดี แต่การที่ผู้บริหารสถานศึกษาจะนำการบริหาร ในรูปแบบนี้มาใช้ควรระมัดระวัง ถึงข้อจำกัดของการให้กลุ่มมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและตัดสินใจ เพราะอาจจะทำให้เกิดกลุ่มอิทธิพลได้ และก่อให้เกิดความขัดแย้งกันในกลุ่ม ผู้บริหารสถานศึกษาควรคำนึงถึงผลได้ผลเสีย เช่น ค่าใช้จ่าย เวลา ปัญหา สถานการณ์ การกำหนดนโยบายและวัตถุประสงค์ขององค์กร จึงควร ได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนจะให้กลุ่ม มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
การบริหารแบบมีส่วนร่วม นั้นนักปราชญ์ทางสังคมศาสตร์ยืนยันว่าเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับชีวิตมนุษย์เฉพาะในสังคมประชาธิปไตย ในการพัฒนางาน ในองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ แม้แต่สถาบันครอบครัวก็ตาม การมีส่วนร่วมในภาพกว้างจะหมายถึงการมีส่วนร่วมระหว่างสมาชิก ด้วยกัน ระหว่างสมาชิกกับองค์กร ด้วยข้อเท็จจริงและความเชื่อที่ว่า งานจะสำเร็จได้ก็ด้วย ความร่วมมือของสมาชิก ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือ แห่งการดำรงชีวิตในสังคม หรือองค์กรเดียวกัน
สรุป
การบริหารในยุคปัจจุบัน เป็นการมุ่งเน้น การบริหารงานแบบมีส่วนร่วม ซึ่งเกิดขึ้น โดยการที่ผู้บริหาร ผู้ใต้บังคับบัญชา ชุมชน สังคม องค์กรเอกชน องค์กรภาครัฐ และผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย เข้ามามีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ร่วมภาคภูมิใจ ยิ่งผู้บริหารสนับสนุนให้มี การร่วมมือกันเท่าไร ยิ่งเพิ่มพูนอำนาจและความศรัทธาแก่ผู้ใต้บังคับบัญชามากขึ้นเท่านั้น มากกว่า การที่ผู้บริหารใช้อำนาจหน้าที่ตามลำพัง เ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
บทความเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศบทความทางวิชาการผู้บริหารสถานศึกษากับการบริหารแบบมีส่วนร่วมในยุคปฏิรูปการศึกษาสถานศึกษาเป็นองค์กรหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมสร้างคนออกไปรับใช้สังคมผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งโดยมีบทบาทเป็นผู้นำที่จะสามารถนำผู้อื่นให้สามารถทำงานบรรลุเป้าหมายของการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ผู้บริหารสถานศึกษาในฐานะเป็นสัญลักษณ์ขององค์กรจึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการปฏิรูปการศึกษาให้ประสบความสำเร็จโดยการยึดการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานผู้บริหารสถานศึกษาในยุคนี้ต้องมีคุณลักษณะในการใช้ทักษะการบริหารแบบมีส่วนร่วมมีความรู้ในหลักการบริหารหลักธรรมาภิบาลการสร้างทีมงานจิตวิทยาชุมชนความเป็นผู้นำทางวิชาการมีความรอบรู้มีวิสัยทัศน์มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศการจัดการศึกษาการบริหารงานใด ๆ จะเกิดประสิทธิผลได้ก็ต่อเมื่อผู้บริหารมีภาวะผู้นำกระจายความรับผิดชอบอย่างเป็นธรรมไปสู่ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยต้องใช้ภาวะผู้นำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้งานเกิดประสิทธิผลผู้บริหารสถานศึกษาเป็นตัวจักรสำคัญในองค์กรซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ขององค์กรในการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าการปฏิรูปการศึกษาเป็นการเปลี่ยนแปลงการศึกษาทั้งระบบเป็นเปลี่ยนระบบเป็นการปรับรื้อและปรับปรุงครั้งใหญ่อันได้แก่การบริหารหลักสูตรกระบวนการเรียนการสอนและวิชาชีพที่เราเรียกกันว่าปรับ 4 (ส่วนประกอบ) องค์ประกอบใหญ่การบริหารและจัดการศึกษาของสถานศึกษาเป็นหน้าที่ของผู้บริหารโดยตรงที่ดำรงตำแหน่งตามสิทธิและหน้าที่ของตำแหน่งนั้นการบริหารมีความจำเป็นมากยิ่งขึ้นและเห็นชัดขึ้นเมื่อองค์กรมีขนาดใหญ่มีสมาชิกมากขึ้นลักษณะงานซับซ้อนความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรซับซ้อนขึ้นหรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างหน่วยงานนโยบายของรัฐตลอดทั้งความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานค่านิยมในการทำงาน ซึ่งผู้บริหารต้องอาศัยหลักการและทฤษฎีต่าง ๆ ทางการบริหารเพื่อเป็นแนวทางในการทำความเข้าใจทำนายตัดสินใจและควบคุมพฤติกรรมต่าง ๆ ในหน่วยงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์สภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของหน่วยงานลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการบริหารและจัดการศึกษาของสถานศึกษามีความเชื่อว่าแนวความคิดพื้นฐานของการบริหารแบบมีส่วนร่วมนักทฤษฎีองค์การมีแนวคิดเรื่องทฤษฎีการจูงใจที่คล้ายคลึงกันดังนี้ทฤษฎีการจูงใจของมาสโลว์ (ของมาสโลว์จูง Theory.1954.)1. มนุษย์ทุกคนมีความต้องการเหมือนกันตราบใดที่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ก็จะเกิดปัญหาความต้องการอยู่ร่ำไปแต่ถ้าความต้องการได้รับการตอบสนองก็จะเลิกสนใจไป2. มนุษย์ตอบสนองความต้องการแตกต่างกันทางด้านปริมาณความต้องการระดับต่ำค่อนข้างมีขอบเขตจำกัดแต่ความต้องการระดับสูงมักจะมีขอบเขตไม่จำกัด ทฤษฎีการจูงใจของเฮอร์เบิร์ก (ทฤษฎีแรงจูงใจของ Herberg 1959) มีความเชื่อว่าปัจจัยที่จูงใจให้คนทำงานประกอบด้วย 1 ความสำเร็จในงานที่ทำ 2 การได้รับการยอมรับยกย่องนับถือ 3 ความก้าวหน้าในหน้าการงานที่นำไปสู่ความสำเร็จ 4 ลักษณะของงานที่ทำ 5 ความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย6 ความเจริญเติบโตส่วนบุคคลรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมการบริหารแบบมีส่วนร่วมสามารถสร้างความรู้สึกที่ดีในการปฏิบัติงานและการเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานทุกระดับได้ใช้ความรู้ความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานและต่อองค์การได้อย่างเต็มที่มีผู้คิดระบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมอาทิ แบบแผนของการมีส่วนร่วมแบบเหลื่อมล้ำ (Inequity แบบมีส่วนร่วม) มี 3 คำประกอบ (ศิริกาญจน์โกสุมภ์ 2542 หน้า 228)1. แบบชายขอบ (กำไรแบบมีส่วนร่วม) ได้แก่ร่วมงานร่วมมือสนับสนุนร่วมแสดงความคิดเห็นแต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ2. แบบบางส่วน (แบบมีส่วนร่วมบางส่วน) ได้แก่ริเริ่มงานร่วมงานสนับสนุนดำเนินงานแสดงความคิดเห็นและมีอำนาจตัดสินใจบ้าง3. แบบเต็มที่ (เต็มรูปแบบมีส่วนร่วม) ได้แก่ริเริ่มงานดำเนินการสนับสนุนแสดงความคิดเห็นร่วมงานและกิจกรรมและมีอำนาจตัดสินใจเต็มที่ ขั้นตอนการบริหารแบบมีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจขั้นที่ 1การมีส่วนร่วมในการดำเนินการขั้นที่ 2การมีส่วนร่วมรับผลประโยชน์ขั้นที่ 3ขั้นที่ 4 การมีส่วนร่วมในการประเมินผลสิ่งสำคัญที่จะต้องสังเกตคือความเห็น (วิว) ความชอบ (ลักษณะ) (คาดหวัง) และความคาดหวังซึ่งจะมีอิทธิพลสามารถแปรเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคคลในกลุ่มต่าง ๆ ได้ข้อจำกัดของการบริหารแบบมีส่วนร่วมถึงแม้ว่าการบริหารแบบมีส่วนร่วมจะดีแต่การที่ผู้บริหารสถานศึกษาจะนำการบริหารในรูปแบบนี้มาใช้ควรระมัดระวังถึงข้อจำกัดของการให้กลุ่มมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและตัดสินใจเพราะอาจจะทำให้เกิดกลุ่มอิทธิพลได้และก่อให้เกิดความขัดแย้งกันในกลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาควรคำนึงถึงผลได้ผลเสียเช่นค่าใช้จ่ายเวลาปัญหาสถานการณ์การกำหนดนโยบายและวัตถุประสงค์ขององค์กรจึงควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนจะให้กลุ่มมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการบริหารแบบมีส่วนร่วมนั้นนักปราชญ์ทางสังคมศาสตร์ยืนยันว่าเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับชีวิตมนุษย์เฉพาะในสังคมประชาธิปไตยในการพัฒนางานในองค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ แม้แต่สถาบันครอบครัวก็ตามการมีส่วนร่วมในภาพกว้างจะหมายถึงการมีส่วนร่วมระหว่างสมาชิกด้วยกันระหว่างสมาชิกกับองค์กรด้วยข้อเท็จจริงและความเชื่อที่ว่างานจะสำเร็จได้ก็ด้วยความร่วมมือของสมาชิกซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือแห่งการดำรงชีวิตในสังคมหรือองค์กรเดียวกันสรุปการบริหารในยุคปัจจุบันเป็นการมุ่งเน้นการบริหารงานแบบมีส่วนร่วมซึ่งเกิดขึ้นโดยการที่ผู้บริหารผู้ใต้บังคับบัญชาชุมชนสังคมองค์กรเอกชนองค์กรภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมคิดร่วมทำร่วมรับผิดชอบร่วมภาคภูมิใจยิ่งผู้บริหารสนับสนุนให้มีการร่วมมือกันเท่าไรยิ่งเพิ่มพูนอำนาจและความศรัทธาแก่ผู้ใต้บังคับบัญชามากขึ้นเท่านั้นมากกว่าการที่ผู้บริหารใช้อำนาจหน้าที่ตามลำพังเ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
แบบมีส่วนร่วม สร้างคนออกไปรับใช้สังคม โดยมีบทบาทเป็นผู้นำ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ให้ประสบความสำเร็จโดยการยึดการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ในการใช้ทักษะการบริหารแบบมีส่วนร่วมมีความรู้ในหลักการบริหารหลักธรรมาภิบาลการสร้างทีมงานจิตวิทยาชุมชนความเป็นผู้นำทางวิชาการมีความรอบรู้มีวิสัยทัศน์มีความมุ่งมั่นตั้งใจ การจัดการศึกษาการบริหารงานใด ๆ กระจายความรับผิดชอบ เปลี่ยนระบบใน อัน ได้แก่ การบริหารหลักสูตรกระบวนการเรียนการสอนและวิชาชีพที่เราเรียกกันว่าปรับ 4 องค์ประกอบใหญ่ (ส่วนประกอบ) ตามสิทธิและหน้าที่ของตำแหน่งนั้น เมื่อองค์กรมีขนาดใหญ่มีสมาชิกมากขึ้นลักษณะงานซับซ้อนความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรซับซ้อนขึ้น นโยบายของรัฐตลอดทั้งความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานค่านิยมในการทำงาน ความเข้าใจทำนายตัดสินใจและควบคุมพฤติกรรมต่างๆในหน่วยงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์สภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของหน่วยงานลักษณะต่างๆเหล่านี้เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการบริหารแบบมีส่วนร่วม ดังนี้ทฤษฎีการจูงใจของมาสโลว์ (Maslow 's แรงจูงใจ Theory.1954.) มีความเชื่อว่า1 มนุษย์ทุกคนมีความต้องการเหมือนกันตราบใดที่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ก็จะเกิดปัญหาความต้องการอยู่ร่ำไป แต่ถ้าความต้องการได้รับการตอบสนองก็จะเลิกสนใจไป2 ทางด้านปริมาณความต้องการระดับต่ำค่อนข้างมีขอบเขต จำกัด (Herberg 's ทฤษฎีแรงจูงใจ. 1959) มีความเชื่อว่าปัจจัยที่จูงใจให้คนทำงานประกอบด้วย 1. ความสำเร็จในงานที่ทำ 2. การได้รับการยอมรับยกย่องนับถือ 3 4. ลักษณะของงานที่ทำ 5 (รูปแบบการมีส่วนร่วมในความไม่เสมอภาค) มี 3 แบบ (ศิริกาญจน์โกสุมภ์ 2542, หน้า 228) 1 แบบชายขอบ (Marginal รูปแบบการมีส่วนร่วม) ได้แก่ ร่วมงานร่วมมือสนับสนุนร่วมแสดงความคิดเห็น แต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ2 แบบบางส่วน (Partial รูปแบบการมีส่วนร่วม) ได้แก่ ริเริ่มงานร่วมงานสนับสนุนดำเนินงานแสดงความคิดเห็นและมีอำนาจตัดสินใจบ้าง3 แบบเต็มที่ (รูปแบบการมีส่วนร่วมเต็ม) ได้แก่ ริเริ่มงานดำเนินการสนับสนุนแสดงความคิดเห็น  1 การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจขั้นที่ 2 3 การมีส่วนร่วมรับผลประโยชน์ขั้นที่ 4 การมีส่วนร่วมในการประเมินผลสิ่งสำคัญที่จะต้องสังเกตคือความเห็น (ชม) ความชอบ (การตั้งค่า) และความคาดหวัง (ความคาดหวัง) ซึ่งจะมีอิทธิพลสามารถแปรเปลี่ยนพฤติกรรม ของบุคคลในกลุ่มต่างๆ ในรูปแบบนี้มาใช้ควรระมัดระวัง เช่นค่าใช้จ่ายเวลาปัญหาสถานการณ์ จึงควร ในการพัฒนางานในองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆแม้แต่สถาบันครอบครัวก็ตาม ด้วยกันระหว่างสมาชิกกับองค์กรด้วยข้อเท็จจริงและความเชื่อที่ว่างานจะสำเร็จได้ก็ด้วยความร่วมมือของสมาชิกซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือแห่งการดำรงชีวิตในสังคม เป็นการมุ่งเน้นการบริหารงานแบบมีส่วนร่วมซึ่งเกิดขึ้นโดยการที่ผู้บริหารผู้ใต้บังคับบัญชาชุมชนสังคมองค์กรเอกชนองค์กรภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมคิดร่วมทำร่วมรับผิดชอบร่วมภาคภูมิใจยิ่งผู้ บริหารสนับสนุนให้มีการร่วมมือกันเท่าไร มากกว่า เ

























การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
บทความเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศ

บทความทางวิชาการแบบมีส่วนร่วมในยุคปฏิรูปการศึกษา

ผู้บริหารสถานศึกษากับการบริหารสถานศึกษาเป็นองค์กรหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมสร้างคนออกไปรับใช้สังคมผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งโดยมีบทบาทเป็นผู้นำที่จะสามารถนำผู้อื่นให้สามารถทำงานบรรลุเป้าหมายพ .ศ . 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่ 2 ) พ . ศ .2545 ผู้บริหารสถานศึกษาในฐานะเป็นสัญลักษณ์ขององค์กรจึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการปฏิรูปการศึกษาให้ประสบความสำเร็จโดยการยึดการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในการใช้ทักษะการบริหารแบบมีส่วนร่วมมีความรู้ในหลักการบริหารหลักธรรมาภิบาลการสร้างทีมงานจิตวิทยาชุมชนความเป็นผู้นำทางวิชาการมีความรอบรู้มีวิสัยทัศน์มีความมุ่งมั่นตั้งใจการจัดการศึกษาการบริหารงานใดๆจะเกิดประสิทธิผลได้ก็ต่อเมื่อผู้บริหารมีภาวะผู้นำกระจายความรับผิดชอบอย่างเป็นธรรมไปสู่ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยต้องใช้ภาวะผู้นำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ
ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นตัวจักรสำคัญในองค์กรซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ขององค์กรในการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าการปฏิรูปการศึกษาเป็นการเปลี่ยนแปลงการศึกษาทั้งระบบเป็นระบบเปลี่ยนอันได้แก่การบริหารหลักสูตรกระบวนการเรียนการสอนและวิชาชีพที่เราเรียกกันว่าปรับ 4 องค์ประกอบใหญ่ ( ส่วนประกอบ ) การบริหารและจัดการศึกษาของสถานศึกษาเป็นหน้าที่ของผู้บริหารโดยตรงที่ดำรงตำแหน่งการบริหารมีความจำเป็นมากยิ่งขึ้นและเห็นชัดขึ้นเมื่อองค์กรมีขนาดใหญ่มีสมาชิกมากขึ้นลักษณะงานซับซ้อนความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรซับซ้อนขึ้นหรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างหน่วยงานนโยบายของรัฐความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานค่านิยมในการทำงานซึ่งผู้บริหารต้องอาศัยหลักการและทฤษฎีต่างๆทางการบริหารเพื่อเป็นแนวทางในการทำความเข้าใจทำนายตัดสินใจในหน่วยงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์สภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของหน่วยงานลักษณะต่างๆเหล่านี้เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการบริหารและจัดการศึกษาของสถานศึกษา
แนวความคิดพื้นฐานของการบริหารแบบมีส่วนร่วมนักทฤษฎีองค์การมีแนวคิดเรื่องทฤษฎีการจูงใจที่คล้ายคลึงกันดังนี้ทฤษฎีการจูงใจของมาสโลว์ ( มาสโลว์ ' s theory.1954 แรงจูงใจ ) มีความเชื่อว่า
1มนุษย์ทุกคนมีความต้องการเหมือนกันตราบใดที่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ก็จะเกิดปัญหาความต้องการอยู่ร่ำไปแต่ถ้าความต้องการได้รับการตอบสนองก็จะเลิกสนใจไป
2มนุษย์ตอบสนองความต้องการแตกต่างกันทางด้านปริมาณความต้องการระดับต่ำค่อนข้างมีขอบเขตจำกัดแต่ความต้องการระดับสูงมักจะมีขอบเขตไม่จำกัด
ทฤษฎีการจูงใจของเฮอร์เบิร์ก ( herberg ' s ทฤษฎีแรงจูงใจ 1959 .) มีความเชื่อว่าปัจจัยที่จูงใจให้คนทำงานประกอบด้วย 1 ความสำเร็จในงานที่ทำ 2 การได้รับการยอมรับยกย่องนับถือ 3 ความก้าวหน้าในหน้าการงานที่นำไปสู่ความสำเร็จ 4 ลักษณะของงานที่ทำ 5ความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย 6 ความเจริญเติบโตส่วนบุคคล

รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมการบริหารแบบมีส่วนร่วมสามารถสร้างความรู้สึกที่ดีในการปฏิบัติงานและการเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานทุกระดับได้ใช้ความรู้ความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานและต่อองค์การได้อย่างเต็มที่อาทิ
แบบแผนของการมีส่วนร่วมแบบเหลื่อมล้ำ ( รูปแบบปัญหาแบบมีส่วนร่วม ) คอนโด ( 3 แบบศิริกาญจน์โกสุมภ์ 2542 หน้า 228 )
1 แบบชายขอบ ( โดยรูปแบบการมีส่วนร่วม ) ได้แก่ร่วมงานร่วมมือสนับสนุนร่วมแสดงความคิดเห็นแต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ
2แบบบางส่วน ( รูปแบบการมีส่วนร่วมบางส่วน ) ได้แก่ริเริ่มงานร่วมงานสนับสนุนดำเนินงานแสดงความคิดเห็นและมีอำนาจตัดสินใจบ้าง
3แบบเต็มที่ ( แบบเต็มรูปแบบ ) ได้แก่ริเริ่มงานดำเนินการสนับสนุนแสดงความคิดเห็นร่วมงานและกิจกรรมและมีอำนาจตัดสินใจเต็มที่
ขั้นตอนการบริหารแบบมีส่วนร่วม ขั้นที่การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

1ขั้นที่ 2 การมีส่วนร่วมในการดำเนินการขั้นที่การมีส่วนร่วมรับผลประโยชน์

3ขั้นที่ 4 การมีส่วนร่วมในการประเมินผลสิ่งสำคัญที่จะต้องสังเกตความความเห็น ( มุมมอง ) ความชอบ ( การตั้งค่า ) และความคาดหวัง ( ความคาดหวัง ) ซึ่งจะมีอิทธิพลสามารถแปรเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคคลในกลุ่มต่างๆได้
ข้อจำกัดของการบริหารแบบมีส่วนร่วม
ถึงแม้ว่าการบริหารแบบมีส่วนร่วมจะดีแต่การที่ผู้บริหารสถานศึกษาจะนำการบริหารในรูปแบบนี้มาใช้ควรระมัดระวังถึงข้อจำกัดของการให้กลุ่มมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและตัดสินใจและก่อให้เกิดความขัดแย้งกันในกลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาควรคำนึงถึงผลได้ผลเสียเช่นค่าใช้จ่ายเวลาปัญหาสถานการณ์การกำหนดนโยบายและวัตถุประสงค์ขององค์กรจึงควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนจะให้กลุ่มการบริหารแบบมีส่วนร่วมนั้นนักปราชญ์ทางสังคมศาสตร์ยืนยันว่าเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับชีวิตมนุษย์เฉพาะในสังคมประชาธิปไตยในการพัฒนางานในองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆแม้แต่สถาบันครอบครัวก็ตามด้วยกันระหว่างสมาชิกกับองค์กรด้วยข้อเท็จจริงและความเชื่อที่ว่างานจะสำเร็จได้ก็ด้วยความร่วมมือของสมาชิกซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือแห่งการดำรงชีวิตในสังคมหรือองค์กรเดียวกัน
สรุป
การบริหารในยุคปัจจุบันเป็นการมุ่งเน้นการบริหารงานแบบมีส่วนร่วมซึ่งเกิดขึ้นโดยการที่ผู้บริหารผู้ใต้บังคับบัญชาชุมชนสังคมองค์กรเอกชนองค์กรภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมคิดร่วมทำร่วมภาคภูมิใจยิ่งผู้บริหารสนับสนุนให้มีการร่วมมือกันเท่าไรยิ่งเพิ่มพูนอำนาจและความศรัทธาแก่ผู้ใต้บังคับบัญชามากขึ้นเท่านั้นมากกว่าการที่ผู้บริหารใช้อำนาจหน้าที่ตามลำพังจะ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: