งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงสำรวจเพื่อศึกษาถึงอิทธิพลการส่งเสริมการขายในรูปแบบการสะสมแสตมป์ต่อพฤติกรรมการบริโภคสินค้าของธุรกิจค้าปลีก 7-Eleven ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร กำหนดให้มีช่วงความเชื่อมั่น 95% (α = 0.05) ด้วยความคลาดเคลื่อน 5% (e = 0.05) โดยทำการสุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่ใช้บริการจำนวน393 หน่วยตัวอย่าง โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556
จากผลการศึกษาพบว่าจำนวนเพศหญิงมีการตอบสนองต่อรูปแบบการส่งเสริมการขายในรูปแบบของการสะสมแสตมป์มากกว่าเพศชายที่ร้อยละ 61.32 ส่วนใหญ่มีการศึกษาที่ระดับปริญญาตรี มีรายได้ที่เป็นรายเดือนคงที่ และในส่วนของการแสดงออกถึงพฤติกรรมการบริโภคสินค้าที่มีต่อการสะสมแสตมป์ 7-Eleven โดยพิจารณาจากอายุและเพศ เนื่องจากอายุและเพศมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการบริโภคสินค้าในระดับที่สูง P-Value = 0.000 (Highly significant) โดยแบ่งพฤติกรรมการบริโภคสินค้าออกเป็น 3 ด้านใหญ่ๆคือ ด้านพฤติกรรมการสะสมแสตมป์ 7-Eleven ด้านแรงจูงใจที่มีต่อการสะสมแสตมป์ และด้านความภักดีต่อธุรกิจค้าปลีก 7-Eleven พบว่ากลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเพศหญิงที่ช่วงอายุ 35 ถึง 44 ปี เป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจต่อการส่งเสริมการขายในรูปแบบการสะสมแสตมป์ของร้านสะดวกซื้อ 7-eleven มากที่สุด ซึ่งอธิบายได้ถึงความต้องการที่จะสะสมแสตมป์เพื่อใช้แลกของพรีเมียมและใช้แทนเงินสด มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคจากการซื้อสินค้าโดยปกติที่มีขนาดใหญ่ที่สามารถใช้ได้นานมาเป็นสินค้าที่มีขนาดเล็กลง (สินค้ามีขายในร้านสะดวกซื้อ 7-eleven) เพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวนแสตมป์ที่มากขึ้น และการสะสมแสตมป์ได้จำนวนมากนำไปสู่ความภาคภูมิใจของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ แต่กลับมีความเอนเอียงไปบริโภคร้านสะดวกซื้ออื่นหากมีการนำการส่งเสริมการขายในรูปแบบการสะสมแสตมป์ไปใช้กับร้านค้าปลีกอื่น ซึ่งแสดงได้ว่าการส่งเสริมการขายในรูปแบบการสะสมแสตมป์เป็นสิ่งที่ทำให้กลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความสนใจแม้ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้ออื่น ดังนั้นทางผู้ประกอบการจึงควรหามาตรการวางแผนหากลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อที่จะส่งเสริมธุรกิจค้าปลีกได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป