a b s t r a c tCarbon footprint (CF

a b s t r a c t
Carbon footprint (CFP) of sugar produced from sugarcane in eastern Thailand was estimated from
greenhouse gas emissions (CO2, CH4, and N2O) during the sugarcane cultivation and milling process. The
use of fossil fuels, chemical and organic fertilizer and sugarcane biomass data during cultivation were
collected from field surveys, questionnaires and interviews. Sugar mill emissions, fossil fuel utilization
and greenhouse gas emission from wastewater treatments were included. The results show that sugar
production has a carbon footprint of 0.55 kg CO2e kg
1 sugar. This carbon footprint was a sum of
0.49 kg CO2e kg
1 sugar from sugarcane cultivation and 0.06 kg CO2e kg
1 sugar from the milling process.
For the cultivation part, most of the GHGs emissions were from fertilizer, fossil fuel use and biomass
burning. The CFP in eastern Thailand is sensitive to the type of data selected for calculation and of
variations of farm inputs during sugarcane cultivation. There was no significant difference of CFP among
farm sizes, although small farms tended to give a relatively higher CFP than that of medium and large

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แบบ b s t r c tรอยเท้าคาร์บอน (CFP) น้ำตาลผลิตจากอ้อยในประเทศไทยถูกประเมินจากปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2, CH4 และ N2O) ในระหว่างการเพาะปลูกอ้อยและกัดกระบวนการ ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เคมี และอินทรีย์ปุ๋ยและอ้อยชีวมวลข้อมูลในระหว่างการเพาะปลูกได้รวบรวมจากฟิลด์แบบสำรวจ แบบสอบถาม และสัมภาษณ์ ปล่อยโรงงานผลิตน้ำตาล ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและก๊าซเรือนกระจกจากการบำบัดน้ำเสียรวม การแสดงผลที่น้ำตาลรอยเท้าคาร์บอนของ 0.55 กิโลกรัมน้ำตาล 1 กิโลกรัม CO2e ผลิตได้ รอยเท้าคาร์บอนนี้มีผลรวมของ0.49 กิโลกรัม CO2e 1 กิโลกรัมน้ำตาลจากอ้อยปลูกและ 0.06 kg CO2e 1 กิโลกรัมน้ำตาลจากกระบวนการสีสำหรับการเพาะปลูกส่วน ส่วนใหญ่ปล่อย GHGs ได้ จากปุ๋ย การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลชีวมวลเขียน CFP ในประเทศไทยเป็นชนิดของข้อมูลที่เลือก สำหรับการคำนวณ และการรูปแบบของอินพุตฟาร์มในระหว่างการเพาะปลูกอ้อย มีไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของ CFP ในหมู่ฟาร์มขนาด แม้ว่าฟาร์มขนาดเล็กมีแนวโน้มให้ CFP ค่อนข้างสูงกว่าที่มีขนาดใหญ่ และขนาดกลาง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นามธรรมรอยเท้าคาร์บอน (CFP) ของน้ำตาลที่ผลิตจากอ้อยในภาคตะวันออกของประเทศไทยได้รับการประเมินจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก(CO2, CH4 และ N2O) ในระหว่างการปลูกอ้อยและกระบวนการกัด การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเคมีและปุ๋ยอินทรีย์และข้อมูลชีวมวลในช่วงการเพาะปลูกอ้อยที่ถูกเก็บรวบรวมจากการสำรวจภาคสนามแบบสอบถามและการสัมภาษณ์ การปล่อยน้ำตาลโรงสีการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการรักษาน้ำเสียถูกรวม ผลการศึกษาพบว่าน้ำตาลการผลิตมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.55 กก. กก. CO2e 1 น้ำตาล การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นผลรวมของ0.49 กก. กก. CO2e 1 น้ำตาลจากปลูกอ้อยและ 0.06 กก. กก. CO2e 1 น้ำตาลจากกระบวนการกัด. ส่วนการเพาะปลูกส่วนใหญ่ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาจากปุ๋ยเชื้อเพลิงฟอสซิลใช้งานและชีวมวลการเผาไหม้. CFP ในภาคตะวันออกของประเทศไทยที่มีความไวต่อประเภทของข้อมูลที่เลือกสำหรับการคำนวณและการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยการผลิตในฟาร์มในช่วงการเพาะปลูกอ้อย ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของ CFP หมู่ขนาดฟาร์มแม้ว่าฟาร์มขนาดเล็กมีแนวโน้มที่จะให้CFP ค่อนข้างสูงกว่าที่ของกลางและขนาดใหญ่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

B S T R A C T
รอยเท้าคาร์บอน ( CFP ) น้ำตาลที่ผลิตจากอ้อยในภาคตะวันออกของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณจาก
การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ( CO2 , ร่าง , และ N2O ) ในการปลูกอ้อย และกรรมวิธีการโม่ .
ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เคมี และปุ๋ยอินทรีย์ และอ้อย ชีวมวล ข้อมูลในระหว่างการเพาะปลูกถูก
รวบรวมจากการสำรวจภาคสนาม แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์การปล่อยน้ำตาล เชื้อเพลิงฟอสซิลและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากน้ำเสีย
ปลูกรวม ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่าการผลิตน้ำตาล
มีรอยเท้าคาร์บอน 0.55 กิโลกรัม co2e กก
1 น้ำตาล นี้คือผลรวมของรอยเท้าคาร์บอน
0.49 กิโลกรัม co2e กก
1 น้ำตาลจากอ้อยและ 0.06 กกกก
co2e 1 น้ำตาลจากกระบวนการแปรสภาพ .
ส่วนการเพาะปลูกที่สุดของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากปุ๋ย การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และชีวมวล
เขียน CFP ในภาคตะวันออกของประเทศไทยมีความไวต่อชนิดของข้อมูลที่เลือกสำหรับการคำนวณและการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยระหว่าง
ฟาร์มเพาะปลูกอ้อย ไม่มีความแตกต่างของ CFP ของ
ขนาดฟาร์ม แต่ฟาร์มขนาดเล็กมีแนวโน้มที่จะให้ CFP ค่อนข้างสูงกว่าของขนาดกลาง และขนาดใหญ่