Scientists have thought that humans

Scientists have thought that humans only started emitting significant quantities of greenhouse gases in the 19th century, after the Industrial Revolution look hold. But a study in Nature today suggests that our history as heavy emitters stretches back much farther, to the charcoal fires of the Roman Empire and the intensive agriculture of Han China.
To examine carbon emissions past, the research team analyzed more than 50 ice cores from Greenland, gauging levels of the greenhouse gas methane in Earth’s atmosphere going back to 100 B.C. They looked at specific carbon signatures in the methane to determine whether it came from burning coal and other material or a nature biological process, then used mathematical models to further narrow down manmade emissions from naturally occurring ones.
Human emissions, they found, were noticeable, though minuscule compared to post-industrial levels; only perhaps 10 % human methane emissions over the past 2,000 years were produced before 1800. For a time when there over far fever people around, however, that’s still a lot of methane to be sending off into the atmosphere.
While our current technologies and our sheer numbers mean we’re emitting greenhouse gases at astonishing rates today, this study shows it’s a far older pattern than scientists believed. And climate models, which often use pre-industrial levels as a baseline, may eventually have to be updated to reflect our long past as polluters.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นักวิทยาศาสตร์มีความคิดว่า มนุษย์เท่านั้นเริ่มเปล่งปริมาณของก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญในศตวรรษที่ หลังจากที่เก็บลักษณะการปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่การศึกษาธรรมชาติวันนี้แนะนำว่า ประวัติเป็น emitters หนักยืดกลับมากไกลออกไป ไฟถ่านของจักรวรรดิโรมันและการเกษตรแบบเร่งรัดของจีนฮั่นการตรวจสอบการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ผ่านมา ทีมวิจัยวิเคราะห์มากกว่า 50 แกนน้ำแข็งจากกรีนแลนด์ gauging ระดับของมีเทนก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศของโลกย้อนกลับไปบี 100 พวกเขาดูที่ลายเซ็นเฉพาะคาร์บอนในมีเทนเพื่อตรวจสอบว่า มาจากการเผาไหม้ถ่านหิน และวัสดุอื่น ๆ หรือเป็นกระบวนการทางชีวภาพของธรรมชาติ แล้วใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อเพิ่มเติม แคบลงด้วยการปล่อยตามธรรมชาติเกิดขึ้นคนปล่อยมนุษย์ พวกเขาพบ ไม่ชัด ว่า minuscule เมื่อเทียบกับระดับอุตสาหกรรมหลัง เท่านั้น อาจจะปล่อยก๊าซมีเทนมนุษย์ 10% ปีผ่านมา 2000 ผลิตก่อน 1800 สำหรับเวลาเมื่อมีมากกว่าคนไข้ไกลสถาน อย่างไรก็ตาม ที่ยังคงมาก ของมีเทนเพื่อส่งออกสู่ชั้นบรรยากาศ ในขณะที่เทคโนโลยีปัจจุบันของเราและตัวเลขที่แท้จริงของเราหมายถึง เรากำลังเปล่งก๊าซเรือนกระจกที่ทันสมัยราคาพิเศษวันนี้ การศึกษานี้แสดงเป็นรูปแบบเก่าไกลกว่านักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า และในที่สุดอาจอากาศรุ่น ซึ่งมักใช้ระดับอุตสาหกรรมเป็นแบบพื้นฐาน การปรับปรุงเพื่อสะท้อนถึงการลองของเราเป็น polluters ที่ผ่านมา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นักวิทยาศาสตร์ได้คิดว่ามนุษย์จะเริ่มเปล่งปริมาณที่มีนัยสำคัญของก๊าซเรือนกระจกในศตวรรษที่ 19 หลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมดูไว้ แต่การศึกษาในธรรมชาติในวันนี้แสดงให้เห็นว่าประวัติศาสตร์ของเราเป็น emitters หนักย้อนหลังไปไกลเพื่อไฟถ่านของจักรวรรดิโรมันและการเกษตรแบบเร่งรัดฮั่นประเทศจีน.
เพื่อตรวจสอบที่ผ่านมาการปล่อยก๊าซคาร์บอนทีมวิจัยวิเคราะห์มากกว่า 50 แกนน้ำแข็งจาก กรีนแลนด์การวัดระดับของก๊าซมีเทนก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศของโลกจะกลับไป 100 ปีก่อนคริสตกาลพวกเขามองไปที่ลายเซ็นคาร์บอนที่เฉพาะเจาะจงในมีเทนเพื่อตรวจสอบว่ามันมาจากการเผาไหม้ถ่านหินและวัสดุอื่น ๆ หรือธรรมชาติกระบวนการทางชีวภาพแล้วใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่จะแคบต่อไป . ลงปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์สร้างขึ้นจากคนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ของมนุษย์การปล่อยพวกเขาพบว่าเป็นที่เห็นได้ชัดเจนแม้จิ๋วเมื่อเทียบกับระดับการโพสต์อุตสาหกรรม เพียง แต่อาจจะ 10% ปล่อยก๊าซมีเทนของมนุษย์ที่ผ่านมา 2,000 ปีก่อนที่จะมีการผลิต 1800 เป็นเวลากว่าเมื่อมีคนไข้ไกลรอบ แต่ที่ยังคงเป็นจำนวนมากของก๊าซมีเทนที่จะส่งออกสู่ชั้นบรรยากาศ.
ในขณะที่เทคโนโลยีในปัจจุบันของเราและของเรา ตัวเลขที่ชัดเจนหมายความว่าเรากำลังเปล่งก๊าซเรือนกระจกในอัตราที่น่าอัศจรรย์ในวันนี้การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเป็นรูปแบบที่เก่ากว่านักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า และแบบจำลองภูมิอากาศซึ่งมักจะใช้ระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมเป็นพื้นฐานที่สุดก็อาจจะต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้สะท้อนถึงอดีตที่ผ่านมานานของเราเป็นผู้ก่อมลพิษ