America declared its independence f

America declared its independence from Britain in 1776 and were recognized as the new nation of the United States of America following the Treaty of Paris in 1783.

The two most traumatic experiences in the nation's history were the Civil War (1861-65) and the Great Depression of the 1930s.
Buoyed by victories in World Wars I and II and the end of the Cold War in 1991, the US remains the world's most powerful nation state.
The economy is marked by steady growth, low unemployment and inflation, and rapid advances in technology.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อเมริกาประกาศเอกราชจากสหราชอาณาจักรใน 1776 และรับรู้เป็นประเทศใหม่ของสหรัฐอเมริกาตามสนธิสัญญาปารีสในค.ศ. 1783 สองประสบการณ์ที่เจ็บปวดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศได้ตกต่ำปี 1930 และสงครามกลางเมือง (1861-65) รองรับชัยชนะในสงครามโลกฉัน และ II และจุดสิ้นสุดของสงครามเย็นในปี 1991 สหรัฐอเมริกายังคงเป็น รัฐชาติมีประสิทธิภาพที่สุดในโลก เศรษฐกิจถูกทำเครื่องหมาย โดยเติบ ว่างงานต่ำ และอัตราเงินเฟ้อ และเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อเมริกาประกาศเอกราชจากสหราชอาณาจักรใน 1776 และได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศใหม่ของสหรัฐอเมริกาต่อไปนี้สนธิสัญญาปารีส 1783 สองประสบการณ์ที่เจ็บปวดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศที่มีสงครามกลางเมือง (1861-1865) และยิ่งใหญ่ ภาวะซึมเศร้าของช่วงทศวรรษที่ 1930. หลังจากที่อิ่มเอมชัยชนะในสงครามโลก I และ II และจุดสิ้นสุดของสงครามเย็นในปี 1991 สหรัฐยังคงเป็นรัฐชาติที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก. เศรษฐกิจมีการทำเครื่องหมายโดยการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องการว่างงานต่ำและอัตราเงินเฟ้อและความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในด้านเทคโนโลยี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อเมริกาประกาศเอกราชจากอังกฤษในปี 1776 และได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศใหม่ของสหรัฐอเมริกาตามสนธิสัญญาปารีส 1783 .2 ประสบการณ์ traumatic มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศเป็นสงครามกลางเมือง ( 1861-65 ) และ Great Depression ในช่วงปี 1930buoyed โดยชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 และการสิ้นสุดของสงครามเย็นใน 1991 , เรายังคงสถานะประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดของโลกเศรษฐกิจที่มีการเจริญเติบโตคงที่อัตราการว่างงานต่ำ และอัตราเงินเฟ้อ และความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเทคโนโลยี