binary_search() Returns whether the

binary_search() Returns whether the range contains an element 608
includes() Returns whether each element of a range is also
an element of another range
609
lower_bound() Finds the first element greater than or equal to a
given value
611
upper_bound() Finds the first element greater than a given value 611
equal_range() Returns the range of elements equal to a given
value
613
merge() Merges the elements of two ranges 614
set_union() Processes the sorted union of two ranges 616
set_intersection() Processes the sorted intersection of two ranges 617
set_difference() Processes a sorted range that contains all elements
of a range that are not part of another range
618
set_symmetric_difference() Processes a sorted range that contains all elements
that are in exactly one of two ranges
619
inplace_merge() Merges two consecutive sorted ranges 622
partition_point() Returns the partitioning element for a range
partitioned into elements fulfilling and elements
not fulfilling a predicate (since C++11)
552

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

binary_search() ส่งกลับว่า ช่วงประกอบด้วยองค์ประกอบ 608
includes() ส่งกลับค่าองค์ประกอบแต่ละช่วงว่ายัง
องค์ประกอบของ range
609
lower_bound() อื่นพบว่าองค์ประกอบแรกมากกว่า หรือเท่ากับ
ให้ค้นหา value
611
upper_bound() มากกว่า 611
equal_range() กำหนดค่าส่งกลับช่วงขององค์ประกอบเท่ากับองค์ประกอบแรกการกำหนด
ค่า
613
merge() ผสานองค์ประกอบของช่วงสอง 614
set_union() กระบวนการสหภาพการเรียงลำดับของ 616
set_intersection() ช่วงสองประมวลผลเรียงลำดับสี่แยกสองช่วง 617
set_difference() ดำเนินการเรียงลำดับช่วงที่ประกอบด้วยองค์ประกอบทั้งหมด
ของช่วงที่ไม่มี ส่วนของ range
618
set_symmetric_difference() อื่นดำเนินการเรียงลำดับช่วงที่ประกอบด้วยองค์ประกอบทั้งหมด
ที่อยู่ตรงหนึ่ง ranges
619
inplace_merge() สองเวียนสองติดต่อกันที่การเรียงลำดับช่วง 622
partition_point() ส่งกลับค่าองค์ประกอบแบ่งพาร์ติชันสำหรับช่วง
แบ่งการดำเนินการตามองค์ประกอบและองค์ประกอบ
ไม่สนองเป็นเพรดิเคต (ตั้งแต่ C 11)
552

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

binary_search () คืนไม่ว่าจะเป็นช่วงที่มีองค์ประกอบ 608
รวมถึง () คืนไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบของช่วงแต่ละนอกจากนี้ยังมี
องค์ประกอบอีกช่วง
609
LOWER_BOUND () ค้นหาองค์ประกอบแรกมากกว่าหรือเท่ากับ
ค่าที่กำหนด
611
UPPER_BOUND () ค้นหา องค์ประกอบแรกที่ยิ่งใหญ่กว่าที่กำหนดค่า 611
equal_range () ส่งช่วงขององค์ประกอบเท่ากับที่กำหนด
ค่า
613
ผสาน () ผสานองค์ประกอบของสองช่วง 614
set_union () กระบวนการสหภาพเรียงลำดับของสองช่วง 616
set_intersection () กระบวนการแยกที่เรียงลำดับ ของสองช่วง 617
set_difference () กระบวนการที่เรียงลำดับช่วงที่มีองค์ประกอบทั้งหมด
ของช่วงที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอีกช่วง
618
set_symmetric_difference () กระบวนการที่เรียงลำดับช่วงที่มีองค์ประกอบทั้งหมด
ที่อยู่ในว่าหนึ่งในสองช่วง
619
inplace_merge () ผสาน ช่วงที่สองติดต่อกันที่เรียงลำดับ 622
partition_point () ส่งองค์ประกอบแบ่งสำหรับช่วง
แบ่งพาร์ติชันเป็นองค์ประกอบการตอบสนองและองค์ประกอบ
ไม่ปฏิบัติตามคำกริยา (ตั้งแต่ C + +11)
552

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

binary_search() กลับมาว่าช่วงที่มีองค์ประกอบเช่นกัน
includes() กลับมาว่า แต่ละองค์ประกอบในช่วงที่ยังเป็นองค์ประกอบของช่วงอื่น

ผม
lower_bound() พบองค์ประกอบแรกที่มากกว่าหรือเท่ากับค่า

A
ให้มัน upper_bound() พบองค์ประกอบแรกมากกว่าค่าที่ให้คับ
equal_range() ผลตอบแทนช่วงขององค์ประกอบ เท่ากับให้

ผม
ค่าmerge() ผสานองค์ประกอบสองช่วง 614
set_union() กระบวนการเรียงสหภาพ 2 ช่วงได้
set_intersection() กระบวนการเรียงแยกสองช่วงแล้ว
set_difference() กระบวนการเรียงช่วงที่มีทุกองค์ประกอบ
ในช่วงที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของช่วงอื่น

set_symmetric_difference() เกี่ยวกับกระบวนการเรียงช่วงที่มีทุกองค์ประกอบ
ที่เป็นอีกหนึ่งของช่วงสอง

inplace_merge() 619 ผสานสองติดต่อกันเรียงช่วงนี่
partition_point() จะแบ่งองค์ประกอบสำหรับช่วง
แบ่งเป็นองค์ประกอบเติมเต็มและองค์ประกอบ
ไม่ตอบสนองภาคแสดง ( ตั้งแต่ ซี 11 )
ครับ