Social Cognitive Theory proposes th

Social Cognitive Theory proposes that individuals do not simply respond to environmental influences, but rather they actively seek and interpret information (Nevid, 2009). Individuals “function as contributors to their own motivation, behavior, and development within a network of reciprocally interacting influences” (Bandura, 1999, p. 169). Although Social Cognitive Theory covers many topics such as moral judgment and physiological arousal, research that is primarily focused on self-efficacy, or the beliefs regarding one's capabilities of successfully completing tasks or goals (Locke & Latham, 2002).
According to Bandura (2005), social cognitive theory takes on an agent-like perspective to change, development and adaptation. Bandura describes an agent as someone who intentionally influences one’s functioning and life circumstances; “In this view, people are self organizing, proactive, self-regulating, and self-reflecting. They are contributors to their life circumstances not just products of them” (Bandura, 2005, p. 1).
Self-Efficacy was developed by Albert Bandura’s as part of a larger theory, the Social Learning Theory (Ashford & LeCroy, 2010), which has progressed into the Social Cognitive Theory (Levin, Culkin, & Perrotto, 2001). Social Cognitive Theory was presented by Bandura in response to his dissatisfaction with the principles of behaviorism and psychoanalysis. In these two theories, the role of cognition in motivation and the role of the situation are largely ignored (Bandura, 1977; as cited in Redmond, 2010). "Unidirectional environmental determinism is carried to its extreme in the more radical forms of behaviorism" but humanists and existentialists, who stress the human capacity for conscious judgment and intentional action, contend that individuals determine what they become by their own free choices.
Most psychologists find conceptions of human behavior in terms of unidirectional personal determinism as unsatisfying as those espousing unidirectional environmental determinism. To contend that mind creates reality fails to acknowledge that environmental influences partly determine what people attend to, perceive, and think" (Bandura, 1978, p.344-345).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีการรับรู้ทางสังคมเสนอว่า บุคคลไม่เพียงตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อ แต่ค่อนข้างพวกเขากำลังแสวงหา และตีความข้อมูล (Nevid, 2009) บุคคล "เป็นผู้ให้การสนับสนุนตนเองแรงจูงใจ พฤติกรรม และการพัฒนาภายในเครือข่ายอิทธิพลโต้ตอบ reciprocally " (Bandura, 1999, p. 169) แม้ว่าทฤษฎีการรับรู้ทางสังคมครอบคลุมหลายหัวข้อตัดสินทางศีลธรรม และเร้าอารมณ์สรีรวิทยา งานวิจัยที่เป็นหลักเน้นประสิทธิภาพตนเอง หรือความเชื่อเกี่ยวกับความสามารถของของการทำงานหรือเป้าหมาย (ล็อก & Latham, 2002) เรียบร้อยแล้วตาม Bandura (2005), ทฤษฎีการรับรู้ทางสังคมจะใช้มุมมองเช่นตัวแทนการเปลี่ยนแปลง พัฒนาและปรับ Bandura อธิบายตัวแทนเป็นคนที่มีผลต่อเจตนาของทำงานและสถานการณ์ในชีวิต "ในมุมมองนี้ คนได้ด้วยตนเองที่จัดระเบียบ เชิงรุก ควบคุมตนเอง และสะท้อนตนเอง มีผู้ให้การสนับสนุนเพื่อชีวิตสถานการณ์ไม่เพียงแต่ผลิตภัณฑ์ของพวกเขา " (Bandura, 2005, p. 1) เป็นพัฒนาประสิทธิภาพตนเอง โดย Albert Bandura ของเป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎีขนาดใหญ่ สังคมเรียนรู้ทฤษฎี (แอชฟอร์ด & LeCroy, 2010), ซึ่งมีความก้าวหน้าในทฤษฎีรับรู้ทางสังคม (Levin เลย์คัลกิน & Perrotto, 2001) ทฤษฎีการรับรู้ทางสังคมถูกนำเสนอ โดย Bandura ในการตอบสนองความไม่พอใจของเขากับหลักการของ behaviorism psychoanalysis ทฤษฎีเหล่านี้สอง บทบาทของประชานในแรงจูงใจและบทบาทของสถานการณ์เป็นส่วนใหญ่ถูกละเว้น (Bandura, 1977 อ้างในเรดมอนด์ 2010 เป็น) "Determinism ทิศทางสิ่งแวดล้อมจะดำเนินการมากของในรูปแบบที่รุนแรงมากของ behaviorism" แต่ humanists และ existentialists ที่ความเครียดกำลังมนุษย์พิพากษาสติและการกระทำโดยตั้งใจ แข่งที่ บุคคลกำหนดพวกเขาเป็น โดยการเลือกของตนเองฟรีนักจิตวิทยาส่วนใหญ่ค้นหา conceptions ของพฤติกรรมมนุษย์ในแง่ของทิศทางส่วนบุคคล determinism เป็น unsatisfying เป็น determinism ที่สิ่งแวดล้อมทิศทาง espousing แข่งที่จิตใจสร้างล้มเหลวจริงยอมรับว่า มีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมบางส่วนกำหนดคนที่เข้าไป สังเกต และคิดว่า" (Bandura, 1978, p.344-345)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีความรู้ความเข้าใจสังคมแนะว่าบุคคลที่ไม่เพียงตอบสนองต่ออิทธิพลของสิ่งแวดล้อม แต่พวกเขากระตือรือร้นแสวงหาและแปลความหมายข้อมูล (Nevid 2009) บุคคลที่ "ทำหน้าที่เป็นผู้ให้ข้อมูลแรงจูงใจของตัวเองพฤติกรรมและการพัฒนาในเครือข่ายของการมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอิทธิพล" (Bandura, 1999, น. 169) แม้ว่าทฤษฎีองค์ความรู้สังคมครอบคลุมหัวข้อต่างๆเช่นการตัดสินทางศีลธรรมและความตื่นตัวทางสรีรวิทยาการวิจัยที่มุ่งเน้นหลักในการรับรู้ความสามารถของตนเองหรือความเชื่อเกี่ยวกับความสามารถในการอย่างใดอย่างหนึ่งของการจบการประสบความสำเร็จในงานหรือเป้าหมาย (ล็อคและ Latham, 2002).
ตามที่ Bandura (2005 ) ทฤษฎีองค์ความรู้ทางสังคมที่จะใช้เวลาในมุมมองของตัวแทนเช่นการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาและการปรับตัว Bandura อธิบายตัวแทนเป็นคนที่จงใจหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการทำงานและสถานการณ์ชีวิต; "ในมุมมองนี้ผู้คนมีการจัดระเบียบตัวเองเชิงรุกบังคับตนเองและสะท้อนให้เห็นถึงตัวเอง พวกเขาเป็นผู้ร่วมสมทบกับสถานการณ์ชีวิตของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ของพวกเขา "(Bandura, 2005, น. 1).
ตัวเองประสิทธิภาพได้รับการพัฒนาโดยส่วนหนึ่งเป็นอัลเบิร์บันดูระของทฤษฎีที่มีขนาดใหญ่ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Ashford และ LeCroy, 2010), ซึ่งมีความก้าวหน้าเข้ามาในทฤษฎีองค์ความรู้ทางสังคม (เลวินคัลกินและ Perrotto, 2001) ความรู้ความเข้าใจทฤษฎีสังคมถูกนำเสนอโดย Bandura ในการตอบสนองต่อความไม่พอใจของเขากับหลักการของพฤติกรรมและจิตวิเคราะห์ ในทั้งสองทฤษฎีบทบาทของความรู้ความเข้าใจในการสร้างแรงจูงใจและบทบาทของสถานการณ์ที่จะถูกละเว้นส่วนใหญ่ (Bandura 1977 นั้นเป็นที่อ้างถึงในเรดมอนด์, 2010) "ชะตาสิ่งแวดล้อมทิศทางเดียวจะดำเนินการไปมากในรูปแบบที่รุนแรงมากขึ้นของพฤติกรรมนิยม" แต่มานุษยวิทยาและ Existentialists ที่เน้นความสามารถของมนุษย์สำหรับการตัดสินที่ใส่ใจและการกระทำโดยเจตนายืนยันว่าบุคคลที่ตรวจสอบสิ่งที่พวกเขากลายเป็นโดยทางเลือกฟรีของตัวเอง.
นักจิตวิทยาส่วนใหญ่พบว่า แนวความคิดของพฤติกรรมของมนุษย์ในแง่ของการกำหนดทิศทางเดียวเป็นส่วนตัวพอใจกับผู้ที่ espousing ชะตาสิ่งแวดล้อมทิศทางเดียว เพื่อยืนยันความคิดที่จะสร้างความเป็นจริงล้มเหลวที่จะยอมรับว่าอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมบางส่วนตรวจสอบสิ่งที่ผู้คนเข้าร่วมรับรู้และคิดว่า "(Bandura, 1978, p.344-345)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีปัญญาทางสังคม เสนอ ว่า บุคคลที่ไม่เพียง แต่ตอบสนองต่ออิทธิพลจากสิ่งแวดล้อม แต่จะแสวงหาอย่างและตีความข้อมูล ( nevid , 2009 ) ฟังก์ชันบุคคล " เป็นผู้ให้แรงบันดาลใจของตัวเอง , พฤติกรรม , และการพัฒนาภายในเครือข่ายของอิทธิพลซึ่งกันและกันระหว่าง " ( Bandura , 2542 , หน้า 169 )แม้ว่าทฤษฎีปัญญาสังคมครอบคลุมหัวข้อต่างๆเช่นการตัดสินทางจริยธรรมและการกระตุ้นทางสรีรวิทยาการวิจัยที่เน้นหลักในการรับรู้ความสามารถของตนเอง หรือความเชื่อเกี่ยวกับหนึ่งในของจบงานหรือเป้าหมาย ( ล็อค& Latham , 2002 ) .
ตามแบนดูรา ( 2005 ) , ทฤษฎีปัญญาทางสังคมจะมีตัวแทน เช่น มุมมองเปลี่ยนไป พัฒนาการและการปรับตัวแบนดูราอธิบายแทนคนที่ตั้งใจจะมีผลต่อสถานการณ์ของการทำงานและชีวิต ในมุมมองนี้ คนตนเองการจัดระเบียบเชิงรุกที่ตนเองควบคุมตนเองและสะท้อนให้เห็นถึง . พวกเขาจะร่วมสมทบกับสถานการณ์ชีวิตของพวกเขาไม่เพียง แต่ผลิตภัณฑ์ของพวกเขา " ( Bandura , 2548 , หน้า 1 )
ตนเองถูกพัฒนาโดย Albert Bandura เป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎีขนาดใหญ่ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม ( แอชฟอร์ด& Lecroy , 2010 ) ซึ่งมีขึ้นในทฤษฎีปัญญาทางสังคม ( Levin คัลกิน& , , perrotto , 2001 ) ทฤษฎีปัญญาทางสังคมถูกเสนอโดย Bandura ในการตอบสนองต่อความไม่พอใจของเขากับหลักการของทฤษฎีพฤติกรรมนิยม และจิตวิเคราะห์ ในทั้งสองทฤษฎีบทบาทของความรู้ในการจูงใจ และบทบาทของสถานการณ์จะถูกละเว้นส่วนใหญ่ ( Bandura , 1977 ; ตามที่อ้างในเรดมอนด์ , 2010 ) ทฤษฏีการสิ่งแวดล้อมทางเดียวของสุดโต่งในรูปแบบที่รุนแรงมากขึ้นของทฤษฎีพฤติกรรมนิยม และ existentialists ฮิวแมนนิส " แต่ที่เน้นศักยภาพของมนุษย์เพื่อการตัดสินใจที่มีสติ และจงใจกระทำยืนยันว่าบุคคลที่ตรวจสอบสิ่งที่พวกเขากลายเป็นทางเลือกของตัวเองฟรี
นักจิตวิทยาส่วนใหญ่หาแนวคิดและพฤติกรรมของมนุษย์ในแง่ของทฤษฏีส่วนบุคคลทิศทางเป็นอย่างไม่พอใจ espousing determinism สิ่งแวดล้อมทิศทาง เพื่อยืนยันว่าจิตใจสร้างความเป็นจริงล้มเหลวที่จะยอมรับว่าสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลบางส่วนหาคนเข้าร่วมในการ รับรู้และคิดว่า " ( Bandura , 1978 , p.344-345 )