According to Porter, the business o

According to Porter, the business of a firm can best be described as a value chain, in which total revenues minus total costs of all activities undertaken to develop and market a product or service yields value. All firms in a given industry have a similar value chain, which includes activities such as obtaining raw materials, designing products, building manufacturing facilities, developing cooperative agreements, and providing customer service. A firm will be profitable as long as total revenues exceed the total costs incurred in creating and delivering the product or service. Firms should strive to understand not only their own value chain operations but also their competitors’, suppliers’, and distributors’ value chains.
Value chain analysis (VCA) refers to the process whereby a firm determines the costs associated with organizational activities from purchasing raw materials to manufacturing product(s) to marketing those products. VCA aims to identify where low-cost advantages or disadvantages exist anywhere along the value chain from raw material to customer service activities. VCA can enable a firm to better identify its own strengths and weaknesses, especially as compared to competitors’ value chain analyses and their own data examined over time.
Substantial judgment may be required in performing a VCA because different items along the value chain may impact other items positively or negatively, so there exist complex interrelationships. For example, exceptional customer service may be especially expensive yet may reduce the costs of returns and increase revenues. Cost and price differences among rival firms can have their origins in activities performed by suppliers, distributors, creditors, or even shareholders. Despite the complexity of VCA, the initial step in implementing this procedure is to divide a firm’s operations into specific activities or business processes. Then the analyst attempts to attach a cost to each discrete activity, and the costs could be in terms of both time and money. Finally, the analyst converts the cost data into information by looking for competitive cost strengths and weaknesses that may yield competitive advantage or disadvantage. Conducting a VCA is supportive of the RBV’s examination of a firm’s assets and capabilities as sources of distinctive competence.
When a major competitor or new market entrant offers products or services at very low prices, this may be because that firm has substantially lower value chain costs or perhaps the rival firm is just waging a desperate attempt to gain sales or market share. Thus value chain analysis can be critically important for a firm in monitoring whether its prices and costs are competitive. An example value chain is illustrated in Figure 4-7. There can be more than a hundred particular value-creating activities associated with the business of producing and marketing a product or service, and each one of the activities can represent a competitive advantage or disadvantage for the firm. The combined costs of all the various activities in a company’s value chain define the firm’s cost of doing business. Firms should determine where cost advantages and disadvantages in their value chain occur relative to the value chain of rival firms.
Value chains differ immensely across industries and firms. Whereas a paper products company, such as Stone Container, would include on its value chain timber farming, logging, pulp mills, and papermaking, a computer company such as Hewlett-Packard would include programming, peripherals, software, hardware, and laptops. A motel would include food, housekeeping, check-in and check-out operations, Web site, reservations system, and so on. However all firms should use value chain analysis to develop and nurture a core competence and convert this competence into a distinctive competence. A core competence is a value chain activity that a firm performs especially well. When a core competence evolves into a major competitive advantage, then it is called a distinctive competence. Figure 4-8 illustrates this process.
More and more companies are using VCA to gain and sustain competitive advantage by being especially efficient and effective along various parts of the value chain. For example, Wal-Mart has built powerful value advantages by focusing on exceptionally tight inventory control, volume purchasing of products, and offering exemplary customer service. Computer companies in contrast compete aggressively along the distribution end of the value chain. Of course, price competitiveness is a key component of effectiveness among both mass retailers and computer firms.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตามกระเป๋า ธุรกิจของบริษัทสามารถส่วนอธิบายเป็นค่าโซ่ ในซึ่งรายได้ทั้งหมดลบต้นทุนรวมของกิจกรรมทั้งหมดดำเนินการพัฒนา และตลาดผลิตภัณฑ์หรือบริการค่าอัตราผลตอบแทน บริษัททั้งหมดในอุตสาหกรรมเป็นเหมือนห่วงโซ่มูลค่า ซึ่งรวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ เช่นการรับวัตถุดิบ การออกแบบผลิตภัณฑ์ อาคารผลิตสิ่งอำนวยความสะดวก ข้อตกลงความร่วมมือพัฒนา และให้บริการลูกค้า ได้ บริษัทจะมีกำไรตราบใดที่รายได้รวมเกินกว่าต้นทุนรวมที่เกิดขึ้นในการสร้าง และส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการ บริษัทควรพยายามเข้าใจไม่เพียงตนดำเนินการห่วงโซ่มูลค่า แต่ยังคู่แข่ง ผู้จำหน่าย และห่วงโซ่มูลค่าของผู้จัดจำหน่ายการวิเคราะห์โซ่คุณค่า (VCA) หมายถึงกระบวนการโดยที่บริษัทกำหนดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมขององค์กรจากการจัดซื้อวัตถุดิบเพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์การตลาดผลิตภัณฑ์ VCA มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุที่โลว์คอสต์ข้อดีหรือข้อเสียอยู่ที่ใดตามห่วงโซ่คุณค่าจากวัตถุดิบเพื่อกิจกรรมการบริการลูกค้า VCA สามารถเปิดบริษัทเพื่อระบุจุดแข็งและจุดอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับวิเคราะห์ห่วงโซ่มูลค่าของคู่แข่งและข้อมูลตนเองตรวจสอบเวลาของตัวเองดีพบพิพากษาอาจจำเป็นในดำเนินการ VCA เนื่องจากสินค้าแตกต่างกันไปตามห่วงโซ่คุณค่าอาจส่งผลกระทบต่อสินค้าอื่น ๆ บวก หรือ ลบ ดังนั้นมีซับซ้อน interrelationships ตัวอย่าง บริการลูกค้ายอดเยี่ยมอาจจะแพงโดยเฉพาะ แต่อาจลดต้นทุนการส่งคืน และเพิ่มรายได้ ต้นทุนและราคาที่แตกต่างระหว่างบริษัทคู่แข่งสามารถมีจุดเริ่มต้นของพวกเขาในกิจกรรมที่ดำเนินการ โดยผู้จำหน่าย จำหน่าย เจ้าหนี้ หรือแม้แต่ผู้ถือหุ้น แม้ มีความซับซ้อนของ VCA ขั้นตอนแรกในการปฏิบัติตามขั้นตอนนี้จะแบ่งการดำเนินงานของบริษัทเป็นการระบุกิจกรรมหรือกระบวนการทางธุรกิจ จากนั้น พยายามกับต้นทุนแต่ละกิจกรรมไม่ต่อเนื่องนักวิเคราะห์ และเป็นต้นทุนทั้งเวลาและเงิน สุดท้าย วิเคราะห์การแปลงข้อมูลต้นทุนเป็นข้อมูล โดยการหาต้นทุนที่แข่งขันจุดแข็งและจุดอ่อนที่อาจก่อเปรียบหรือเสียเปรียบ ดำเนินการ VCA จะสนับสนุนของ RBV ตรวจสอบสินทรัพย์ของบริษัทและความสามารถในการเป็นแหล่งของความสามารถที่โดดเด่นเมื่อคู่แข่งสำคัญหรือ entrant ตลาดใหม่ให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการในราคาที่ต่ำมาก นี้อาจเป็น เพราะบริษัทที่มีต้นทุนต่ำมากค่าโซ่ หรือบางทีบริษัทคู่แข่งคือทำความพยายามที่หมดหวังได้ขาย หรือส่วนแบ่งตลาดเพียง จึง วิเคราะห์โซ่คุณค่าได้อย่างมิสำคัญสำหรับบริษัทในการตรวจสอบว่าของราคาและต้นทุนแข่งขัน ห่วงโซ่คุณค่าอย่างจะแสดงในรูปที่ 4-7 สามารถมีมากกว่าหนึ่งร้อยค่าสร้างกิจกรรมเฉพาะเกี่ยวข้องกับธุรกิจการผลิต และการตลาดผลิตภัณฑ์หรือบริการ และหนึ่งในแต่ละกิจกรรมสามารถแสดงเปรียบหรือข้อเสียสำหรับบริษัท ต้นทุนรวมของกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งหมดในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทการกำหนดต้นทุนของบริษัทที่ทำธุรกิจ บริษัทควรกำหนดที่ต้นทุนข้อดีและข้อเสียในห่วงโซ่คุณค่าของพวกเขาเกิดขึ้นสัมพันธ์กับห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทคู่แข่งห่วงโซ่มูลค่าแตกต่างกันอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมและบริษัท ในขณะที่กระดาษผลิตภัณฑ์บริษัท เช่นหินภาชนะ จะรวมไว้ในค่าโซ่ไม้เลี้ยง บันทึก โรงงานผลิตเยื่อกระดาษ ความ papermaking บริษัทคอมพิวเตอร์เช่น Hewlett-Packard จะรวมการเขียนโปรแกรม อุปกรณ์ต่อพ่วง ซอฟท์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และแล็ปท็อป โรงแรมจะรวมอาหาร สะอาด เช็คอิน และเช็คเอาท์การดำเนินงาน เว็บไซต์ ระบบการจอง และอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม บริษัททั้งหมดควรวิเคราะห์โซ่คุณค่าการพัฒนา และรักษาความสามารถเป็นหลัก และแปลงความสามารถนี้เป็นความสามารถที่โดดเด่น ความสามารถหลักที่เป็นกิจกรรมห่วงโซ่มูลค่าที่บริษัททำอย่างเช่น เมื่อมีความสามารถหลักอยู่เสมอเป็นการได้เปรียบเชิงแข่งขันที่สำคัญ มันจะเรียกความสามารถโดดเด่น รูปที่ 4-8 แสดงขั้นตอนนี้บริษัทมาก ขึ้นจะใช้ VCA จะได้รับ และรักษาเปรียบด้วยประสิทธิภาพ และประสิทธิผลตามส่วนต่าง ๆ ของห่วงโซ่คุณค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวอย่าง หยั่นหวอหยุ่น-มินิมาร์ทได้สร้างประโยชน์ค่ามีประสิทธิภาพ โดยเน้นการควบคุมสินค้าคงคลังแน่นล้ำ ปริมาณซื้อของสินค้า และบริการลูกค้าที่ระบุ บริษัทคอมพิวเตอร์ในแข่งขันอุกอาจไปสิ้นสุดการกระจายห่วงโซ่คุณค่า แน่นอน แข่งขันราคาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของประสิทธิผลโดยรวมร้านค้าปลีกและบริษัทคอมพิวเตอร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตามที่พอร์เตอร์ธุรกิจของ บริษัท ที่ดีที่สุดสามารถอธิบายเป็นห่วงโซ่คุณค่าซึ่งมีรายได้รวมหักด้วยต้นทุนรวมของกิจกรรมทั้งหมดที่ดำเนินการในการพัฒนาและการตลาดสินค้าหรือบริการค่าอัตราผลตอบแทน ทุก บริษัท ในอุตสาหกรรมที่ได้รับมีห่วงโซ่มูลค่าใกล้เคียงกันซึ่งรวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ เช่นการได้รับวัตถุดิบการออกแบบผลิตภัณฑ์, การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกการผลิต, การพัฒนาข้อตกลงความร่วมมือและการให้บริการลูกค้า บริษัท จะมีกำไรตราบใดที่รายได้รวมเกินค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการสร้างและการส่งมอบสินค้าหรือบริการ บริษัท ควรมุ่งมั่นที่จะเข้าใจไม่เพียง แต่การดำเนินงานของห่วงโซ่คุณค่าของตัวเอง แต่ยังคู่แข่งของพวกเขา 'ซัพพลายเออร์และผู้จัดจำหน่าย' ห่วงโซ่มูลค่า.
การวิเคราะห์ห่วงโซ่มูลค่า (VCA) หมายถึงกระบวนการที่ บริษัท กำหนดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมขององค์กรจากการซื้อวัตถุดิบ วัสดุเพื่อการผลิตสินค้า (s) เพื่อการตลาดผลิตภัณฑ์เหล่านั้น VCA มีจุดมุ่งหมายเพื่อระบุตำแหน่งที่ได้เปรียบต้นทุนต่ำหรือข้อเสียอยู่ที่ใดก็ได้ตามห่วงโซ่คุณค่าจากวัตถุดิบเพื่อกิจกรรมด้านการบริการลูกค้า VCA สามารถเปิดใช้งานของ บริษัท ให้ดีขึ้นระบุจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับการวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่าของคู่แข่งและข้อมูลการตรวจสอบของตัวเองในช่วงเวลา.
การตัดสินใจที่สำคัญอาจจะต้องใช้ในการดำเนินการ VCA เพราะรายการที่แตกต่างกันไปตามห่วงโซ่คุณค่าอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบ รายการบวกหรือลบเพื่อให้มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนอยู่ ยกตัวอย่างเช่นการบริการลูกค้าพิเศษอาจจะมีราคาแพงโดยเฉพาะอย่างยิ่งยังอาจลดค่าใช้จ่ายของผลตอบแทนและรายได้เพิ่มขึ้น ต้นทุนและราคาที่แตกต่างระหว่าง บริษัท คู่แข่งสามารถที่มีต้นกำเนิดในกิจกรรมที่ดำเนินการโดยซัพพลายเออร์, จำหน่าย, เจ้าหนี้หรือแม้กระทั่งผู้ถือหุ้น แม้จะมีความซับซ้อนของ VCA, ขั้นตอนแรกในการดำเนินการตามขั้นตอนนี้คือการแบ่งการดำเนินงานของ บริษัท ในกิจกรรมที่เฉพาะเจาะจงหรือกระบวนการทางธุรกิจ นักวิเคราะห์จากนั้นพยายามที่จะแนบค่าใช้จ่ายในแต่ละกิจกรรมที่ไม่ต่อเนื่องและค่าใช้จ่ายที่อาจจะทั้งในแง่ของเวลาและเงิน ในที่สุดนักวิเคราะห์แปลงข้อมูลเป็นข้อมูลค่าใช้จ่ายโดยการมองหาจุดแข็งของค่าใช้จ่ายในการแข่งขันและจุดอ่อนที่อาจก่อให้เปรียบในการแข่งขันหรือเสียเปรียบ ดำเนินการ VCA คือการสนับสนุนของการตรวจสอบ RBV ของสินทรัพย์ของ บริษัท และความสามารถเป็นแหล่งที่มาของความสามารถที่โดดเด่น.
เมื่อคู่แข่งสำคัญหรือเข้าตลาดใหม่มีสินค้าหรือบริการในราคาที่ต่ำมากนี้อาจจะเป็นเพราะ บริษัท ที่มีอย่างมีนัยสำคัญลดค่าใช้จ่ายห่วงโซ่คุณค่า หรืออาจจะเป็น บริษัท คู่แข่งเป็นเพียงการขับเคี่ยวความพยายามที่จะได้รับการขายหรือส่วนแบ่งการตลาด ดังนั้นการวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่าจะมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ บริษัท ในการตรวจสอบว่าราคาและค่าใช้จ่ายที่มีการแข่งขัน ห่วงโซ่คุณค่าตัวอย่างเช่นมีการแสดงในรูปที่ 4-7 สามารถมีได้มากกว่าหนึ่งร้อยกิจกรรมสร้างมูลค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการผลิตและการตลาดสินค้าหรือบริการและแต่ละคนของกิจกรรมที่สามารถเป็นตัวแทนเปรียบในการแข่งขันหรือข้อเสียให้กับ บริษัท ค่าใช้จ่ายรวมของทุกกิจกรรมต่าง ๆ ในห่วงโซ่มูลค่าของ บริษัท ที่กำหนดค่าใช้จ่ายของ บริษัท ในการทำธุรกิจ บริษัท ควรกำหนดค่าใช้จ่ายที่ข้อดีและข้อเสียในห่วงโซ่คุณค่าของพวกเขาเกิดขึ้นเมื่อเทียบกับห่วงโซ่มูลค่าของ บริษัท คู่แข่ง.
โซ่มูลค่าแตกต่างกันอย่างมากในอุตสาหกรรมและ บริษัท ในขณะที่ บริษัท ผลิตภัณฑ์กระดาษเช่นหินคอนเทนเนอร์จะรวมอยู่ในห่วงโซ่คุณค่าของการเลี้ยงไม้เข้าสู่โรงงานผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษซึ่งเป็น บริษัท คอมพิวเตอร์เช่น Hewlett-Packard จะรวมถึงการเขียนโปรแกรมและอุปกรณ์ต่อพ่วง, ซอฟแวร์ฮาร์ดแวร์และแล็ปท็อป ห้องเช่าจะรวมถึงอาหารบริการดูแลทำความสะอาดเช็คอินและเช็คเอาท์การดำเนินงานเว็บไซต์ระบบการจองและอื่น ๆ แต่ทุก บริษัท ควรใช้วิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่าการพัฒนาและรักษาความสามารถหลักและแปลงความสามารถนี้ในความสามารถที่โดดเด่น ความสามารถหลักเป็นกิจกรรมห่วงโซ่คุณค่าที่ บริษัท ดำเนินการโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อความสามารถหลักวิวัฒนาการเป็นเปรียบในการแข่งขันที่สำคัญแล้วมันจะเรียกว่าความสามารถที่โดดเด่น รูปที่ 4-8 แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนนี้.
บริษัท เพิ่มมากขึ้นมีการใช้ VCA จะได้รับและรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพตามส่วนต่าง ๆ ของห่วงโซ่คุณค่า ตัวอย่างเช่น Wal-Mart ได้สร้างข้อได้เปรียบค่าที่มีประสิทธิภาพโดยเน้นการควบคุมสินค้าคงคลังแน่นเป็นพิเศษปริมาณการจัดซื้อของผลิตภัณฑ์และการให้บริการลูกค้าที่เป็นแบบอย่าง บริษัท คอมพิวเตอร์ในทางตรงกันข้ามการแข่งขันอย่างจริงจังพร้อมสิ้นสุดการกระจายตัวของห่วงโซ่คุณค่า แน่นอนว่าการแข่งขันราคาเป็นองค์ประกอบสำคัญของความมีประสิทธิผลในหมู่ทั้งค้าปลีกขนาดใหญ่และ บริษัท คอมพิวเตอร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตามเฝ้า ธุรกิจของ บริษัท สามารถอธิบายเป็น ห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งรายได้ทั้งหมด ลบด้วย ต้นทุนรวมของทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อพัฒนาและทำตลาดผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มมูลค่า บริษัทในอุตสาหกรรมให้มีห่วงโซ่มูลค่าที่คล้ายกัน ซึ่งรวมถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น การรับวัตถุดิบ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การสร้างเครื่องผลิตการพัฒนาข้อตกลงความร่วมมือ และการให้บริการลูกค้า บริษัทจะทำกำไรตราบใดที่รายได้รวมเกินรวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการสร้างและการส่งมอบสินค้าหรือบริการ บริษัท ควรพยายามที่จะเข้าใจไม่เพียง แต่ตัวเอง แต่ยังห่วงโซ่มูลค่าการดำเนินการของคู่แข่ง ซัพพลายเออร์ และตัวแทน
ค่าโซ่การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า ( vca ) หมายถึง กระบวนการซึ่งเป็น บริษัท ตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมขององค์กรจากการจัดซื้อวัตถุดิบเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ ( s ) เพื่อการตลาดผลิตภัณฑ์เหล่านั้น vca มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุข้อดีหรือข้อเสียอยู่ที่ราคาใดก็ได้ตามห่วงโซ่มูลค่าจากวัตถุดิบเพื่อกิจกรรมด้านการบริการลูกค้าvca สามารถช่วยให้ บริษัท ที่จะระบุจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองดี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งและห่วงโซ่คุณค่าวิเคราะห์ข้อมูลของตนเอง ตรวจสอบตลอดเวลา
ความยุติธรรมอย่างมากอาจจะต้องใช้ในการแสดง vca เพราะรายการที่แตกต่างกันไปตามห่วงโซ่คุณค่าอาจส่งผลกระทบต่อรายการอื่น ๆ บวกหรือลบ จึงมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ตัวอย่างเช่นการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมอาจจะยิ่งแพง ยังอาจลดต้นทุนผลตอบแทนและรายได้ที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนและราคาความแตกต่างระหว่าง บริษัท คู่แข่งก็มีต้นกำเนิดของพวกเขาในกิจกรรมที่ดำเนินการโดยผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย หรือแม้กระทั่ง เจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น แม้จะมีความซับซ้อนของ vca ,ขั้นตอนแรกในกระบวนการนี้คือการแบ่งการดำเนินงานของ บริษัท เป็นกิจกรรมเฉพาะ หรือกระบวนการทางธุรกิจ . แล้วนักวิเคราะห์พยายามที่จะแนบ ต้นทุนแต่ละกิจกรรมต่อเนื่อง และค่าใช้จ่ายได้ทั้งในแง่ของเวลาและเงิน ในที่สุดนักวิเคราะห์แปลงข้อมูลค่าใช้จ่ายในข้อมูลโดยการมองหาค่าใช้จ่ายในการแข่งขันจุดแข็งและจุดอ่อนที่อาจให้ผลได้เปรียบหรือเสียเปรียบ การ vca การสนับสนุนของการสอบของ RBV ของสินทรัพย์ของบริษัท และความสามารถในการเป็นแหล่งที่มาของความสามารถที่โดดเด่น .
เมื่อคู่แข่งหรือผู้ใหญ่ตลาดใหม่เสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการในราคาที่ต่ำมากซึ่งอาจเป็นเพราะบริษัทที่มีมากลดห่วงโซ่มูลค่าต้นทุนหรือบางทีบริษัทคู่แข่งเป็นแค่การความพยายามที่จะเพิ่มยอดขายหรือส่วนแบ่งตลาด ดังนั้นการวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่าอาจมีความสำคัญสำหรับ บริษัท ในการตรวจสอบว่าราคาและต้นทุนที่แข่งขันได้ ค่าเช่น โซ่จะแสดงในรูปที่ 1 .สามารถมีได้มากกว่าร้อยโดยเฉพาะคุณค่าการสร้างกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของการผลิตและการตลาดของผลิตภัณฑ์หรือบริการ และหนึ่งในแต่ละกิจกรรมสามารถแสดงถึงความได้เปรียบหรือเสียเปรียบสำหรับบริษัท ค่าใช้จ่ายรวมของทุกกิจกรรมต่าง ๆในห่วงโซ่มูลค่าของ บริษัท ฯ กำหนด บริษัท ต้นทุนในการทำธุรกิจบริษัทควรกำหนดว่าค่าใช้จ่ายข้อดีและข้อเสียในห่วงโซ่คุณค่าของพวกเขาเกิดขึ้นเมื่อเทียบกับห่วงโซ่มูลค่าของ บริษัท คู่แข่ง
ห่วงโซ่คุณค่าแตกต่างกันอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมและบริษัท ในขณะที่บริษัทผลิตภัณฑ์กระดาษเช่นภาชนะหินจะรวมของห่วงโซ่มูลค่ายางพาราฟาร์ม , เข้าสู่ระบบ , เยื่อกระดาษโรงสี และการผลิตกระดาษ ,บริษัทคอมพิวเตอร์เช่น Hewlett Packard จะรวมโปรแกรม อุปกรณ์ต่อพ่วง ซอฟแวร์ ฮาร์ดแวร์ และแล็ปท็อป โรงแรมจะรวมอาหาร , แม่บ้าน , เช็คอินแบบด่วนงาน , เว็บไซต์ , ระบบการจอง , และดังนั้นบน อย่างไรก็ตามบริษัททั้งหมดควรใช้การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่าเพื่อพัฒนา และปลูกฝังความสามารถหลักและแปลงความสามารถนี้ในความสามารถที่โดดเด่นมีความสามารถหลักคือ โซ่คุณค่ากิจกรรมที่ บริษัท ดำเนินการได้ดีโดยเฉพาะ เมื่อความสามารถหลักวิวัฒนาการเป็นหลักในการแข่งขัน แล้วจะเรียกว่า ความสามารถที่โดดเด่น รูปที่ 4-8 แสดงกระบวนการนี้ บริษัท
มากขึ้นมีการใช้ vca ที่จะได้รับและรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามส่วนต่าง ๆของโซ่คุณค่าตัวอย่างเช่น Wal Mart ได้สร้างประโยชน์คุณค่าที่มีประสิทธิภาพ โดยเน้นการควบคุมสินค้าคงคลังแน่นเป็นพิเศษ ปริมาณการซื้อสินค้า และให้บริการลูกค้าที่เป็นแบบอย่าง บริษัทคอมพิวเตอร์ในทางตรงกันข้ามแข่งขันอย่างจริงจังตามการสิ้นสุดของโซ่คุณค่า แน่นอน ในราคาที่เป็นหัวใจสำคัญของประสิทธิภาพของมวลผู้ค้าปลีกและ บริษัท คอมพิวเตอร์