Online Social networking is a type

Online Social networking is a type of virtual communication that allows people to connect with each other. This concept arises from basic need of human beings to stay together in groups forming a community. Michael Wesch, cultural anthropologist at Kansas State University, compared the tribal societies to online social networking. Like the tribal culture, in Facebook people project their identity by demonstrating their relationships to each other. You define yourself in terms of who your friends are (Wright, 2007). Wikipedia defines social network service as online platform that focus on building and reflecting social networks or social relations among people who share interests and activities.

Engaging in various forms of social media is a routine activity that research has shown to benefit children and adolescents by enhancing communication, social connection, and even technical skills.1 Social media sites such as Facebook and Myspace offer multiple daily opportunities for connecting with friends, classmates, and people with shared interests. During the last 5 years, the number of preadolescents and adolescents using such sites has increased dramatically. According to a recent poll, Seventy-five percent of teenagers now own cell phones, and 25% use them for social media, 54% use them for texting, and 24% use them for instant messaging. Thus, a large part of this generation’s social and emotional development is occurring while on the Internet and on cell phones.
Social Networking Sites are virtual communities where users can create individual public profiles, interact with real-life friends, and meet other people based on shared interests. SNSs are “web-based services that allow individuals to: construct a public or semi-public profile within a bounded system, and view and traverse their list of connections and those made by others within the system”. The focus is placed on established networks, rather than on networking, which implies the construction of new networks. And sharing media content, therefore embracing the main Web 2.0 attributes, against the framework of their respective structural characteristics.
Depression has been repeatedly reported to be associated with Internet addiction for adolescents. However, the validity for the cut-off point of the screening tool, Young’s Internet Addiction Scale, was not provided in these researches. A diagnostic tool for Internet addiction with validity for a cut-off point will clearly reflect what level of Internet use is pathological and correlated with depression.
According to Salehan Mohammad, it was found that although many studies suggest that mobile phone use can lead to addiction, Oulasvirta, Rattenbury, Ma, and Raita (2012) believe that mobile devices are rather habit-forming than addictive. Their findings show that the checking habit, which is reinforced by informational rewards, may increase overall mobile device usage. They conclude that although this habitual use is frequent, it can be better categorized as annoyance rather than addiction. (Computers in Human Behavior 29, (2013), p.2632–2639)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นชนิดของการสื่อสารเสมือนที่ช่วยให้เชื่อมต่อกัน แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากความต้องการพื้นฐานของมนุษย์เพื่ออยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มเป็นชุมชน Michael Wesch นักมานุษยวิทยาวัฒนธรรมที่มหาวิทยาลัยแคนซัส เปรียบเทียบสังคมชาวกับเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่นวัฒนธรรมชาว Facebook คนโครงการรับ โดยเห็นความสัมพันธ์กัน คุณกำหนดตัวเองในแง่ที่เพื่อนของคุณอยู่ (ไรท์ 2007) วิกิพีเดียภาษากำหนดให้บริการเครือข่ายสังคมเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์โฟกัสสร้าง และสะท้อนให้เห็นถึงเครือข่ายทางสังคมหรือความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างคนที่สนใจและกิจกรรมร่วมกันในรูปแบบต่าง ๆ ของสังคมเป็นกิจกรรมประจำที่วิจัยได้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของเด็กและวัยรุ่น โดยส่งเสริมสื่อสาร การเชื่อมต่อสังคม และโอกาสหลายวันสำหรับการเชื่อมต่อกับเพื่อน เพื่อนร่วมชั้น และผู้สนใจร่วมนำเสนอเทคนิคแม้ skills.1 เว็บไซต์สื่อสังคมเช่น Facebook และ myspace อีกด้วย ในช่วง 5 ปีสุดท้าย หมายเลข preadolescents และวัยรุ่นโดยใช้เว็บไซต์ดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตามสำรวจล่า เจ็ดห้าเปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นเองตอนนี้โทรศัพท์ และ 25% ใช้สำหรับสังคม 54% ใช้สำหรับ texting และ 24% ใช้สำหรับการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที ดังนั้น ส่วนใหญ่ของการพัฒนาสังคม และอารมณ์ของรุ่นนี้จะเกิดขึ้น บนอินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์เว็บไซต์เครือข่ายสังคมเป็นชุมชนเสมือนที่ผู้ใช้สามารถสร้างโพรไฟล์สาธารณะละ โต้ตอบกับเพื่อนชีวิต และพบปะผู้คนอื่น ๆ ตามประโยชน์ที่ใช้ร่วมกัน SNSs จะ "บริการบนเว็บที่ช่วยให้บุคคล: สร้างโพรไฟล์สาธารณะ หรือกึ่งสาธารณะภายในระบบกี่ และดู และดำเนินกับรายการของการเชื่อมต่อและแปลงอื่น ๆ ภายในระบบ" โฟกัสอยู่ บนเครือข่ายที่จัดตั้งขึ้น มากกว่าระบบเครือ ข่าย ซึ่งหมายถึงการสร้างเครือข่ายใหม่ และร่วมกันเนื้อหาของสื่อ ดังนั้น หนึ่งในบรรดาหลักเว็บ 2.0 คุณลักษณะ กับกรอบของลักษณะโครงสร้างของพวกเขาเกี่ยวข้องรายงานโรคซึมเศร้าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอินเทอร์เน็ตสำหรับวัยรุ่นหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม มีผลบังคับใช้สำหรับจุดตัดของเครื่องมือคัดกรอง สาวของอินเทอร์เน็ตยาเสพติดมาตรา ไม่มีในงานวิจัยเหล่านี้ เครื่องมือวินิจฉัยสำหรับการติดอินเทอร์เน็ต ด้วยเริ่มตั้งแต่จุดตัดจะชัดเจนสะท้อนระดับการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทางพยาธิวิทยา และ correlated กับภาวะซึมเศร้าตาม Salehan Mohammad พบว่า ถึงแม้ว่าศึกษาจำนวนมากแนะนำให้ ใช้โทรศัพท์มือถืออาจทำให้ติดยาเสพติด Oulasvirta, Rattenbury, Ma, Raita (2012) และเชื่อว่ามือถือ habit-forming ค่อนข้างมากกว่าเสพติด ค้นพบแสดงว่า อาจเพิ่มนิสัยตรวจสอบ ที่เสริม ด้วยรางวัลให้ข้อมูล การใช้อุปกรณ์โมบายโดยรวม พวกเขาสรุปว่า แม้ว่านี้ใช้เคยเป็นบ่อย มันสามารถดีขึ้นแบ่งประเภทความรำคาญมากกว่าที่เป็นยาเสพติด (คอมพิวเตอร์ 29 พฤติกรรมมนุษย์, (2013), p.2632–2639)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นชนิดของการสื่อสารเสมือนจริงที่ช่วยให้คนที่จะเชื่อมต่อกับแต่ละอื่น ๆ แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่จะอยู่ร่วมกันในกลุ่มการสร้างชุมชน ไมเคิล Wesch มานุษยวิทยาวัฒนธรรมที่มหาวิทยาลัยรัฐแคนซัสเมื่อเทียบสังคมเผ่าเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่นเดียวกับวัฒนธรรมชนเผ่าในโครงการคน Facebook ตัวของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์โดยของพวกเขากัน คุณกำหนดด้วยตัวคุณเองในแง่ของการที่เพื่อนของคุณ (ไรท์ 2007) วิกิพีเดียกำหนดบริการเครือข่ายสังคมเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มุ่งเน้นในการสร้างและสะท้อนให้เห็นถึงเครือข่ายทางสังคมหรือความสัมพันธ์ทางสังคมในหมู่คนที่มีความสนใจและกิจกรรม. การมีส่วนร่วมในรูปแบบต่างๆของสื่อทางสังคมเป็นกิจกรรมประจำที่การวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อเด็กและวัยรุ่นโดยการเสริมสร้างการสื่อสาร การเชื่อมต่อสังคมและแม้กระทั่งสื่อ skills.1 เทคนิคสังคมเว็บไซต์เช่น Facebook และ MySpace มีโอกาสในชีวิตประจำวันหลายสำหรับการเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมชั้นและผู้ที่มีความสนใจร่วมกัน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจำนวนของ preadolescents และวัยรุ่นใช้เว็บไซต์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามโพลล์ที่ผ่านมาร้อยละเจ็ดสิบห้าของวัยรุ่นในขณะนี้เองโทรศัพท์มือถือและ 25% ใช้พวกเขาสำหรับสื่อสังคม 54% ใช้พวกเขาสำหรับ texting, และ 24% ใช้พวกเขาสำหรับการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที ดังนั้นส่วนใหญ่ของการสร้างการพัฒนาทางสังคมและอารมณ์นี้จะเกิดขึ้นในขณะที่บนอินเทอร์เน็ตและบนโทรศัพท์มือถือ. เว็บไซต์เครือข่ายสังคมเป็นชุมชนเสมือนจริงที่ผู้ใช้สามารถสร้างโปรไฟล์ของประชาชนแต่ละคนมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในชีวิตจริงและพบปะผู้คนอื่น ๆ ตาม ผลประโยชน์ร่วมกัน SNSs คือ "บริการบนเว็บที่ช่วยให้บุคคลที่จะ: สร้างโปรไฟล์สาธารณะหรือกึ่งสาธารณะในระบบ จำกัด และดูและสำรวจรายชื่อของการเชื่อมต่อและผู้ที่ทำโดยคนอื่น ๆ ที่อยู่ในระบบ" การมุ่งเน้นที่วางอยู่บนเครือข่ายที่จัดตั้งขึ้นมากกว่าในเครือข่ายซึ่งหมายถึงการสร้างเครือข่ายใหม่ และการแบ่งปันเนื้อหาของสื่อจึงกอดเว็บหลัก 2.0 คุณลักษณะกับกรอบการทำงานของลักษณะโครงสร้างของพวกเขาแต่ละ. อาการซึมเศร้าได้รับการรายงานซ้ำ ๆ ที่จะเชื่อมโยงกับการเสพติดอินเทอร์เน็ตสำหรับวัยรุ่น แต่ความถูกต้องสำหรับจุดตัดของเครื่องมือคัดกรองเด็กที่เสพติดอินเทอร์เน็ตชั่งไม่ได้ระบุไว้ในงานวิจัยเหล่านี้ เครื่องมือการวินิจฉัยสำหรับการเสพติดอินเทอร์เน็ตที่มีความถูกต้องสำหรับจุดตัดอย่างชัดเจนจะสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่ระดับของการใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นพยาธิสภาพและมีความสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้า. ตาม Salehan โมฮัมหมัดก็พบว่าแม้การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าการใช้โทรศัพท์มือถือสามารถนำไปสู่การติดยาเสพติด , Oulasvirta, Rattenbury แม่และ Raita (2012) เชื่อว่าโทรศัพท์มือถือจะค่อนข้างนิสัยมากกว่าเสพติด การค้นพบของพวกเขาแสดงให้เห็นว่านิสัยการตรวจสอบซึ่งจะเสริมด้วยผลตอบแทนที่ให้ข้อมูลอาจเพิ่มการใช้งานโทรศัพท์มือถือโดยรวม พวกเขาสรุปว่าถึงแม้จะเป็นนิสัยนี้ใช้บ่อยก็สามารถแบ่งได้ดีเป็นความน่ารำคาญมากกว่ายาเสพติด (เครื่องคอมพิวเตอร์ในพฤติกรรมมนุษย์ที่ 29 (2013) p.2632-2639)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นชนิดของการสื่อสารเสมือนที่ช่วยให้คนเชื่อมต่อกับแต่ละอื่น ๆ แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ที่จะอยู่ร่วมกันในกลุ่มเป็นชุมชน ไมเคิล wesch ทางวัฒนธรรม นักมานุษยวิทยาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อสังคมเผ่าออนไลน์เครือข่ายสังคม ชอบวัฒนธรรมของชนเผ่า ,ใน Facebook ของโครงการ โดยแสดงให้เห็นถึงตัวตนของคน ความสัมพันธ์ของพวกเขากับแต่ละอื่น ๆ คุณกำหนดตัวเองในแง่ของที่เพื่อนของคุณ ( Wright , 2007 ) วิกิพีเดียกำหนดบริการสังคมเครือข่ายเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างและสะท้อนให้เห็นถึงสังคมเครือข่ายหรือความสัมพันธ์ทางสังคมในหมู่คนที่แบ่งปันความสนใจและกิจกรรม .

การมีส่วนร่วมในรูปแบบต่าง ๆ ของสื่อทางสังคมเป็นกิจกรรมประจำที่งานวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า เพื่อประโยชน์ของเด็กและวัยรุ่น โดยการเพิ่มการเชื่อมต่อทางสังคม การสื่อสาร และทักษะทางด้านเทคนิคแม้ 1 เว็บไซต์สื่อสังคมเช่น Facebook และ MySpace เสนอโอกาสทุกวัน หลาย สำหรับการเชื่อมต่อกับเพื่อน เพื่อนๆ และผู้ที่มีความสนใจร่วมกัน . ในช่วง 5 ปีจำนวนของความสัมพันธ์ใกล้ชิดและวัยรุ่นใช้เว็บไซต์ดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตามโพลล์ล่าสุด เจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นที่ตอนนี้เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ และ 25 % ใช้สำหรับสื่อสังคม 54 ใช้สำหรับ texting และ 24 % ใช้สำหรับส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที ดังนั้นส่วนใหญ่ของรุ่นนี้คือสังคมและพัฒนาการทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่บนอินเทอร์เน็ตและบนโทรศัพท์มือถือ .
เว็บไซต์เครือข่ายสังคมเป็นชุมชนที่เสมือนที่ผู้ใช้สามารถสร้างโปรไฟล์สาธารณะบุคคล โต้ตอบกับเพื่อนในชีวิตจริง และพบคนอื่น ๆบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน . snss จะใช้บริการที่อนุญาตให้บุคคลที่จะ :สร้างโปรไฟล์สาธารณะหรือกึ่งสาธารณะภายในขอบเขตของระบบ และดู และสำรวจรายชื่อของการเชื่อมต่อและผู้ที่ทำโดยคนอื่น ๆในระบบ " เน้นวางอยู่บนการก่อตั้งเครือข่ายมากกว่าในเครือข่าย ซึ่งหมายถึงการสร้างเครือข่ายใหม่ และการแบ่งปันเนื้อหาสื่อจึงกอดเว็บหลัก 2.0 คุณสมบัติกับกรอบของลักษณะโครงสร้างของตน ได้รับรายงาน
ภาวะซึมเศร้าซ้ำมีความสัมพันธ์กับการเสพติดอินเทอร์เน็ตสำหรับวัยรุ่น แต่ความถูกต้องสำหรับจุดตัดของเครื่องมือคัดกรองเด็กของการติดอินเทอร์เน็ต แบบไม่ระบุไว้ในงานวิจัยนี้เครื่องมือการวินิจฉัยสำหรับติดยาเสพติดอินเทอร์เน็ตกับความถูกต้องที่เป็นจุดตัดอย่างชัดเจนจะสะท้อนระดับของการใช้อินเทอร์เน็ตมีความสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้าและพยาธิวิทยา .
ตาม salehan โมฮัมหมัด พบว่า แม้ว่าการศึกษามากมายชี้ให้เห็นว่า การใช้โทรศัพท์มือถืออาจนำไปสู่การติดยาเสพติด oulasvirta rattenbury , แม่ไรตะ ( 2012 ) และเชื่อว่า โทรศัพท์มือถือมีนิสัยค่อนข้างเป็นมากกว่าเสพติด ผลของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าการตรวจสอบนิสัย ซึ่งเป็นรางวัลที่ให้ข้อมูลเสริม อาจเพิ่มการใช้อุปกรณ์มือถือโดยรวม พวกเขาสรุปได้ว่าแม้ใช้นิสัยนี้อยู่บ่อย ๆ มันสามารถแบ่งออกเป็นความรำคาญมากกว่าติด ( คอมพิวเตอร์ในพฤติกรรมมนุษย์ที่ 29 ( 2013 ) , p.2632 – 2639 )