Continue to Banteay Srei temple (10

Continue to Banteay Srei temple (10th century), regarded as the jewel in the crown of classical Khmer art. Stop at a local village to visit families who are producing palm sugar. Visit Banteay Samre, one of the most complete complexes at Angkor due to restoration using the method of "anastylosis". The name Samre refers to an ethnic group of mountain people, who inhabited the region at the base of Phnom Kulen and were probably related to the Khmers. No inscriptions have been found for this temple, but the style of most of the architecture is of the classic art of the middle period similar to Angkor Wat. The proportions of Banteay Samre are splendid. A unique feature is an interior moat with laterite paving, which when filled with water must have given an ethereal atmosphere to the temple.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ยังวัดปราสาทบันทายศรี (10 ศตวรรษ), ถือเป็นอัญมณีในมงกุฎของศิลปะเขมรดั้งเดิม หยุดที่หมู่บ้านภายในครอบครัวที่มีการผลิตน้ำตาลไป ชมปราสาทบันสำเร คอมเพล็กซ์ที่สมบูรณ์ที่อังกอร์เนื่องจากใช้วิธีการ "anastylosis" คืนหนึ่ง ชื่อสำเรอ้างถึงกลุ่มชาติพันธ์ของคนภูเขา ที่อาศัยอยู่ฐานของ Phnom Kulen และอาจเกี่ยวข้องกับการ Khmers จารึกไม่พบสำหรับวัดนี้ แต่ลักษณะของสถาปัตยกรรมเป็นศิลปะคลาสสิกของระยะกลางคล้ายกับนครวัด สัดส่วนของสำเรบันสวยงาม มีลักษณะเฉพาะคือ มีคูเมืองภายใน มีศิลาแลงปู ซึ่งเมื่อมี น้ำต้องให้บรรยากาศชาววัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดำเนินการต่อไปปราสาทบันทายศรีวัด (ศตวรรษที่ 10) ถือได้ว่าเป็นอัญมณีในมงกุฎของศิลปะเขมรคลาสสิก หยุดที่หมู่บ้านในท้องถิ่นเพื่อเยี่ยมชมครอบครัวที่มีการผลิตน้ำตาลปี๊บ เยี่ยมชมบันสำเหร่ซึ่งเป็นหนึ่งในคอมเพล็กซ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่นครเนื่องจากการฟื้นฟูโดยใช้วิธีการของ "anastylosis" ชื่อสำเหร่หมายถึงกลุ่มชาติพันธุ์ของคนภูเขาที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคท​​ี่ฐานของพนมกุเลนและอาจจะมีความสัมพันธ์กับเขมร จารึกไม่พบสำหรับวัดนี้ แต่ส่วนใหญ่รูปแบบของสถ​​าปัตยกรรมที่เป็นของศิลปะคลาสสิกของยุคกลางคล้ายกับนครวัด สัดส่วนของบันสำเหร่มีความสวยงาม คุณลักษณะที่ไม่ซ้ำกันภายในคูเมืองด้วยศิลาแลงปูซึ่งเมื่อเต็มไปด้วยน้ำต้องได้รับบรรยากาศที่ไม่มีตัวตนที่วัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ต่อไปวัดบันทายสรี ( ศตวรรษที่ 10 ) ถือว่าเป็นอัญมณีในมงกุฎของศิลปะเขมรแบบคลาสสิก หยุดที่หมู่บ้านไปเยี่ยมครอบครัวที่ผลิตน้ำตาลปี๊บ เยี่ยมชมบันทายสำเหร่ หนึ่งของสารประกอบเชิงซ้อนที่สมบูรณ์ที่สุดที่อังกอร์เนื่องจากการฟื้นฟูการใช้วิธี " อนัสติโลซิส " ชื่อเรหมายถึงกลุ่มชาติพันธุ์ของคนภูเขาที่อาศัยอยู่ในเขตที่ฐานของพนมกุเลนและอาจเกี่ยวข้องกับเขมร . ไม่พบจารึกได้สำหรับวัดนี้ แต่รูปแบบของส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมของศิลปะแบบคลาสสิคของช่วงกลางคล้ายกับนครวัด สัดส่วนของบันทายสำเหร่เป็นวิเศษ คุณลักษณะเฉพาะเป็นคูเมือง ตกแต่งภายในด้วยศิลาแลงปูพื้น ,ซึ่งเมื่อเติมน้ำต้องให้บรรยากาศที่ไม่มีตัวตนให้วัด