That’s a really lovely sentiment (a

That’s a really lovely sentiment (aside from using graph paper), but yes, love and death are intertwined as they give each other meaning. However, Fincher says that unlike Brad Pitt, he didn’t see Benjamin Button as a love story. He saw it as a “death story”, and not a tale of co-dependency. And at the end of the documentary, he says (half-jokingly), “I don’t want to see anybody together. I want to see everybody as unhappy as me. Everybody in this movie dies. That’s how I was able to stomach the rest of it.” Cate Blanchett describes Fincher as a cynic, and although I’ve never met him, as I’ve stated before, I don’t think his work is purely cynical. That being said, I think the love story in Benjamin Button is one of the most powerful yet completely disingenuous I’ve ever seen

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นั่นคือความเชื่อมั่นที่น่ารักจริง ๆ (นอกเหนือจากการใช้กระดาษกราฟ), แต่ใช่ ความรักและความตายจะเกี่ยวพันกับพวกเขาให้ความหมายกัน อย่างไรก็ตาม ฟินเชอร์กล่าวว่า แตกต่างจากแบรดพิตต์ เขาไม่เห็นปุ่มเบนจามินเป็นเรื่องราวความรัก เขาเห็นมันเป็น "เรื่องตาย" และเรื่องของร่วมพึ่งพาไม่ได้ และปลายของสารคดี เขากล่าวว่า (ครึ่งติดตลก), "ไม่อยากเห็นใครกัน อยากเห็นทุกคนเป็นความสุขกับผม ทุกคนในหนังเรื่องนี้ตาย นั่นคือวิธีที่ผมสามารถกระเพาะอาหารส่วนเหลือของมัน" ลบ Blanchett อธิบายฟินเชอร์เป็นแบบ cynic และแม้ว่าฉันไม่เคยพบเขา ตามที่ผมได้ระบุไว้ก่อน ฉันไม่คิดว่า งานของเขาจะเหยียดหยามแท้ ที่ถูกกล่าวว่า ผมคิดว่า เรื่องราวความรักในปุ่มเบนจามินเป็นหนึ่งมีประสิทธิภาพยังสมบูรณ์แสดงออกไม่ตรงเท่าที่ผมเคยเห็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นั่นเป็นความรู้สึกที่น่ารักจริงๆ (นอกเหนือจากการใช้กระดาษกราฟ) แต่ใช่รักและความตายเป็นพันที่พวกเขาให้ความหมายของแต่ละอื่น ๆ อย่างไรก็ตามฟินเชอร์บอกว่าแตกต่างจากแบรดพิตต์เขาไม่เห็นปุ่มเบนจามินเป็นเรื่องราวความรัก เขาเห็นว่ามันเป็น "เรื่องความตาย" และไม่ได้เรื่องของเพื่อนร่วมพึ่งพา และในตอนท้ายของสารคดีที่เขากล่าว (ครึ่งติดตลก), "ฉันไม่ต้องการที่จะเห็นใครเข้าด้วยกัน ผมอยากเห็นทุกคนไม่มีความสุขกับผม ทุกคนในหนังเรื่องนี้ตาย นั่นเป็นวิธีที่ผมสามารถที่จะท้องส่วนที่เหลือของมัน. "Cate Blanchett อธิบาย Fincher เป็นถากถางและแม้ว่าฉันไม่เคยเจอเขาที่ผมเคยระบุไว้ก่อนผมไม่คิดว่าการทำงานของเขาคือการเหยียดหยามอย่างหมดจด ที่ถูกกล่าวว่าผมคิดว่าเรื่องราวความรักในเบนจามินปุ่มหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดยังมีเลศนัยสมบูรณ์ที่ฉันเคยเห็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นั่นฟังดูดีมากจริงๆ ( นอกเหนือจากการใช้กระดาษกราฟ ) แต่ใช่ ความรัก และความตายเป็นพันที่พวกเขาให้แต่ละอื่น ๆ ความหมาย อย่างไรก็ตาม ฟินเชอร์ บอกว่าไม่เหมือนแบรด พิตต์ เขาไม่ได้ดูเบนจามินปุ่มเป็นเรื่องราวของความรัก เขาเห็นมันเป็น " เรื่องความตาย " ไม่ใช่เรื่องของบริษัทอ้างอิง และในตอนท้ายของสารคดี เขาบอกว่า ( ครึ่งติดตลก ) , " ฉันไม่ต้องการเห็นใครด้วยกัน ฉันต้องการที่จะเห็นทุกคนที่ไม่มีความสุขเลย ทุกคนในหนังเรื่องนี้ตาย นั่นเป็นวิธีที่ฉันสามารถท้องเอง " เคต บลังเชตต์อธิบายฟินเชอร์เป็นนักปรัชญา และถึงแม้ว่าฉันไม่เคยพบเขา เป็นฉันได้กล่าวก่อน ผมไม่คิดว่างานของเขาอย่างเหยียดหยาม ที่ถูกกล่าวว่าฉันคิดว่าเรื่องราวความรักในปุ่มเบนจามินเป็นหนึ่งในที่สุดที่มีประสิทธิภาพยังไม่ค่อยจริงใจเลย ผมเคยเห็น