One finding from this review is tha

One finding from this review is that researchers should highlight the importance of nursing staff awareness of vulnerability in the children and families. About half of the studies included in this review concerned the parents' situation and about one third more explicitly concerned the children's situation (Tables 1–2). Articles with this focus suggested that
caring science professionals should be aware of these contexts both during the child's illness and for a long time thereafter. However, few studies, if any, describe how this should be done, which means that there is no specific innovation described which can be implemented. Assessing quality of life might be one solution. However, as children historically have been viewed as a vulnerable group which can be difficult to access and are moreover less able to tell their story, research has mostly been on children and not with children. In order for researchers to investigate children's perspectives, it is essential to involve children in research, as children are the best sources of information about themselves. Nowadays, research focusing on older children or adolescents' perspectives is more common than research involving younger children . On the other hand, studies concerning parents' quality of life related to the child's cancer have been widely conducted internationally. However, published studies do not agree regarding the significance of the negative impact on parents' quality of life. Wakefield, McLoone, Butow, Lenthen, and Cohn (2011) stated that parentsmay experience significant distress, including fear of recurrence, fatigue, and loneliness. Others claimed, after reviewing the literature, that parents and family members adjust well to the cancer of a loved one, and that only a minority appears to be at risk of psychological morbidity (e.g. Hagedoorn, Kreicbergs, & Appel, 2011; Long &Marsland, 2011). Nevertheless, distress appears to ease with time (Wakefield et al., 2011).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ค้นหาหนึ่งจากบทความนี้เป็นที่นักวิจัยควรเน้นความสำคัญของความรู้พนักงานของช่องโหว่ในเด็กและการพยาบาล ประมาณครึ่งหนึ่งของการศึกษาที่รวมอยู่ในบทความนี้เกี่ยวข้องสถานการณ์ของผู้ปกครอง และประมาณหนึ่งในสามสถานการณ์เด็กที่เกี่ยวข้องมากขึ้นอย่างชัดเจน (ตารางที่ 1 – 2) บทความนี้มีแนะนำที่caring science professionals should be aware of these contexts both during the child's illness and for a long time thereafter. However, few studies, if any, describe how this should be done, which means that there is no specific innovation described which can be implemented. Assessing quality of life might be one solution. However, as children historically have been viewed as a vulnerable group which can be difficult to access and are moreover less able to tell their story, research has mostly been on children and not with children. In order for researchers to investigate children's perspectives, it is essential to involve children in research, as children are the best sources of information about themselves. Nowadays, research focusing on older children or adolescents' perspectives is more common than research involving younger children . On the other hand, studies concerning parents' quality of life related to the child's cancer have been widely conducted internationally. However, published studies do not agree regarding the significance of the negative impact on parents' quality of life. Wakefield, McLoone, Butow, Lenthen, and Cohn (2011) stated that parentsmay experience significant distress, including fear of recurrence, fatigue, and loneliness. Others claimed, after reviewing the literature, that parents and family members adjust well to the cancer of a loved one, and that only a minority appears to be at risk of psychological morbidity (e.g. Hagedoorn, Kreicbergs, & Appel, 2011; Long &Marsland, 2011). Nevertheless, distress appears to ease with time (Wakefield et al., 2011).

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หนึ่งในการค้นพบจากการตรวจสอบนี้คือการที่นักวิจัยควรจะเน้นถึงความสำคัญของการรับรู้บุคลากรทางการพยาบาลของช่องโหว่ในเด็กและครอบครัว ประมาณครึ่งหนึ่งของการศึกษาที่รวมอยู่ในการตรวจสอบนี้เป็นห่วงสถานการณ์ของพ่อแม่และประมาณหนึ่งในสามที่เกี่ยวข้องมากขึ้นอย่างชัดเจนสถานการณ์เด็ก (ตารางที่ 1-2) บทความที่มีความสำคัญนี้ชี้ให้เห็นว่า
การดูแลผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ควรจะตระหนักถึงบริบทเหล่านี้ทั้งในระหว่างการเจ็บป่วยของเด็กและเป็นเวลานานหลังจากนั้น อย่างไรก็ตามการศึกษาไม่กี่ถ้ามีอธิบายวิธีนี้ควรจะทำซึ่งหมายความว่าไม่มีนวัตกรรมที่เฉพาะเจาะจงอธิบายที่สามารถดำเนินการ การประเมินคุณภาพชีวิตอาจจะเป็นหนึ่งวิธีการแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามในขณะที่เด็กในอดีตได้รับการมองว่าเป็นกลุ่มที่เปราะบางซึ่งอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงและยิ่งไปกว่านั้นไม่สามารถที่จะบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาได้รับการวิจัยส่วนใหญ่ในเด็กและไม่ได้อยู่กับเด็ก เพื่อให้นักวิจัยในการตรวจสอบมุมมองของเด็กมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะเกี่ยวข้องกับเด็กในการวิจัยเป็นเด็กที่เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดเกี่ยวกับตัวเอง ปัจจุบันการวิจัยมุ่งเน้นไปที่เด็กโตหรือวัยรุ่นมุมมอง 'เป็นเรื่องธรรมดามากกว่าการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเด็กที่อายุน้อยกว่า ในทางตรงกันข้ามการศึกษาเกี่ยวกับคุณภาพของพ่อแม่ของชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งของเด็กที่ได้รับการดำเนินการอย่างกว้างขวางในระดับสากล อย่างไรก็ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับความสำคัญของผลกระทบต่อคุณภาพของผู้ปกครองของชีวิต เวก McLoone, Bütow, Lenthen และ Cohn (2011) ระบุว่าประสบการณ์ parentsmay ความทุกข์อย่างมีนัยสำคัญรวมถึงความกลัวของการเกิดซ้ำเมื่อยล้าและความเหงา อื่น ๆ อ้างว่าหลังจากตรวจสอบวรรณคดีว่าพ่อแม่และสมาชิกในครอบครัวปรับดีที่จะเป็นมะเร็งของคนที่คุณรักและมีเพียงส่วนน้อยที่ดูเหมือนจะเป็นความเสี่ยงของการเจ็บป่วยทางด้านจิตใจ (เช่น Hagedoorn, Kreicbergs และแตะ 2011; ยาวและ Marsland, 2011) แต่ความทุกข์ปรากฏขึ้นเพื่อความสะดวกเวลา (เวก et al., 2011)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ค้นหาจาก รีวิวนี้เป็นหนึ่งที่นักวิจัยควรเน้นความสำคัญของบุคลากรทางการพยาบาลการรับรู้ของความอ่อนแอในเด็กและครอบครัว ประมาณครึ่งหนึ่งของการศึกษาอยู่ในรีวิวนี้ความกังวลของผู้ปกครอง สถานการณ์ และประมาณหนึ่งในสามขายกังวลสถานการณ์ของเด็ก ( ตารางที่ 1 และ 2 ) บทความนี้มุ่งชี้ให้เห็นว่า
ดูแลด้านวิทยาศาสตร์ควรจะตระหนักถึงบริบทเหล่านี้ทั้งในการเจ็บป่วยของเด็ก ๆ และเป็นเวลานานหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม การศึกษาน้อย ถ้ามี อธิบายวิธีนี้ควรจะทำ ซึ่งหมายความ ว่า ไม่ มี นวัตกรรม อธิบาย ซึ่งสามารถใช้ การประเมินคุณภาพของชีวิตอาจเป็นหนึ่งในโซลูชั่น อย่างไรก็ตามเป็นเด็กในอดีตได้ถูกมองว่าเป็น กลุ่มเสี่ยงที่สามารถเข้าถึงยาก และยิ่งไปกว่านั้นน้อยสามารถที่จะบอกเรื่องราวของพวกเขา การวิจัยส่วนใหญ่เป็นเด็กและไม่เด็ก ในการสั่งซื้อสำหรับนักวิจัยเพื่อศึกษามุมมองของเด็ก มันเป็นสิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเด็กในการวิจัยเป็นเด็กเป็นแหล่งที่ดีที่สุดของข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง ทุกวันนี้วิจัยมุ่งเน้นไปที่เด็กหรือวัยรุ่นมุมมองทั่วไปมากกว่างานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเด็กอายุน้อยกว่า บนมืออื่น ๆ , การศึกษาเกี่ยวกับพ่อแม่คุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งของเด็กได้รับอย่างกว้างขวางใช้ในระดับสากล อย่างไรก็ตาม การศึกษาที่เผยแพร่ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับความสำคัญของผลกระทบทางลบต่อคุณภาพของพ่อแม่ของชีวิต เวคฟิล mcloone , ,butow lenthen , และ โคห์น ( 2011 ) ระบุว่า parentsmay ประสบการณ์ความทุกข์ รวมถึงความกลัวของการเหนื่อยล้า และความเหงา อื่น ๆอ้างว่า หลังจากทบทวนวรรณกรรม ที่พ่อแม่และสมาชิกในครอบครัวจะปรับตัวได้ดีกับมะเร็งของดวงตา และมีเพียงส่วนน้อยที่ดูเหมือนจะเป็นความเสี่ยงของการเจ็บป่วยทางจิต ( เช่น hagedoorn kreicbergs & , , แอปเปิล , 2011 ;marsland &ยาว , 2011 ) อย่างไรก็ตาม ทุกข์ปรากฏความง่ายดายกับเวลา ( เวคฟิล et al . , 2011 )