Swing was king in the 1930’s. The b

Swing was king in the 1930’s. The bands of Duke Ellington, Count Basie, and Benny
Goodman helped Americans forget about their troubles throughout the decade of the
Great Depression. This new sound began in 1923 when band leader Fletcher Henderson
began composing and arranging original music for his ensemble. With space left for
improvisation, the characteristics of his music consisted of tight harmonization, call and
response between the brass and reeds, and the use of repeated riff figures played behind a
soloist. Henderson’s new ensemble combined improvisation found in the early New
Orleans style, coupled with compositional aspects of piano ragtime music. These
developments had an enormous effect on the drummer. When listening to music from this
period, you will notice the change in the sound and feel. Beat patterns that were typically
played on the snare drum and “effect” instruments such as wood blocks, temple blocks,
and cow bells were consistently being played on the hi-hat cymbals. As the right hand
played the swing pattern on the hi-hat, the left hand was free to accent on the snare drum
in support of the arrangement and soloist.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สวิงเป็นกษัตริย์ใน 1930's วงอีลิง ตันดยุค เคาท์ และเบนนี่คลาช่วยลืมความทุกข์ยากของพวกเขาตลอดทศวรรษของชาวอเมริกันภาวะซึมเศร้าดีขึ้น เสียงใหม่นี้เริ่มพี่วงเมื่อนำ Henderson เฟล็ทเชอร์เริ่มสร้าง และจัดเรียงต้นฉบับเพลงสำหรับวงดนตรีของเขา มีพื้นที่ซ้ายก่อ ลักษณะของดนตรีของเขาประกอบด้วยปรองดองแน่น โทร และตอบสนองระหว่างทองเหลือง reeds และใช้ตัวเลขซ้ำ riff เล่นหลังการsoloist วงดนตรีใหม่ของ Henderson รวมก่อพบในใหม่ก่อนสไตล์ออร์ ควบคู่ไปกับด้าน compositional เพลง piano ragtime เหล่านี้พัฒนามีผลมหาศาลในการตีกลอง เมื่อฟังเพลงจากนี้ระยะเวลา คุณจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเสียง และความรู้สึก รูปแบบที่จะเอาชนะเล่นกลองเล็กและเครื่องมือ "ผล" เช่นบล็อกไม้ บล็อกวัดและระฆังวัวได้อย่างสม่ำเสมอการเล่นบนฉาบไฮ หาดใหญ่ เป็นมือขวาเล่นลวดลายวงสวิงบนสูง หาดใหญ่ มือซ้ายถูกต้องอักขระเน้นเสียงกับกลองเล็กสนับสนุนการจัดและ soloist

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สวิงกษัตริย์ในปี 1930 วงดนตรีของ Duke Ellington, เคาท์และเบนนี่กู๊ดแมนช่วยให้ชาวอเมริกันลืมเกี่ยวกับปัญหาของพวกเขาตลอดทศวรรษของเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เสียงใหม่นี้เริ่มในปี 1923 เมื่อหัวหน้าวงดนตรีเฟลทเชอร์เดอร์สันเริ่มเขียนและการจัดเรียงเพลงต้นฉบับสำหรับวงดนตรีของเขา มีพื้นที่เหลือสำหรับการปรับลักษณะของเพลงของเขาประกอบไปด้วยการประสานกันแน่น, การโทรและการตอบสนองระหว่างทองเหลืองและกกและการใช้ตัวเลขแจ๊สที่เล่นซ้ำแล้วซ้ำอีกหลังเดี่ยว เฮนเดอร์ชุดใหม่ปรับตัวรวมพบว่าในช่วงต้นใหม่สไตล์นิวออร์ควบคู่กับด้าน compositional ของเพลงแร็กไทม์เปียโน เหล่านี้การพัฒนามีผลอย่างใหญ่หลวงต่อกลอง เมื่อฟังเพลงนี้ช่วงเวลาที่คุณจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในเสียงและความรู้สึก รูปแบบที่ได้รับการตีมักจะเล่นกับดักตีกลองและ "ผล" ตราสารดังกล่าวเป็นบล็อกไม้วัดบล็อกและระฆังวัวถูกเล่นอย่างต่อเนื่องในฉาบหมวกแบบhi- ในฐานะที่เป็นมือข้างขวาเล่นรูปแบบการแกว่งในหมวกสวัสดีซ้ายมือเป็นอิสระที่จะเน้นในการดักตีกลองในการสนับสนุนการจัดและศิลปินเดี่ยว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แกว่งเป็นกษัตริย์ใน 1930 . วงดนตรีของดยุคเอลลิงตัน , เคาท์ และ เบนนี่ กู๊ดแมน
ช่วยคนอเมริกันลืมเกี่ยวกับปัญหาของพวกเขาตลอดทศวรรษที่ผ่านมาของ
ภาวะซึมเศร้าที่ยิ่งใหญ่ เสียงนี้ใหม่เริ่มขึ้นในปี 1923 เมื่อหัวหน้าวง Fletcher Henderson
เริ่มแต่งเพลงและเรียบเรียงเพลงต้นฉบับสำหรับวงดนตรีของเขา มีพื้นที่เหลือสำหรับ
ก่อน ,ลักษณะของดนตรีของเขามีการประสานกันแน่น โทร
การตอบสนองระหว่างไม้และทองเหลือง และใช้ตัวเลขที่เป็นซ้ำเล่นหลัง
เดี่ยว เฮนเดอร์สันใหม่ทั้งหมดรวมก่อนพบในรูปแบบนิวออร์ลีนส์
ก่อน คู่กับ ด้านส่วนประกอบของเปียโนแร็กไทม์โหลดเพลง การพัฒนาเหล่านี้
มีผลมหาศาลในมือกลองเมื่อฟังเพลงจากช่วงเวลานี้
, คุณจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในเสียงและความรู้สึก ชนะแบบที่มักจะ
เล่นบ่วงกลองและ " ผล " เครื่องมือวัด เช่น บล็อกไม้บล็อก
และวัวระฆังเสมอถูกเล่นบนไฮหมวกฉาบ เป็นมือขวา
เล่นชิงช้าแบบที่ ไฮ หมวก มือข้างซ้ายถูกฟรีเพื่อเน้นในบ่วงกลอง
ในการสนับสนุนของการเดี่ยว