Thus, he had wanted Gao Feng to par

Thus, he had wanted Gao Feng to participate in the Martial Stage to get a good taste of the weakness that came from his limitations.He should be proud that his son had been mentioned by Chief Guard Ye, who also said that she was looking forward to his performance.However, Gao Pei’s expression was becoming increasingly unnatural.What kind of performance will my son put on?Chief Guard Ye’s words had placed the limelight on Gao Feng.When Gao Feng stepped up to the platform and was beaten to a pulp, all the hopes that Chief Guard Ye had pinned on him would be dashed.While Gao Pei was wrapped up in his concerns, Gao Feng and Liu Jie had arrived behind Zuo Ming.Liu Jie walked up to Zuo Ming and whispered something, to which Zuo Ming nodded and said, “There are a total of 75 participants for the Martial Stage. If no one else is joining, I shall announce the Martial Stage’s rules. The Martial Stage will be starting now.”Zong Ze already knew that Liu Jie was Chief Guard Ye’s disciple.As Zong Ze gazed at Liu Jie, he looked eager to launch into battle and took a step forward.But soon, he awkwardly hit the back of his head and told himself not to be impulsive.If he participated in the Martial Stage, he would not be able to participate in the Martial Arts Stage.Since no one else stepped forward, Zuo Ming said, “Then, the Martial Stage shall officially begin. I will choose a person to stand on the Martial Stage, and the rest can choose to challenge whenever they please. When everyone has used their chance to challenge a fight, the Martial Stage will come to an end. The last person standing on the Martial Stage will be the victor while the second and third place will be decided based on the number of consecutive wins.”When the younger generation of disciples heard what Zuo Ming said, their expressions shifted.The rules for the Martial Stage were slightly unusual.The last person standing would be the victor, while the second and third place would be decided based on the number of consecutive wins. This meant that one should enter the stage later to ensure that they would not tire themselves out in previous fights.The disciples of veteran and top factions that were present knew how strong each other was as well as what abilities their feys had.Hence, anyone standing on the Martial Stage would become a living target that would be easily kicked off the stage by a new challenger.As such, the real question was when was the right time to enter the Martial Stage.While the others were contemplating when they should step onto the stage, Gao Feng was swimming in delight.He felt that as long as he waited till Liu Jie stepped onto the stage, he could just surrender.There was no way that Liu Jie would reject his surrender, and he could save himself a beating.While Gao Feng was dancing internally with joy, a gust of wind dragged him away.By the time he came to his senses, he had found himself on the Martial Stage.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดังนั้นเขาจึงต้องการให้เกาเฟิงเข้าร่วมในเวทีการต่อสู้เพื่อลิ้มรสความอ่อนแอที่มาจากข้อจำกัดของเขา เขาควรจะภูมิใจที่หัวหน้าหน่วยพิทักษ์เย่กล่าวถึงลูกชายของเขา ซึ่งยังบอกด้วยว่าเธอตั้งตารอการแสดงของเขา อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของเกาเป่ยดูไม่เป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกชายของฉันจะสวมการแสดงแบบไหน? คำพูดของหัวหน้าผู้พิทักษ์เย่ทำให้เกาเฟิงเป็นที่สนใจ เมื่อเกาเฟิงก้าวขึ้นไปบนชานชาลาและถูกทุบตีจนแหลกสลาย ความหวังทั้งหมดที่หัวหน้าผู้พิทักษ์เย่ปักหมุดไว้กับเขาจะต้องพังทลายลง ขณะที่เกาเป่ยกำลังจมอยู่กับความกังวลของเขา เกาเฟิงและหลิวเจี๋ยก็มาถึงด้านหลังจั่วหมิง Liu Jie เดินไปหาจั่วหมิงและกระซิบอะไรบางอย่าง ซึ่งจั่วหมิงพยักหน้าและพูดว่า "มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 75 คนสำหรับเวทีการต่อสู้ หากไม่มีใครเข้าร่วม ฉันจะประกาศกฎของเวทีการต่อสู้ เวทีการต่อสู้จะเริ่มขึ้นแล้ว” ซงซีรู้อยู่แล้วว่าหลิวเจี๋ยเป็นศิษย์ของหัวหน้าผู้พิทักษ์เย่ ขณะที่ Zong Ze จ้องมอง Liu Jie เขาก็ดูกระตือรือร้นที่จะเข้าสู่การต่อสู้และก้าวไปข้างหน้า แต่ในไม่ช้า เขาก็ตบหลังศีรษะอย่างเชื่องช้าและบอกตัวเองว่าอย่าหุนหันพลันแล่น หากเขาเข้าร่วมในเวทีการต่อสู้ เขาจะไม่สามารถเข้าร่วมในเวทีศิลปะการต่อสู้ได้ เนื่องจากไม่มีใครก้าวไปข้างหน้า จั่วหมิงจึงกล่าวว่า “จากนั้น เวทีการต่อสู้จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ฉันจะเลือกคนที่จะยืนอยู่บนเวทีการต่อสู้ และที่เหลือสามารถเลือกที่จะท้าทายได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เมื่อทุกคนใช้โอกาสในการท้าทายการต่อสู้ เวทีการต่อสู้ก็จะสิ้นสุดลง คนสุดท้ายที่ยืนอยู่บนเวทีการต่อสู้จะเป็นผู้ชนะ ในขณะที่อันดับที่สองและสามจะถูกตัดสินตามจำนวนชัยชนะติดต่อกัน” เมื่อลูกศิษย์รุ่นเยาว์ได้ยินสิ่งที่จั่วหมิงพูด การแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนไป กฎสำหรับเวทีการต่อสู้นั้นค่อนข้างจะผิดปกติเล็กน้อย คนสุดท้ายที่ยืนหยัดได้จะเป็นผู้ชนะ ในขณะที่อันดับที่สองและสามจะถูกตัดสินตามจำนวนชัยชนะติดต่อกัน ซึ่งหมายความว่าเราควรเข้าสู่เวทีในภายหลังเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่เหนื่อยหน่ายในการต่อสู้ครั้งก่อน ศิษย์ของทหารผ่านศึกและกลุ่มชั้นนำที่อยู่ในปัจจุบันรู้ดีว่าแต่ละฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหนและมีความสามารถอะไรบ้าง ดังนั้น ใครก็ตามที่ยืนอยู่บนเวทีการต่อสู้ก็จะกลายเป็นเป้าหมายที่มีชีวิตซึ่งผู้ท้าชิงรายใหม่จะถูกเตะลงจากเวทีได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้ คำถามที่แท้จริงก็คือเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าสู่เวทีการต่อสู้ ขณะที่คนอื่นๆ กำลังใคร่ครวญว่าเมื่อใดควรก้าวขึ้นไปบนเวที เกาเฟิงก็ว่ายน้ำด้วยความยินดี เขารู้สึกว่าตราบใดที่เขารอจนกระทั่ง Liu Jie ก้าวขึ้นไปบนเวที เขาก็สามารถยอมแพ้ได้ไม่มีทางที่ Liu Jie จะปฏิเสธการยอมจำนนของเขา และเขาสามารถช่วยตัวเองจากการถูกทุบตีได้ ในขณะที่ Gao Feng กำลังเต้นรำภายในด้วยความดีใจ ลมกระโชกแรงก็พัดพาเขาออกไป เมื่อถึงเวลาที่เขารู้สึกตัว เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในขั้นการต่อสู้แล้ว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เขาจึงอยากให้พีคได้เข้าร่วมบูโดและสัมผัสจุดอ่อนของตัวเองให้ดี
เขาควรภูมิใจที่ลูกชายถูกพูดถึงโดยหัวหน้าผู้คุมยิป กล่าวด้วยว่า เธอตั้งตารอผลงานของเขามาก
อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของเกาเป้ยเริ่มไม่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
ลูกชายของฉันจะแสดงแบบไหน
คำพูดของหัวหน้ายามยิป ทำให้ยอดภูได้รับความสนใจอย่างมาก
เมื่อพีคเดินขึ้นไปบนโพเดียมและถูกตีจนเละ ความหวังทั้งหมดที่ยิปมีต่อเขาก็พังทลายลง
ในขณะที่เกาเผยกังวลมาก เกาเฟิงและหลิวเจี๋ยก็เดินตามหลังจั่วหมิงแล้ว
หลิวเจี๋ยเดินไปหาจั่วหมิง พูดเบา ๆ จั่วหมิงพยักหน้าแล้วพูดว่า "อู่ไถมีทั้งหมดเจ็ดสิบห้าคน ถ้าไม่มีใครเข้าร่วม ผมจะประกาศกฎของอู่ไถ อู่ไถกําลังจะเริ่มแล้ว"
Zong Ze รู้มานานแล้วว่า Liu Jie เป็นยามสนิทของ Ye

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ดังนั้นเขาจึงต้องการให้ยอดเขามีส่วนร่วมในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เพื่อให้เข้าใจถึงจุดอ่อนที่เกิดจากข้อจํากัดของเขา

เขาควรจะรู้สึกภาคภูมิใจที่ลูกชายของเขาได้รับการกล่าวถึงโดยyeและyeกล่าวว่าเธอกําลังรอคอยผลงานของเขา

อย่างไรก็ตามการแสดงออกของGao Peiกลายเป็นเรื่องผิดธรรมชาติมากขึ้น

การแสดงแบบไหนที่ลูกชายจะแสดง?

คําพูดของye da Shuaiทําให้จุดสูงสุดกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน

เมื่อยอดเขาขึ้นไปบนแท่นและถูกตีอย่างไม่สมบูรณ์ความหวังทั้งหมดที่ye da Shuaiวางไว้ในตัวเขาจะถูกทําลาย

gao เป่ย เป็น สงสัยว่า เมื่อ ลม สูง หลิว jie มาถึง ด้านหลัง ซ้าย หมิง.

Liu Jieไปข้างหน้าซ้ายหมิงกระซิบบางสิ่งบางอย่างซ้ายหมิงพยักหน้าและกล่าวว่า"ศิลปะการต่อสู้ทั้งหมด75คน ถ้าไม่มีคนอื่นเข้าร่วม ฉันจะประกาศกฏของเวทีทหาร. ขั้นตอนการทหารจะเริ่มขึ้นแล้ว"

รู้แล้วว่าหลิวเจี๋ยเป็นศิษย์ของใบหล่อใหญ่

ขณะที่ซงเซจ้องมองที่หลิวเจี๋ย เขากระตือรือร้นที่จะเข้าสู่การต่อสู้ และก้าวไปข้างหน้า.

แต่ในไม่ช้าเขาก็ซุ่มซ่ามตีหลังศีรษะและบอกตัวเองว่าอย่าหงุดหงิด

ถ้าเขามีส่วนร่วมในขั้นตอนศิลปะการต่อสู้ เขาก็ไม่สามารถเข้าร่วมในขั้นตอนศิลปะการต่อสู้ได้.

เนื่องจากไม่มีใครอื่นยืนขึ้นZuo Mingกล่าวว่า"แล้วขั้นตอนการทหารจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ฉันจะเลือกคนที่จะยืนบนวูไต้หวัน ส่วนที่เหลือสามารถเลือกที่จะท้าทายได้ตลอดเวลา. ขั้นตอนการต่อสู้ทางอาวุธจะสิ้นสุดลงเมื่อทุกคนใช้โอกาสของพวกเขาเพื่อท้าทายการต่อสู้ คนสุดท้ายที่ยืนบนเวทีทหารจะเป็นผู้ชนะ และอันดับที่ 2 และ 3 จะขึ้นอยู่กับจํานวนชัยชนะติดต่อกัน"

รุ่นน้องสาวได้ยินZuo Mingกล่าวว่าการแสดงออกมีการเปลี่ยนแปลง

กฎของเวทีทหารผิดปกติเล็กน้อย

คนสุดท้ายที่ยืน จะเป็นผู้ชนะ ในขณะที่อันดับที่ 2 และ 3 จะถูกตัดสินตามจํานวนครั้งที่ชนะติดต่อกัน. นั่นหมายความว่า หนึ่งคนควรจะเข้าเวทีทีหลัง เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่เหนื่อยกับตัวเอง ในการแข่งขันก่อนหน้านี้.

ทหารผ่านศึกและศิษย์ชั้นนําที่ปรากฏตัวรู้ว่าแต่ละคนมีความแข็งแกร่งและรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาสามารถทําได้

ดังนั้น ใครก็ตามที่ยืนอยู่บนเวทีทหาร จะกลายเป็นเป้าหมายที่มีชีวิต และถูกเตะลงจากเวที โดยผู้ท้าชิงคนใหม่ได้ง่าย.

ดังนั้นคําถามที่แท้จริงคือเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการทหาร

ในขณะที่คนอื่นๆกําลังพิจารณาว่าเมื่อไหร่จะขึ้นไปบนเวทียอดเขามีความสุขมาก

เขารู้สึกว่าตราบใดที่รอจนกว่าLiu Jieจะขึ้นไปบนเวทีก็สามารถยอมจํานนได้โดยตรง

เป็นไปไม่ได้ที่Liu Jieจะปฏิเสธการยอมจํานนของเขาและเขาก็สามารถได้รับการปกป้องจากการถูกตี

เมื่อจุดสูงสุดของความสุขในการเต้นรําลมพัดเขาออกไป

เมื่อเขากลับมาเขาพบว่าตัวเองได้ยืนอยู่บนเวทีทหาร