A widespread misconception has been

A widespread misconception has been developing among the Canadian public and among physicians. It is increasingly believed that consumption of dietary cholesterol and egg yolks is harmless. There are good reasons for long- standing recommendations that dietary cholesterol should be limited to less than 200 mg/day; a single large egg yolk contains approximately 275 mg of cholesterol (more than a day's worth of cholesterol). Although some studies showed no harm from consumption of eggs in healthy people, this outcome may have been due to lack of power to detect clinically relevant increases in a low-risk population. Moreover, the same studies showed that among participants who became diabetic during observation, consumption of one egg a day doubled their risk compared with less than one egg a week. Diet is not just about fasting cholesterol; it is mainly about the postprandial effects of cholesterol, saturated fats, oxidative stress and inflammation. A misplaced focus on fasting lipids obscures three key issues. Dietary cholesterol increases the susceptibility of low-density lipoprotein to oxidation, increases postprandial lipemia and potentiates the adverse effects of dietary saturated fat. Dietary cholesterol, including egg yolks, is harmful to the arteries. Patients at risk of cardiovascular disease should limit their intake of cholesterol. Stopping the consumption of egg yolks after a stroke or myocardial infarction would be like quitting smoking after a diagnosis of lung cancer: a necessary action, but late. The evidence presented in the current review suggests that the widespread perception among the public and health care professionals that dietary cholesterol is benign is misplaced, and that improved education is needed to correct this misconception.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีการพัฒนาความเข้าใจผิดแพร่หลายประชาชนแคนาดา และ ระหว่างแพทย์ ขึ้นเชื่อกันว่า การบริโภคอาหารไขมันและไข่แดงเป็นอันตราย มีเหตุผลที่ดีสำหรับคำแนะนำลองยืนที่ว่า อาหารไขมันควรจำกัดให้น้อยกว่า 200 มิลลิกรัมต่อวัน แดงไข่เดี่ยวขนาดใหญ่ประกอบด้วยประมาณ 275 มิลลิกรัมของไขมัน (คุ้มค่ากว่าวันของไขมัน) แม้ว่าบางการศึกษาแสดงให้เห็นว่าไม่มีอันตรายจากการใช้ไข่ในคนสุขภาพ ผลนี้อาจได้ครบขาดอำนาจในการตรวจพบทางคลินิกที่เกี่ยวข้องเพิ่มประชากรความเสี่ยงต่ำ นอกจากนี้ การศึกษาเดียวกันพบว่า ในหมู่คนที่เป็นโรคเบาหวานระหว่างการเก็บข้อมูล ปริมาณของไข่หนึ่งวันสองเท่าความเสี่ยงเมื่อเทียบกับไข่น้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์ อาหารไม่เพียงเกี่ยวกับการถือศีลอดไขมัน เป็นส่วนใหญ่เกี่ยวกับผล postprandial ไขมัน ไขมันอิ่มตัว oxidative ความเครียด และการอักเสบ เน้นโครงการถือศีลอดเราข้อมูลปฐมภูมิ 3 ประเด็นหลัก อาหารไขมันไก่ low-density ไลโพโปรตีนจะเกิดออกซิเดชันเพิ่มขึ้น เพิ่ม postprandial lipemia และ potentiates กระทบของอาหารไขมันอิ่มตัว อาหารไขมัน ไข่แดง รวมทั้งเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดแดง ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดควรจำกัดการบริโภคไขมัน หยุดการบริโภคไข่แดงหลังจากเส้นหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายจะเป็นเช่นการเลิกสูบบุหรี่หลังจากวินิจฉัยโรคมะเร็งปอด: จำเป็นการดำเนินการ แต่สาย หลักฐานแสดงตรวจทานปัจจุบันแนะนำว่า หารับรู้อย่างแพร่หลายในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และสาธารณะว่าอาหารไขมันอ่อนโยน และว่า การศึกษาปรับปรุงต้องแก้ไขความเข้าใจผิดนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความเข้าใจผิดอย่างกว้างขวางได้รับการพัฒนาในหมู่ประชาชนชาวแคนาดาและในหมู่แพทย์ เป็นที่เชื่อกันมากขึ้นว่าการบริโภคคอเลสเตอรอลในอาหารและไข่แดงเป็นอันตราย มีเหตุผลที่ดีสำหรับคำแนะนำยาวนานคอเลสเตอรอลในอาหารที่ควรจะ จำกัด ให้น้อยกว่า 200 มิลลิกรัม / วันคือ ไข่แดงขนาดใหญ่มีประมาณ 275 มิลลิกรัมของคอเลสเตอรอล (มากกว่ามูลค่าของคอเลสเตอรอลวัน) ถึงแม้ว่าการศึกษาบางส่วนพบว่าไม่มีอันตรายจากการบริโภคไข่ในคนที่มีสุขภาพผลนี้อาจจะเป็นเพราะขาดอำนาจในการตรวจสอบการเพิ่มขึ้นของทางคลินิกในประชากรมีความเสี่ยงต่ำ นอกจากนี้การศึกษาเดียวกันแสดงให้เห็นว่าในหมู่ผู้เข้าร่วมที่กลายเป็นโรคเบาหวานในระหว่างการสังเกตการบริโภคไข่วันละสองเท่าเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่มีน้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์ไข่ อาหารไม่เพียงเกี่ยวกับการอดอาหารคอเลสเตอรอล; มันเป็นส่วนใหญ่เกี่ยวกับผลกระทบภายหลังตอนกลางวันของคอเลสเตอรอลไขมันอิ่มตัวความเครียดออกซิเดชันและการอักเสบ โฟกัสถูกใส่ผิดที่เกี่ยวกับการอดอาหารไขมันปิดบังสามประเด็นสำคัญ คอเลสเตอรอลในอาหารเพิ่มความไวของไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ำต่อการเกิดออกซิเดชันที่เพิ่ม lipemia ภายหลังตอนกลางวันและ potentiates ผลกระทบของการบริโภคอาหารไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอลในอาหารรวมทั้งไข่แดงเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดแดง ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดควร จำกัด การบริโภคของพวกเขาของคอเลสเตอรอล หยุดการบริโภคไข่แดงหลังจากที่โรคหลอดเลือดสมองหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายจะเป็นเช่นการเลิกสูบบุหรี่หลังจากการวินิจฉัยของโรคมะเร็งปอด: ดำเนินการที่จำเป็น แต่ปลาย หลักฐานที่นำเสนอในการตรวจสอบในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าการรับรู้อย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชนและผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพที่คอเลสเตอรอลในอาหารเป็นพิษเป็นภัยถูกใส่ผิดและว่าการศึกษาที่ดีขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความเข้าใจผิดที่แพร่หลายได้รับการพัฒนาในหมู่ประชาชนชาวแคนาดา และกลุ่มแพทย์ มันเป็นมากขึ้น เชื่อว่าปริมาณคอเลสเตอรอลในอาหารและไข่แดงเป็นอันตราย มีเหตุผลที่ดีสำหรับยาว - ยืนแนะนำว่า ควรจำกัดอาหารคอเลสเตอรอลน้อยกว่า 200 มิลลิกรัม / วันไข่แดงเดี่ยวขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 275 มิลลิกรัมของคอเลสเตอรอล ( มากกว่าวันมูลค่าของคอเลสเตอรอล ) แม้ว่าบางการศึกษาพบว่าไม่มีอันตรายจากการบริโภคไข่ในคนที่มีสุขภาพดี ผลนี้อาจได้รับเนื่องจากการขาดพลังการตรวจสอบทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงน้อยอีกด้วย นอกจากนี้การศึกษาเดียวกันพบว่าในหมู่ผู้เป็นเบาหวานในระหว่างการสังเกตการบริโภคไข่วันละหนึ่งเป็นสองเท่าของความเสี่ยงเมื่อเทียบกับไข่น้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์ อาหารที่ไม่ได้เป็นเพียงเกี่ยวกับการอดอาหารคอเลสเตอรอล ; มันเป็นหลักเกี่ยวกับผลกระทบหลังอาหารของคอเลสเตอรอล , ไขมันอิ่มตัว , ความเครียดออกซิเดชันและการอักเสบ ผิดที่เน้นไขมัน อดอาหารปิดกั้นใน 3 ประเด็นหลักคอเลสเตอรอลในอาหารเพิ่มความไวของการออกซิเดชันไลโปโปรตีนความหนาแน่นเพิ่มขึ้นและหลังอาหารไขมันในเลือดสูง potentiates ผลเสีย ของการบริโภคไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอลในอาหาร ได้แก่ ไข่แดง เป็นอันตรายต่อหลอดเลือด ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดควรจำกัดปริมาณของคอเลสเตอรอลหยุดการบริโภคไข่แดงหลังโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ก็คงเหมือนการเลิกสูบบุหรี่หลังจากการวินิจฉัยโรคมะเร็งปอด : ที่จําเป็นในการดําเนินการ แต่สาย หลักฐานที่นำเสนอในการตรวจสอบในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าการรับรู้แพร่หลายในหมู่ประชาชนและผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพที่คอเลสเตอรอลในอาหารเป็นอ่อนโยนถูกใส่ผิดที่และปรับปรุงการศึกษาเป็นสิ่งจำเป็นที่จะแก้ไขความเข้าใจผิดนี้