Intentionalism (section 4) agrees t

Intentionalism (section 4) agrees that there is indeed something in common between the veridical and the non-veridical cases. However, this common factor should not be seen as an object, but rather, as intentional content. And finally, disjunctivism (section 5) undercuts the argument from illusion by rejecting the assumption that there must be something in common between the veridical and non-veridical cases. We will discuss these theories below, but first we shall consider the problems with the very idea of sense data, and with the argument from illusion itself.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Intentionalism (มาตรา ๔) ตกลงว่า มีจริงบางสิ่งบางอย่างร่วมระหว่างการ veridical และกรณีไม่ใช่ veridical อย่างไรก็ตาม ปัจจัยนี้ทั่วไปควรไม่เห็น เป็นวัตถุ แต่ แต่เนื้อหามิ และสุดท้าย disjunctivism (ฝ่าย 5) undercuts อาร์กิวเมนต์จากภาพลวงตา โดยการปฏิเสธสมมติฐานที่ว่า ต้องมีอะไรกันระหว่างกรณีไม่มี veridical และ veridical เราจะกล่าวถึงทฤษฎีเหล่านี้ด้านล่าง แต่แรก เราจะพิจารณาปัญหา ด้วยความคิดมากของข้อมูลความรู้สึก และอาร์กิวเมนต์จากภาพลวงตาตัวเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Intentionalism (มาตรา 4) ยอมรับว่ามีแน่นอนบางสิ่งบางอย่างในการร่วมกันระหว่าง veridical และกรณีที่ไม่ veridical อย่างไรก็ตามปัจจัยร่วมกันนี้ไม่ควรถูกมองว่าเป็นวัตถุ แต่เป็นเนื้อหาที่เจตนา และสุดท้าย disjunctivism (มาตรา 5) บั่นทอนการโต้แย้งจากภาพลวงตาโดยปฏิเสธสมมติฐานที่ว่าจะต้องมีสิ่งที่เหมือนกันระหว่างกรณี veridical และไม่ veridical เราจะหารือเกี่ยวกับทฤษฎีนี้ด้านล่าง แต่แรกที่เราจะพิจารณาปัญหาที่มีความคิดความรู้สึกของข้อมูลและมีการโต้แย้งจากภาพลวงตาของตัวเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

intentionalism ( มาตรา 4 ) ยอมรับว่า มีแน่นอนบางสิ่งบางอย่างร่วมกันระหว่างซึ่งเป็นจริงและไม่ซึ่งเป็นจริงกรณี อย่างไรก็ตาม ปัจจัยร่วมกันไม่ควรเห็นเป็นวัตถุ แต่เป็นเจตนาที่เนื้อหา และสุดท้ายdisjunctivism ( มาตรา 5 ) undercuts ข้อโต้แย้งจากภาพลวงตาโดยปฏิเสธสมมติฐานว่าต้องมีอะไรบางอย่างระหว่างซึ่งเป็นจริงและไม่ซึ่งเป็นจริงกรณี เราจะหารือเกี่ยวกับทฤษฎีเหล่านี้ด้านล่าง แต่อย่างแรกเราต้องพิจารณาปัญหากับความคิดมากของข้อมูลความรู้สึก และมีข้อโต้แย้งจากภาพลวงตา นั่นเอง