This correlational predictive research aimed to study factors predicting health promoting behaviors in Gastroesophageal reflux disease patients (GERD) using Pender’s Health Promotion Model as a conceptual framework (Pender, 2006). The predicting factors
included body mass index, perceived benefits of action, perceived barriers to action and perceived self-efficacy. The sample comprised 86 patients diagnosed with GERD in Internal
Medicine Outpatient Department, Siriraj Hospital. The samples were selected by convenience sampling. Data were collected using the following questionnaires: 1) Demographic Data Questionnaire; 2) Health Promoting Behavior Questionnaire for GERD Patients; 3) Perceived Benefits of Action Questionnaire; 4) Perceived Self-Efficacy Questionnaire and 5) Perceived Barriers to Action Questionnaire. Data were analyzed using descriptive statistics and multiple regression analysis.
According to the findings, 62.8% of the sample were females with a mean age of 55 years (SD = 13.91). The mean body mass index was 23.77 (SD = 3.85). The overall
health promoting behaviors were at a high level (M = 3.22, SD = 0.24). The sample had a moderate level of perceived benefits and perceived self-efficacy in practicing health
promoting behaviors (M = 23.15, SD = 4.87; M = 29.02, SD = 5.03), with low levels of
perceived barriers to health promoting behaviors (M = 26.90, SD = 6.45). The multiple
regression analysis revealed that all independent variables could explain fluctuations in health promoting behaviors at 14.3% with statistical significance (R2 = 0.143, p < 0.05), Only one factor, perceived barriers to action, was found to be able to predict health promoting behaviors with statistical significance (Beta = -0.261, p < 0.05).
In line with the research findings, the researchers suggests that healthcare providers should plan to promote coping with perceived barriers affecting the practice of health behaviors for promoting health behaviors in patients with GERD.
งานวิจัยนี้คาดการณ์ correlational มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ทำนายพฤติกรรมในเรื่องกรดไหลย้อนโรคผู้ป่วย (GERD) โดยใช้แบบจำลองการส่งเสริมสุขภาพของนเดอร์เป็นกรอบแนวคิด (นเดอร์ 2006) การส่งเสริมสุขภาพ ปัจจัย predictingรวมดัชนีมวลกาย การรับรู้ประโยชน์ของการกระทำ การรับรู้อุปสรรคในการดำเนินการและประสิทธิภาพในตนเองรับรู้ ตัวอย่างประกอบด้วย 86 ผู้ป่วยที่วินิจฉัยว่าเป็น GERD ในภายใน ฝ่ายผู้ป่วยนอกที่แพทย์ โรงพยาบาลศิริราช ตัวอย่างที่ถูกเลือก โดยการสุ่มตัวอย่างสะดวก ได้รวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถามต่อไปนี้: 1) แบบสอบถามข้อมูลประชากร 2) แบบสอบถามพฤติกรรมการส่งเสริมสำหรับผู้ป่วย GERD สุขภาพ 3) การรับรู้ประโยชน์ของการดำเนินการแบบสอบถาม 4) การรับรู้แบบสอบถามประสิทธิภาพในตนเองและ 5) การรับรู้อุปสรรคในการดำเนินการแบบสอบถาม ข้อมูลมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์การถดถอย วิจัยพบ 62.8% ของตัวอย่างผู้หญิงที่ มีมีอายุเฉลี่ย 55 ปี (SD = 13.91) ดัชนีมวลกายเฉลี่ยเป็น 23.77 (SD = 3.85) โดยรวมพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพอยู่ในระดับสูง (M = 3.22, SD = 0.24) ตัวอย่างมีการรับรู้ประโยชน์และการรับรู้ประสิทธิภาพในตนเองในการปฏิบัติสุขภาพระดับกลาง ส่งเสริมพฤติกรรม (M = 23.15, SD = 4.87 M = 29.02, SD = 5.03), ด้วยระดับต่ำ รับรู้อุปสรรคในการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ (M = 26.90, SD = 6.45) หลายเปิดเผยวิเคราะห์การถดถอยที่ ตัวแปรอิสระทั้งหมดสามารถอธิบายความผันผวนในด้านสุขภาพการส่งเสริมพฤติกรรมที่ 14.3% มีนัยสำคัญทางสถิติ (R2 = 0.143, p < 0.05), พบปัจจัยเดียวเท่านั้น การรับรู้อุปสรรคในการดำเนินการ จะสามารถทำนายสุขภาพส่งเสริมพฤติกรรมการ มีนัยสำคัญทางสถิติ (Beta =-0.261, p < 0.05) สอดคล้องกับผลการวิจัย นักวิจัยแนะนำว่า ควรการวางแผนดูแลสุขภาพเพื่อรับมือกับการรับรู้อุปสรรคที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพในผู้ป่วย GERD ส่งเสริม
การแปล กรุณารอสักครู่..

การวิจัยครั้งนี้คาดการณ์หาความสัมพันธ์มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยทำนายพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพในผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน (GERD) โดยใช้เพ็นเดอร์โปรโมชั่นสุขภาพรุ่นเป็นกรอบแนวคิด (Pender, 2006) ทำนายปัจจัย
รวมดัชนีมวลกายการรับรู้ประโยชน์ของการดำเนินการรับรู้อุปสรรคในการดำเนินการและการรับรู้ความสามารถของตนเอง กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้ป่วยที่ 86 กับการวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนในภายใน
แพทย์แผนกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลศิริราช กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการคัดเลือกโดยการสุ่มตัวอย่างความสะดวกสบาย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามต่อไปนี้: 1) ข้อมูลส่วนบุคคลแบบสอบถาม; 2) ส่งเสริมสุขภาพแบบสอบถามพฤติกรรมสำหรับผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน; 3) ประโยชน์ของการดำเนินการแบบสอบถามการรับรู้; 4) รับรู้ความสามารถของตนเองแบบสอบถามและ 5) การรับรู้ปัญหาและอุปสรรคที่การกระทำแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ.
ตามผลการวิจัยที่ 62.8% ของกลุ่มตัวอย่างเป็นเพศหญิงอายุเฉลี่ย 55 ปี (SD = 13.91) ดัชนีมวลกายเฉลี่ย 23.77 (SD = 3.85) โดยรวม
พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพอยู่ในระดับสูง (M = 3.22, SD = 0.24) กลุ่มตัวอย่างที่มีระดับปานกลางของการรับรู้ประโยชน์และรับรู้ความสามารถของตนเองในการฝึกสุขภาพ
พฤติกรรมส่งเสริม (M = 23.15, SD = 4.87; M = 29.02, SD = 5.03) โดยมีระดับต่ำของ
การรับรู้อุปสรรคกับพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพ (M = 26.90, SD = 6.45) หลาย
การวิเคราะห์การถดถอยเปิดเผยว่าตัวแปรอิสระทั้งหมดสามารถอธิบายความผันผวนของพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพที่ 14.3% และมีนัยสำคัญทางสถิติ (R2 = 0.143, p <0.05) เพียงปัจจัยหนึ่งในการรับรู้อุปสรรคในการดำเนินการพบว่าสามารถทำนายการส่งเสริมสุขภาพ พฤติกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Beta = -0.261, p <0.05).
สอดคล้องกับผลการวิจัยของนักวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพควรวางแผนที่จะส่งเสริมการรับมือกับการรับรู้อุปสรรคที่มีผลต่อการปฏิบัติของพฤติกรรมสุขภาพในการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพในผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน .
การแปล กรุณารอสักครู่..

การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์สามารถทำนายพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ( Gerd ) โดยใช้รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์ ( Pender เป็นกรอบแนวคิด , 2006 ) ปัจจัยทำนายประกอบด้วย ดัชนีมวลกาย การรับรู้ประโยชน์ของการกระทำ การรับรู้อุปสรรคต่อการปฏิบัติ และการรับรู้ความสามารถของตนเอง . จำนวน 86 ผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนในภายในยาแผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลศิริราช ปกติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เพื่อความสะดวกสบาย การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถามต่อไปนี้ : 1 ) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2 ) แบบสอบถามพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ; 3 ) การรับรู้ประโยชน์ของการกระทำ ) ; 4 ) การรับรู้ตนเอง แบบสอบถาม และ 5 ) แบบสอบถามการรับรู้อุปสรรคต่อการกระทำ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณตามผล , 62.8 % ของกลุ่มตัวอย่างเป็นเพศหญิงที่มีอายุเฉลี่ย 55 ปี ( SD = 13.91 ) ค่าเฉลี่ยของดัชนีมวลกายคือ 23.77 ( SD = 3.85 ) โดยรวมพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพอยู่ในระดับมาก ( m = 3.22 , S.D . = 0.24 ) กลุ่มตัวอย่างที่มีระดับการรับรู้ประโยชน์และการรับรู้ความสามารถของตนเองในการฝึกสุขภาพพฤติกรรมการส่งเสริม ( M = 23.15 , SD = 4.87 ; m = 29.02 , SD = 5.03 ) ที่มีระดับต่ำการรับรู้อุปสรรคของพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ ( M = 26.90 , SD = 6.45 ) หลาย ๆการวิเคราะห์การถดถอยพบว่าตัวแปรอิสระทั้งหมด อาจอธิบายได้ว่า ความผันผวนในพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพที่ 14.3 % อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( R2 = 0.143 , p < 0.05 ) ปัจจัยหนึ่งเท่านั้น การรับรู้อุปสรรคต่อการปฏิบัติ พบว่า สามารถทำนายพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( r = -0.261 , p < 0.05 )สอดคล้องกับผลงานวิจัย นักวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าสุขภาพผู้ให้บริการควรวางแผนเพื่อส่งเสริมการรับรู้อุปสรรคต่อการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพในผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน .
การแปล กรุณารอสักครู่..
