ประชากรและกลุ่มตัวอย่างประชากร ประช

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษา 5 โรงเรียนวัดปรังกาสี อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีจำนวน 30 คน
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ได้ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้มาซึ่งการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็น แบบเจาะจง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา 5 โรงเรียนวัดปรังกาสี อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีประจำปีการศึกษา 2556 จำนวน 30 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย การประเมินหลักสูตรที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วยแบบสอบถาม 1 ชุด ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้

ส่วนที่ 1
เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม มีลักษณะเป็นแบบสำรวจรายการ (Check – List) ประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไปส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ

ส่วนที่ 2
เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจของนักเรียนในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดปรังกาสี โดยใช้รูปแบบการประเมิน ของเคริกแพตทริค (Kirk Patrick) ซึ่งในแบบสอบถามมี 3 ส่วน ในส่วนที่ 2 มี 10 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่าแบ่งระดับความพึงพอใจเป็น 5 ระดับ คือ ระดับความพึงพอใจมากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด ส่วนที่ 3 คือ ข้อเสนอแนะ
ส่วนที่ 3
เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพิ่มเติม


ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัย

เครื่องมือในการทำแบบสอบถามนี้ ผู้ศึกษาได้สร้างและพัฒนา แบบสอบถาม ซึ่งมีรายละเอียดในการสร้าง เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยการศึกษาแนวคิด หลักการ จากศึกษาเอกสารทางการเรียน การสอน และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ แบบความพึงพอใจ สถิติสำหรับการวิจัย เทคนิคที่ใช้ในการสร้างเครื่องมือ การสร้างแบบสอบถาม เทคนิคในการรวบรวมข้อมูล และวิธีการตรวจสอบมาตราส่วนประมาณค่า เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถาม (Questionnaire) ไปตามวัตถุประสงค์การวิจัย ผู้วิจัยได้ดำเนินการสร้างเครื่องมือขึ้นเอง มีวิธีการสร้างและพัฒนาแล้ว นำข้อมูลที่ได้รับจากการศึกษาค้นคว้า มาประมวลเพื่อกำหนดเป็นโครงสร้างของแบบสอบถามการวัดผลแต่ละชนิด โดยขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ ผู้ศึกษาได้ทำการศึกษาหลักการที่เป็นลักษณะของภาพรวม ซึ่งต้องการเน้นให้เห็นถึงความสำคัญ ที่มาในส่วนของรายละเอียดการสร้างเครื่องมือ มีขั้นตอน วิธีการ
การสร้างแบบประเมินความพึงพอใจ
ผู้ศึกษาดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
1. ศึกษาแบบสอบถามความความพึงพอใจของนักเรียนต่อวิชาภาษาอังกฤษโดยศึกษาเอกสาร ตำราต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความพึงพอใจ พร้อมกับเอกสารงานของท่านอาจารย์ ชุติภา กันนุฬา
2. ศึกษาวิธีทางสถิติสำหรับแบบสอบถา เทคนิคที่ใช้ในการสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลการสร้างแบบสอบถามและเทคนิคในการรวบรวมข้อมูลและวิธีการตรวจสอบมาตราส่วนประมาณค่า
3. นำผลการศึกษาจากเอกสารและสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง จัดทำเป็นแบบสอบถามตามความมุ่งหมายของประเมินการศึกษา
4. นำแบบสอบถามเสนออาจารย์เพื่อ ตรวจสอบความถูกต้อง และให้ครอบคลุมเนื้อหา
5. ปรับเครื่องมือให้ถูกต้องและสมบูรณ์ สร้างแบบสอบถามความพึงพอใจเรื่อง ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ
6. มีลักษณะเป็นมาตรฐานส่วนประมาณค่า จำนวน 7 ข้อ แบบเลือกตอบ 5 ตัวเลือก ตามแนวทางของ ลิเคอร์ท เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า มีระดับน้ำหนักคะแนน 5 4 3 2 และ 1 ซึ่งมี 5 ระดับ คือ พอใจมากที่สุด พอใจมาก พอใจปานกลาง พอใจน้อย และ พอใจน้อยที่สุด
7. นำแบบสอบถามที่สร้างขึ้นเสนอผู้เชี่ยวชาญ5 ท่าน เพื่อขอรับคำแนะนำในส่วนที่บกพร่อง แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข
8. ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะ และนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข
9. นำแบบสอบถามความพึงพอใจเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ ประเมินตามแบบประเมินใน ตารางวิเคราะห์ เพื่อหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบสอบถาม
10. นำแบบสอบถามความพึงพอใจไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายย่อย นำเครื่องมือที่สร้างไปเก็บรวบรวมข้อมูลให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเหมาะสม ของแบบประเมินการประเมินค่าดัชนีความสอดคล้องของเครื่องมือ ของผู้เชี่ยวชาญจากการให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบแบบสอบถาม IOC คือ ค่าความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ หรือเนื้อหา โดยผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ ตั้งแต่ 5 คน โดยให้เกณฑ์ในการตรวจพิจารณาข้อคำถาม ดังนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษา 5 โรงเรียนวัดปรังกาสีอำเภอทองผาภูมิจังหวัดกาญจนบุรีจำนวน 30 คน
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ได้ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้มาซึ่งการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็นแบบเจาะจงของนักเรียนชั้นประถมศึกษา 5 โรงเรียนวัดปรังกาสีอำเภอทองผาภูมิ 2556 จำนวน 30 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยการประเมินหลักสูตรที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วยแบบสอบถาม 1 ชุดซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้

ส่วนที่ 1
เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบสำรวจรายการ (ตรวจสอบ – รายการ) ประกอบด้วยข้อมูลทั่วไปส่วนบุคคลได้แก่เพศ

ส่วนที่ 2
เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจของนักเรียนในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดปรังกาสีโดยใช้รูปแบบการประเมินของเคริกแพตทริค (Patrick โบสถ์) ซึ่งในแบบสอบถามมี 3 ส่วนในส่วนที่ 2 10 ข้อเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่าแบ่งระดับความพึงพอใจเป็น 5 ระดับคือระดับความพึงพอใจมากที่สุดมากปานกลางน้อยและน้อยที่สุดส่วนที่ 3 คือข้อเสนอแนะ
ส่วนที่ 3
เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพิ่มเติม


ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัย

เครื่องมือในการทำแบบสอบถามนี้ผู้ศึกษาได้สร้างและพัฒนาแบบสอบถามซึ่งมีรายละเอียดในการสร้างเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นไปตามวัตถุประสงค์โดยการศึกษาแนวคิดหลักการจากศึกษาเอกสารทางการเรียนการสอน แบบความพึงพอใจสถิติสำหรับการวิจัยเทคนิคที่ใช้ในการสร้างเครื่องมือการสร้างแบบสอบถามเทคนิคในการรวบรวมข้อมูลและวิธีการตรวจสอบมาตราส่วนประมาณค่าเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถาม (สอบถาม) ผู้วิจัยได้ดำเนินการสร้างเครื่องมือขึ้นเองมีวิธีการสร้างและพัฒนาแล้วนำข้อมูลที่ได้รับจากการศึกษาค้นคว้ามาประมวลเพื่อกำหนดเป็นโครงสร้างของแบบสอบถามการวัดผลแต่ละชนิดโดยขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ ซึ่งต้องการเน้นให้เห็นถึงความสำคัญที่มาในส่วนของรายละเอียดการสร้างเครื่องมือมีขั้นตอนวิธีการ
การสร้างแบบประเมินความพึงพอใจ
ผู้ศึกษาดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1 ศึกษาแบบสอบถามความความพึงพอใจของนักเรียนต่อวิชาภาษาอังกฤษโดยศึกษาเอกสารตำราต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความพึงพอใจพร้อมกับเอกสารงานของท่านอาจารย์ชุติภากันนุฬา
2 ศึกษาวิธีทางสถิติสำหรับแบบสอบถาเทคนิคที่ใช้ในการสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลการสร้างแบบสอบถามและเทคนิคในการรวบรวมข้อมูลและวิธีการตรวจสอบมาตราส่วนประมาณค่า
3 นำผลการศึกษาจากเอกสารและสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องจัดทำเป็นแบบสอบถามตามความมุ่งหมายของประเมินการศึกษา
4 นำแบบสอบถามเสนออาจารย์เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและให้ครอบคลุมเนื้อหา
5 ที่มีต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษปรับเครื่องมือให้ถูกต้องและสมบูรณ์สร้างแบบสอบถามความพึงพอใจเรื่องความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
6 มีลักษณะเป็นมาตรฐานส่วนประมาณค่าจำนวน 7 ข้อแบบเลือกตอบ 5 ตัวเลือกตามแนวทางของลิเคอร์ทเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่ามีระดับน้ำหนักคะแนน 5 4 3 2 และ 1 ซึ่งมี 5 ระดับคือพอใจมากที่สุดพอใจมากพอใจปานกลาง และพอใจน้อยที่สุด
7. นำแบบสอบถามที่สร้างขึ้นเสนอผู้เชี่ยวชาญ5 ท่านเพื่อขอรับคำแนะนำในส่วนที่บกพร่องแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข
8 ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะและนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข
9 นำแบบสอบถามความพึงพอใจเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญประเมินตามแบบประเมินในตารางวิเคราะห์เพื่อหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบสอบถาม
10 นำแบบสอบถามความพึงพอใจไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายย่อยนำเครื่องมือที่สร้างไปเก็บรวบรวมข้อมูลให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเหมาะสมของแบบประเมินการประเมินค่าดัชนีความสอดคล้องของเครื่องมือ ชื่อคือค่าความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์หรือเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบตั้งแต่ 5 คนโดยให้เกณฑ์ในการตรวจพิจารณาข้อคำถามดังนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประชากรประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษา 5 โรงเรียนวัดปรังกาสีอำเภอทองผาภูมิจังหวัดกาญจนบุรีจำนวน 30 คน

กลุ่มตัวอย่างกลุ่มตัวอย่างที่ได้ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้มาซึ่งการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็นแบบเจาะจงของนักเรียนชั้นประถมศึกษา 5 โรงเรียนวัดปรังกาสีอำเภอทองผาภูมิ2556 จำนวน 30 คน



เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยการประเมินหลักสูตรที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วยแบบสอบถาม 1 ชุดซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้


ส่วนที่ 1เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบสำรวจรายการ ( ตรวจสอบรายชื่อ ) ) ประกอบด้วยข้อมูลทั่วไปส่วนบุคคลได้แก่เพศ


ส่วนที่ 2เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจของนักเรียนในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดปรังกาสีโดยใช้รูปแบบการประเมินของเคริกแพตทริค ( เคิร์กแพทริก ) ซึ่งในแบบสอบถามมี 3 ส่วนในส่วนที่ 210 ข้อเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่าแบ่งระดับความพึงพอใจเป็น 5 ระดับความระดับความพึงพอใจมากที่สุดมากปานกลางน้อยและน้อยที่สุดส่วนที่ความข้อเสนอแนะ
3ส่วนที่ 3





ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเครื่องมือในการทำแบบสอบถามนี้ผู้ศึกษาได้สร้างและพัฒนาแบบสอบถามซึ่งมีรายละเอียดในการสร้างเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นไปตามวัตถุประสงค์โดยการศึกษาแนวคิดหลักการจากศึกษาเอกสารทางการเรียนการสอนแบบความพึงพอใจสถิติสำหรับการวิจัยเทคนิคที่ใช้ในการสร้างเครื่องมือการสร้างแบบสอบถามเทคนิคในการรวบรวมข้อมูลและวิธีการตรวจสอบมาตราส่วนประมาณค่าเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถาม ( แบบสอบถาม )ผู้วิจัยได้ดำเนินการสร้างเครื่องมือขึ้นเองมีวิธีการสร้างและพัฒนาแล้วนำข้อมูลที่ได้รับจากการศึกษาค้นคว้ามาประมวลเพื่อกำหนดเป็นโครงสร้างของแบบสอบถามการวัดผลแต่ละชนิดโดยขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ซึ่งต้องการเน้นให้เห็นถึงความสำคัญที่มาในส่วนของรายละเอียดการสร้างเครื่องมือมีขั้นตอนวิธีการ
การสร้างแบบประเมินความพึงพอใจผู้ศึกษาดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้

1ศึกษาแบบสอบถามความความพึงพอใจของนักเรียนต่อวิชาภาษาอังกฤษโดยศึกษาเอกสารตำราต่างจะที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความพึงพอใจพร้อมกับเอกสารงานของท่านอาจารย์ชุติภากันนุฬา
2ศึกษาวิธีทางสถิติสำหรับแบบสอบถาเทคนิคที่ใช้ในการสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลการสร้างแบบสอบถามและเทคนิคในการรวบรวมข้อมูลและวิธีการตรวจสอบมาตราส่วนประมาณค่า
3นำผลการศึกษาจากเอกสารและสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องจัดทำเป็นแบบสอบถามตามความมุ่งหมายของประเมินการศึกษา
4 นำแบบสอบถามเสนออาจารย์เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและให้ครอบคลุมเนื้อหา
5ปรับเครื่องมือให้ถูกต้องและสมบูรณ์สร้างแบบสอบถามความพึงพอใจเรื่องความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ
6มีลักษณะเป็นมาตรฐานส่วนประมาณค่าจำนวน 7 ข้อแบบเลือกตอบ 5 ตัวเลือกตามแนวทางของลิเคอร์ทเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่ามีระดับน้ำหนักคะแนน 5 4 3 2 1 5 และซึ่งมีระดับความพอใจมากที่สุดพอใจมากพอใจปานกลางและพอใจน้อยที่สุด
7 . นำแบบสอบถามที่สร้างขึ้นเสนอผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่านเพื่อขอรับคำแนะนำในส่วนที่บกพร่องแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข
8ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะและนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข
9นำแบบสอบถามความพึงพอใจเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญประเมินตามแบบประเมินในตารางวิเคราะห์เพื่อหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบสอบถาม
10นำแบบสอบถามความพึงพอใจไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายย่อยนำเครื่องมือที่สร้างไปเก็บรวบรวมข้อมูลให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเหมาะสมของแบบประเมินการประเมินค่าดัชนีความสอดคล้องของเครื่องมือIOC ความค่าความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์หรือเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบตั้งแต่ 5 คนโดยให้เกณฑ์ในการตรวจพิจารณาข้อคำถามดังนี้