บทที่ 1
บทนำ
1.1 ภูมิหลังที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ค้นคว้าวิจัย
พลังงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศ พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล(fossil fuel) ที่เราใช้กันเป็นหลักอยู่ในปัจจุบันเป็นพลังงานที่ใช้แล้วหมดสิ้นไปมีจำนวนลดลงอย่างมาก ในอนาคตจะขาดแคลนมีราคาสูงขึ้นและในที่สุดก็จะถูกใช้จนหมดสิ้นไปจากโลกการค้นหาและการนำพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลขึ้นมาใช้ทำได้ยากขึ้น อีกทั้งการเผาไหม้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลก่อให้เกิดแก๊สมลภาวะที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ทั่วโลกจึงเสาะแสวงหาพลังงานทดแทน (alternative energy) อื่นๆ มาใช้งานทดแทนพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลให้มากขึ้น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานลม เป็นต้นโดยพลังงานทดแทนดังกล่าวจะต้องเป็นพลังงานสีเขียว (green energy) ที่ไม่ก่อให้เกิดแก๊สมลภาวะซึ่งจะทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ดังนั้น งานวิจัยนี้จึงกล่าวถึงพลังงานที่ได้จากลมมุ่งเน้นที่จะใช้กังหันลม (wind turbine) เป็นตัวแปลงผันพลังงานจลน์จากลมที่พัดปะทะใบพัดของกังหันลมให้เป็นแรงบิดหมุนเพลาของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า
1.2 ความจำเป็นที่จะต้องศึกษาปัญหานี้
เมื่อเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล คือ น้ำมัน ถ่านหิน และแก๊สธรรมชาติ จะเกิดแก๊สมลภาวะที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์เป็นต้น เมื่อเกิดภาวะโลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายส่งผลให้น้ำทะเลมีระดับสูงขึ้นกว่าเดิม ชายฝั่งทะเลและเกาะแก่งบางแห่งจะหายไป กระแสลมจะพัดแรงขึ้นพายุจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เมื่อฝนตกจะเกิดฝนที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต จึงต้องหยุดภาวะโลกร้อนด้วยการลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลให้น้อยลงแล้วเสาะแสวงหาสิ่งประดิษฐ์ที่เหมาะสมเพื่อทำหน้าที่แปลงผันพลังงานลมให้เป็นพลังงานไฟฟ้าให้มากขึ้น
เนื่องจากพลังงานลมมีอยู่ทั่วไปไม่ต้องซื้อหา เป็นพลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดซึ่งจะใช้ประโยชน์ต่อไปในอนาคตอย่างไม่มีวันหมด ประเทศต่างๆ ในยุโรป เช่น เดนมาร์ค เนเธอร์แลนด์ ได้ริเริ่มนำพลังงานลมมาใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าอย่างกว้างขวางเนื่องจากสามารถผลิตได้เป็นจำนวนมากรองลงมาจากพลังน้ำ