The cognitive behavioral theory was

The cognitive behavioral theory was utilized by two reviewed studies Albrect et al., (2006), and Peden et al. (2008) [18, 19].
Cognitive behavioral theory is based on an individual’s ability to learn new skills and apply learned rules to solve
problems. “Cognitive behavioral strategies aim to decrease self-defeating behavior, such as smoking, by altering
maladaptive perceptions through social support and therapeutic relationship, goal setting, reeducation, and urge control
with an emphasis on teaching behavior control techniques” [18]. Diminishing negative thoughts, giving women tools to beat
nicotine cravings, educating women on why a behavior change is necessary, and increasing self-efficacy could assist
pregnant women in achieving abstinence from smoking [19]. Two studies used the social cognitive theory, including Patten
et al. (2010) and Vries et al. (2006) [6, 10]. This theory states that behaviors are learned through observation and personality,
and represents a clinical approach to behavior change [21]. Bandura demonstrated the effects of the social cognitive theory
by exposing children to a video showing aggressive and violent behaviors, and then placed the children in a room with a
doll to see how they acted. The children who had seen the video reacted more violently and aggressively than the children
who did not. The Patten et al. (2010) and Vries et al. (2006) studies used the social cognitive theory by distributing
audio/video material to their participants

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีใช้ทฤษฎีพฤติกรรมการรับรู้ โดยการศึกษาทบทวนสอง al. et Albrect, (2006), และ Peden et al. (2008) [18, 19]ทฤษฎีพฤติกรรมรับรู้ตามความสามารถของบุคคลเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ และใช้กฎการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหา "กลยุทธ์พฤติกรรมการรับรู้จุดมุ่งหมายเพื่อลดพฤติกรรมที่เอาชนะตนเอง เช่นสูบบุหรี่ ดัดแปลงภาพลักษณ์คอร์รัปชัน maladaptive ผ่านการสนับสนุนทางสังคม และรักษาความสัมพันธ์ การตั้งเป้าหมาย reeducation และควบคุมกระตุ้นเน้นสอนเทคนิคการควบคุมลักษณะการทำงาน" [18] ความคิดติดลบลดลง ให้ผู้หญิงมือตีนิโคตินแพง ให้ผู้หญิงในเหตุการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจำเป็น และเพิ่มประสิทธิภาพตนเองสามารถช่วยหญิงตั้งครรภ์ในการบรรลุการโมทนาพระคุณจากการสูบบุหรี่ [19] ศึกษาสองใช้ทฤษฎีรับรู้สังคม รวมถึงแพทเท็นปอนด์แคมal. ร้อยเอ็ด (2010) และ al. et Vries (2006) [6, 10] ทฤษฎีนี้ระบุว่า พฤติกรรมเรียนรู้ผ่านการสังเกตและบุคลิกภาพและแสดงถึงวิธีทางคลินิกเพื่อเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงาน [21] Bandura สาธิตผลของทฤษฎีการรับรู้ทางสังคมโดยเปิดเผยวิดีโอเด็กแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว และรุนแรง และจากนั้น วางเด็กในห้องตุ๊กตาเพื่อดูว่าพวกเขาได้ปฏิบัติ เด็กได้เห็นวิดีโอปฏิกิริยาขึ้นโหง และแสดงความก้าวร้าวมากกว่าเด็กที่เกิดขึ้นใครไม่ เดอะแพทเท็นปอนด์แคม et al. (2010) และ al. et Vries (2006) ศึกษาใช้ทฤษฎีการรับรู้ทางสังคม โดยการกระจายวัสดุการร่วมของเสียง/วิดีโอ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีพฤติกรรมทางปัญญาที่ถูกนำมาใช้โดยการศึกษาทั้งสองทบทวน Albrect et al. (2006) และพีเดน et al, (2008) [18 19]. ความรู้ความเข้าใจทฤษฎีพฤติกรรมจะขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคลที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่และใช้กฎเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา "กลยุทธ์ความรู้ความเข้าใจพฤติกรรมมุ่งมั่นที่จะลดพฤติกรรมการเอาชนะตนเองเช่นการสูบบุหรี่โดยการเปลี่ยนการรับรู้ maladaptive ผ่านการสนับสนุนทางสังคมและการรักษาความสัมพันธ์การตั้งค่าเป้าหมาย reeducation และขอเรียกร้องให้การควบคุมที่มีความสำคัญเกี่ยวกับเทคนิคการควบคุมพฤติกรรมการเรียนการสอน" [18] ลดลงคิดเชิงลบให้ผู้หญิงเครื่องมือที่จะเอาชนะความอยากนิโคตินการให้ความรู้เกี่ยวกับเหตุผลที่ผู้หญิงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเป็นสิ่งที่จำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพของตนเองจะช่วยให้หญิงตั้งครรภ์ในการบรรลุการละเว้นจากการสูบบุหรี่[19] การศึกษาสองใช้ทฤษฎีองค์ความรู้ทางสังคมรวมทั้งเสื้อet al, (2010) และไวริสและอัล (2006) [6, 10] ทฤษฎีนี้ระบุว่าพฤติกรรมที่มีการเรียนรู้ผ่านการสังเกตและบุคลิกภาพและแสดงให้เห็นถึงวิธีการทางคลินิกเพื่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม [21] แสดงให้เห็นถึงผลกระทบ Bandura ของทฤษฎีองค์ความรู้ทางสังคมโดยการเปิดเผยให้เด็กที่จะวิดีโอแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวและรุนแรงแล้ววางเด็กในห้องที่มีตุ๊กตาที่จะดูว่าพวกเขาทำหน้าที่ เด็กที่ได้เห็นวิดีโอปฏิกิริยาตอบสนองมากขึ้นอย่างรุนแรงและอุกอาจกว่าเด็กที่ไม่ได้ เสื้อ et al, (2010) และไวริสและอัล (2006) การศึกษาการใช้ทฤษฎีองค์ความรู้ทางสังคมโดยการกระจายเสียง/ วิดีโอวัสดุที่เข้าร่วมของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีพฤติกรรมทางปัญญาถูกใช้โดยสองทบทวนการศึกษา albrect et al . ( 2006 ) , และพีเดิ่น et al . ( 2008 ) [ 18 , 19 ] .
ทฤษฎีพฤติกรรมทางปัญญาขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน เพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่และสมัครเรียนรู้กฎเพื่อแก้
ปัญหา " กลยุทธ์การคิดเชิงพฤติกรรมมุ่งลดตนเองเอาชนะพฤติกรรม เช่น การสูบบุหรี่ โดยดัดแปลง
maladaptive รับรู้ผ่านการสนับสนุนทางสังคมและสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด , เป้าหมายการตั้งค่า reeducation และกระตุ้นการควบคุม
โดยเน้นพฤติกรรม การสอนเทคนิคการควบคุม " [ 18 ] ลดความคิดเชิงลบ ให้เครื่องมือผู้หญิงที่จะชนะ
cravings นิโคติน การให้ผู้หญิงทำไมต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นสิ่งที่จำเป็น และเพิ่มความสามารถของตนเองสามารถช่วย
หญิงตั้งครรภ์ในการเลิกสูบบุหรี่ [ 19 ] สองการศึกษาที่ใช้ทฤษฎีปัญญาทางสังคม รวมถึงแพทเทิร์น
et al . ( 2010 ) และเศรษฐศาสตร์ et al . ( 2006 ) [ 6 / 10 ] ทฤษฎีนี้ระบุว่า พฤติกรรมที่เรียนรู้ผ่านการสังเกตและบุคลิกภาพ และเป็นแนวทางที่คลินิก
เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม [ 21 ] แบนดูราได้แสดงผลของ
ทฤษฎีปัญญาทางสังคมโดยเปิดโอกาสให้เด็กวิดีโอแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวและรุนแรง แล้ววางเด็กในห้องด้วย
ตุ๊กตาเพื่อดูว่าพวกเขาทำ เด็กที่ได้เห็นวิดีโอปฏิกิริยามากขึ้นรุนแรงและอุกอาจกว่าเด็ก
ที่ไม่ได้ มีแพทเทิน et al . ( 2010 ) และเศรษฐศาสตร์ et al . ( 2549 ) ได้ศึกษาการใช้ทฤษฎีปัญญาทางสังคม โดยการกระจาย
เสียง / วิดีโอวัสดุที่เข้าร่วมพวกเขา