Healthy and comfortable microclimat

Healthy and comfortable microclimate conditions are
essential for any type of environment but, in particular,
schools are a category of buildings in which a high level of
environmental quality may considerably improve occupants’
attention, concentration, learning, hearing and
performances [1,2].
The first scientific studies about the effects of the thermal
environment quality in classrooms on the students’
performances began around the middle of 1950. An
interesting review of the results of these first studies, lots
of them performed as field studies, is gives in the work of
Pepler and Warner [3]. After this period, the birth of the
Fanger theory about thermal comfort based on the results
from a fully controlled climate chamber [4], broke the
developing of new field researches on thermal comfort. But
the growing interest in the last years about the adaptive
theory of thermal comfort [5,6] has again stimulated
researches by field studies aimed at qualifying the thermal
environment both objectively (by measurements) and
subjectively (by occupants judgments).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีสภาพ microclimate มีสุขภาพดี และสะดวกสบายจำเป็นสำหรับทุกประเภท ของสภาพแวดล้อม แต่ โดย เฉพาะประเภทของอาคารที่มีโรงเรียนในระดับสูงคุณภาพสิ่งแวดล้อมมากอาจปรับปรุงของผู้โดยสารความสนใจ สมาธิ การ เรียน การได้ยิน และการแสดง [1, 2]การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกเกี่ยวกับผลกระทบของความร้อนคุณภาพสิ่งแวดล้อมในห้องเรียนของนักเรียนนักเรียนการแสดงเริ่มประมาณกลางของ 1950 มีรีวิวน่าสนใจผลของการศึกษาเหล่านี้แรก จำนวนมากคือช่วยในการทำงานของพวกเขาดำเนินการเป็นเขตข้อมูลการศึกษาPepler และวอร์เนอร์ [3] หลังจากช่วงนี้ การเกิดของการFanger ทฤษฎีเกี่ยวกับความร้อนความสบายตามผลลัพธ์จากห้องควบคุมอย่างเต็มภูมิอากาศ [4], ยากจนการพัฒนาของฟิลด์งานวิจัยใหม่บนความร้อนสบาย แต่ดอกเบี้ยเติบโตในปีที่เกี่ยวกับการปรับตัวทฤษฎีของความร้อน [5,6] ได้ถูกกระตุ้นอีกครั้งงานวิจัย โดยศึกษาฟิลด์มีคุณสมบัติความร้อนสภาพแวดล้อมทั้งวัตถุ (โดยการวัด) และจิตใจ (โดยผู้โดยสารของพวกเขา)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มีสุขภาพดีและสะดวกสบายเงื่อนไขปากน้ำเป็น
สิ่งจำเป็นสำหรับประเภทของสภาพแวดล้อมใด ๆ แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
โรงเรียนหมวดหมู่ของอาคารซึ่งเป็นระดับสูงของ
คุณภาพสิ่งแวดล้อมมากอาจเพิ่มผู้โดยสาร
ให้ความสนใจ, ความเข้มข้นของการเรียนรู้การได้ยินและ
การแสดง [1,2] .
การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกเกี่ยวกับผลกระทบของความร้อน
ที่มีคุณภาพสภาพแวดล้อมในห้องเรียนบนของนักเรียน
การแสดงเริ่มประมาณกลางปี ​​1950 อัน
รีวิวที่น่าสนใจของผลของการศึกษาครั้งแรกที่เหล่านี้จำนวนมาก
ของพวกเขาดำเนินการตามการศึกษาภาคสนามคือให้ใน การทำงานของ
Pepler และวอร์เนอร์ [3] หลังจากช่วงเวลานี้เกิดของ
ทฤษฎี Fanger เกี่ยวกับความสะดวกสบายในการระบายความร้อนบนพื้นฐานของผล
จากห้องควบคุมสภาพภูมิอากาศอย่างเต็มที่ [4] ยากจน
การพัฒนางานวิจัยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับความสะดวกสบายในการระบายความร้อน แต่
ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับการปรับตัว
ทฤษฎีของความสะดวกสบายความร้อน [5,6] มีการกระตุ้นอีกครั้ง
งานวิจัยโดยการศึกษาภาคสนามมุ่งเป้าไปที่มีคุณสมบัติความร้อน
สภาพแวดล้อมทั้งอคติ (โดยวัด) และ
จิตใจ (โดยอาศัยการตัดสิน)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สุขภาพและความสะดวกสบาย จุลภูมิอากาศเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับชนิดของสภาพแวดล้อมใด ๆแต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนประเภทของอาคารซึ่งในระดับสูงปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมอาจอยู่อาศัยมากความสนใจ สมาธิ การเรียนรู้ การได้ยินการแสดง [ 1 , 2 ]ก่อนการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผลกระทบของความร้อนสภาพแวดล้อมของห้องเรียนที่นักเรียนที่มีคุณภาพในการแสดงเริ่มประมาณกลาง 1950 เป็นความคิดเห็นที่น่าสนใจจากผลของการศึกษาเหล่านี้แรก มาก ๆของการเป็นเขตการศึกษา คือ ช่วยในการทํางานของpepler และ Warner [ 3 ] หลังจากระยะเวลานี้ เกิด ของไอ้เขี้ยวทฤษฎีเกี่ยวกับภาวะสบายเชิงความร้อนขึ้นอยู่กับผลจากการควบคุมอย่างเต็มที่บรรยากาศห้อง [ 4 ] , หักการพัฒนางานวิจัยด้านความร้อนใหม่ในความสะดวกสบาย แต่เพิ่มความสนใจในปีล่าสุดเกี่ยวกับการปรับตัวทฤษฎีของความสบายเชิงความร้อน [ 5 , 6 ] มีอีกน่าเร้าใจงานวิจัยด้านการศึกษา โดยมุ่งคัดเลือกความร้อนสิ่งแวดล้อมทั้งทาง ( วัด ) และจิตวิสัย ( โดยอาศัยการตัดสิน )