Even though virtually all vegetable

Even though virtually all vegetables contain a wide variety of phytonutrients—including flavonoids and carotenoids—spinach can claim a special place among vegetables in terms of its phytonutrient content. Researchers have identified more than a dozen different flavonoid compounds in spinach that function as anti-inflammatory and anti-cancer agents. (Some of these substances fall into a technical category of flavonoids known as methylenedioxyflavonol glucuronides.) The anticancer properties of these spinach flavonoids have been sufficiently impressive to prompt researchers to create specialized spinach extracts that could be used in controlled laboratory studies. These spinach extracts have been shown to slow down cell division in human stomach cancer cells (gastric adenocarcinomas), and in studies on laboratory animals, to reduce skin cancers (skin papillomas). A study on adult women living in New England in the late 1980s also showed intake of spinach to be inversely related to incidence of breast cancer.

Excessive inflammation, of course, typically emerges as a risk factor for increased cancer risk. (That's why many anti-inflammatory nutrients can also be shown to have anti-cancer properties.) But even when unrelated to cancer, excessive inflammation has been shown to be less likely following consumption of spinach. Particularly in the digestive tract, reduced inflammation has been associated not only with the flavonoids found in spinach, but also with its carotenoids. Neoxanthin and violaxanthin are two anti-inflammatory epoxyxanthophylls that are found in plentiful amounts in the leaves of spinach. While these unique carotenoids may not be as readily absorbed as carotenoids like beta-carotene or lutein, they still play an important role in regulation of inflammation and are present in unusual amounts in spinach.

Decreased risk of aggressive prostate cancer is one health benefit of spinach consumption that should not be overlooked when talking about the anti-cancer properties of spinach. "Aggressive prostate cancer" is defined as stage III or IV prostate cancer which carries with it a Gleason score of at least 7. (Gleason scores are prostate cancer rating measurements that require lab studies of prostate tissue and evaluation of common tumor-related patterns.) Interestingly, in a recent study that evaluated possible prostate cancer-prevention benefits from a variety of vegetables including spinach, broccoli, cauliflower, cabbage, Brussels sprouts, mustard and turnip greens, collards, and kale — only spinach showed evidence of significant protection against the occurrence of aggressive prostate cancer.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แม้ว่าผักแทบทุกประกอบด้วยความหลากหลายของสารอาหารจากพืชเช่น flavonoids และ carotenoids — ผักโขมสามารถอ้างได้ว่า เป็นสถานที่พิเศษในผักในเนื้อหา phytonutrient นักวิจัยได้ระบุสารประกอบ flavonoid ที่แตกต่างกันมากกว่าโหลในผักโขมที่ทำงานเป็นตัวแทนแก้อักเสบ และป้องกันมะเร็ง (บางส่วนของสารเหล่านี้ตกอยู่ในประเภทเทคนิคของ flavonoids ที่เรียกว่า methylenedioxyflavonol glucuronides) คุณสมบัติ anticancer ของ flavonoids นี้ผักโขมได้น่าประทับใจพอให้นักวิจัยสร้างสารสกัดจากผักขมเฉพาะที่สามารถใช้ในการศึกษาปฏิบัติการควบคุม สารสกัดจากผักขมเหล่านี้ได้รับการแสดงเพื่อชะลอการแบ่งเซลล์ ในเซลล์มะเร็งกระเพาะมนุษย์ (adenocarcinomas ในกระเพาะอาหาร), และการศึกษาในห้องปฏิบัติการสัตว์ ลดมะเร็งผิวหนัง (ผิว papillomas) การศึกษาผู้ใหญ่ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในนิวอิงแลนด์ในปลายทศวรรษ 1980 ยังแสดงให้เห็นว่าการบริโภคผักขม inversely เกี่ยวข้องกับอุบัติการณ์ของมะเร็งเต้านมอักเสบมากเกินไป แน่นอน โดยทั่วไปขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับความเสี่ยงของโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น (จึงยังสามารถแสดงสารอาหารแก้อักเสบมากจะมีคุณสมบัติป้องกันมะเร็งได้) แต่แม้ไม่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง อักเสบมากเกินไปได้รับการแสดงเพื่อให้ปริมาณการใช้ต่อไปนี้แนวโน้มน้อยลงของผักโขม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางเดินอาหาร ลดการอักเสบมีการเชื่อมโยงไม่เพียง แต่ มี flavonoids ที่พบในผักโขม แต่ยัง มีของ carotenoids Neoxanthin และ violaxanthin ได้ epoxyxanthophylls แก้อักเสบสองที่พบในอุดมสมบูรณ์จำนวนในใบผักโขม ขณะ carotenoids เฉพาะเหล่านี้อาจไม่ได้เป็นพร้อมดูดเป็น carotenoids เช่น beta-carotene หรือลูทีน พวกเขายังคงมีบทบาทสำคัญในการควบคุมของ กอยู่ในยอดเงินที่ผิดปกติในผักโขมลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากที่ก้าวร้าวเป็นหนึ่งสุขภาพประโยชน์ของการใช้ผักขมที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อพูดคุยเกี่ยวกับคุณสมบัติป้องกันมะเร็งผักขม "มะเร็งต่อมลูกหมากเชิงรุก" ถูกกำหนดเป็นระยะ III หรือ IV ต่อมลูกหมากมะเร็งซึ่งดำเนินด้วยคะแนน Gleason น้อย 7 (Gleason คะแนนจะประเมินจัดอันดับโรคมะเร็งต่อมลูกหมากที่ต้องการศึกษาในห้องปฏิบัติการของเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากและการประเมินผลของรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับเนื้องอกทั่วไป) เรื่องน่าสนใจในการศึกษาล่าสุดที่ประเมินประโยชน์ต่อมลูกหมากสามารถป้องกันมะเร็งจากผักทั้งผักโขม บรอกโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี กะหล่ำ ผักกาดและหัวผักกาด collards และคะน้า โดยเฉพาะผักโขมที่พบหลักฐานสำคัญป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากที่ก้าวร้าว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ถึงแม้ว่าผักแทบทั้งหมดมีความหลากหลายของสารอาหารรวมทั้ง flavonoids และ carotenoids-ผักโขมสามารถเรียกร้องเป็นสถานที่พิเศษของผักในแง่ของเนื้อหา phytonutrient ของ นักวิจัยได้ระบุมากกว่าหนึ่งโหลสาร flavonoid แตกต่างกันในผักโขมที่ทำงานเป็นต้านการอักเสบและสารต้านมะเร็ง (บางส่วนของสารเหล่านี้ตกอยู่ในหมวดหมู่ของ flavonoids ทางเทคนิคที่รู้จักกันเป็น glucuronides methylenedioxyflavonol.) คุณสมบัติต้านมะเร็งของ flavonoids ผักขมเหล่านี้ได้รับที่น่าประทับใจพอที่จะแจ้งให้นักวิจัยในการสร้างสารสกัดจากผักโขมเฉพาะที่สามารถนำมาใช้ในการศึกษาในห้องปฏิบัติการควบคุม สารสกัดจากผักขมเหล่านี้ได้รับการแสดงที่จะชะลอตัวลงการแบ่งเซลล์ในเซลล์มะเร็งกระเพาะอาหารของมนุษย์ (กระเพาะอาหาร adenocarcinomas) และในการศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ทดลองเพื่อลดการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง (papillomas ผิวหนัง) การศึกษาผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในนิวอิงแลนด์ในช่วงปลายปี 1980 ยังแสดงให้เห็นปริมาณของผักโขมจะเกี่ยวข้องแปรผกผันกับอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเต้านม. การอักเสบมากเกินไปแน่นอนมักจะโผล่ออกมาเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับความเสี่ยงโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น (นั่นเป็นเหตุผลที่หลายสารอาหารที่ต้านการอักเสบนอกจากนี้ยังสามารถแสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง.) แต่แม้ในขณะที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งการอักเสบมากเกินไปได้รับการแสดงที่จะมีโอกาสน้อยที่ดังต่อไปนี้การบริโภคผักขม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางเดินอาหารอักเสบลดลงได้รับการเชื่อมโยงไม่เพียง แต่มี flavonoids ที่พบในผักขม แต่ยังมีนอยด์ของ Neoxanthin และ violaxanthin สอง epoxyxanthophylls ต้านการอักเสบที่พบในปริมาณที่อุดมสมบูรณ์ในใบของผักขม ในขณะที่นอยด์ที่ไม่ซ้ำกันเหล่านี้อาจไม่เป็นไปตามที่ดูดซึมได้อย่างง่ายดายในขณะที่นอยด์เช่นเบต้าแคโรทีนหรือลูทีนพวกเขายังคงมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการอักเสบและมีอยู่ในปริมาณที่ผิดปกติในผักขม. ความเสี่ยงที่ลดลงของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากก้าวร้าวเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นหนึ่งในผักโขม การบริโภคที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อพูดคุยเกี่ยวกับคุณสมบัติต้านมะเร็งของผักขม "มะเร็งต่อมลูกหมากก้าวร้าว" หมายถึงขั้นตอนที่สามหรือสี่มะเร็งต่อมลูกหมากซึ่งเป็นผู้ที่มีคะแนน Gleason อย่างน้อย 7 (คะแนน Gleason เป็นค่าที่วัดคะแนนมะเร็งต่อมลูกหมากที่จำเป็นต้องมีการศึกษาในห้องปฏิบัติการของเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากและการประเมินผลของรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับเนื้องอกที่พบบ่อย ) ที่น่าสนใจในการศึกษาล่าสุดที่ได้รับการประเมินผลประโยชน์ที่ต่อมลูกหมากเป็นไปได้ที่โรคมะเร็งการป้องกันจากความหลากหลายของผักรวมทั้งผักโขมบรอกโคลีกะหล่ำดอกกะหล่ำปลีกะหล่ำปลีผักกาดและหัวผักกาดเขียว, collards และผักคะน้า - ผักขมเพียงแสดงให้เห็นหลักฐานของการป้องกันอย่างมีนัยสำคัญกับ การเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากก้าวร้าว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แม้ว่าผักเกือบทั้งหมดมีความหลากหลายของ phytonutrients รวมทั้ง flavonoids และ carotenoids ผักโขมสามารถเรียกร้องสถานที่พิเศษของผักในแง่เนื้อหา phytonutrient . นักวิจัยได้ระบุมากกว่าหนึ่งโหลที่แตกต่างกัน สารฟลาโวนอยด์ในผักโขม ฟังก์ชันที่เป็นต้านการอักเสบและต้านมะเร็งแทน( บางส่วนของ สารเหล่านี้ตกอยู่ในประเภททางเทคนิคของ flavonoids เรียกว่า methylenedioxyflavonol glucuronides ) ฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็งสรรพคุณของผักโขมเหล่านี้ได้รับเพียงพอที่น่าประทับใจเพื่อให้นักวิจัยเพื่อสร้างผู้เชี่ยวชาญผักโขม สารสกัดที่สามารถใช้ควบคุมการศึกษาทางห้องปฏิบัติการสารสกัดจากผักโขมเหล่านี้ได้รับการแสดงเพื่อชะลอการแบ่งเซลล์ในเซลล์มะเร็งกระเพาะมนุษย์ ( adenocarcinomas กระเพาะอาหาร ) และในการศึกษาในสัตว์ทดลอง เพื่อลดการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ( papillomas ผิว ) การศึกษาผู้ใหญ่ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในอังกฤษในช่วงปลายทศวรรษ 1980 มีการบริโภคผักขมเป็นตรงกันข้ามที่เกี่ยวข้องกับอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเต้านม .

มากเกินไปการอักเสบแน่นอนโดยปกติจะเป็นปัจจัยเสี่ยงเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง . ( นั่นคือเหตุผลที่หลายรังแก้อักเสบ นอกจากนี้ยังสามารถแสดงให้เห็นคุณสมบัติ ต้านมะเร็ง ) แต่แม้ไม่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง , การอักเสบที่มากเกินไปได้รับการแสดงเพื่อให้น้อยลงตามการบริโภคผักขม โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร ,ลดการอักเสบ มีความสัมพันธ์ที่ไม่เพียง แต่กับฟลาโวนอยด์ที่พบในผักโขม แต่ยัง มีแคโรทีนอยด์ . และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ epoxyxanthophylls นีโอแซนทินไวโอลาแซนทินสองที่พบในมากมายยอดเงินในใบผักโขม ในขณะที่แคโรทีนอยด์ที่ไม่ซ้ำกันเหล่านี้อาจจะดูดซึมได้อย่างง่ายดายเป็นแคโรทีนอยด์ เช่น เบต้าแคโรทีน หรือ lutein ,พวกเขายังคงมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการอักเสบและเป็นปัจจุบันในปริมาณที่ผิดปกติในผักโขม

ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากก้าวร้าวเป็นหนึ่งสุขภาพประโยชน์ของการบริโภคผักที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อพูดถึงคุณสมบัติต้านมะเร็งของผักขม" มะเร็งต่อมลูกหมากก้าวร้าว " หมายถึงระยะ III หรือ IV มะเร็งต่อมลูกหมากซึ่งประกอบกับมันกลีสันคะแนนอย่างน้อย 7 ( มะเร็งต่อมลูกหมากกลีสันคะแนนอันดับวัดที่ต้องใช้ห้องปฏิบัติการการศึกษาเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากเนื้องอกธรรมดาและการประเมินผลที่เกี่ยวข้องรูปแบบ ) น่าสนใจในการศึกษาล่าสุดที่ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากและได้รับประโยชน์จากความหลากหลายของผัก ได้แก่ ผักโขม คะน้า กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี กะหล่ำปลี ผักกาด ผักกาด ผัก คะน้า ผักโขม เท่านั้น - ค ลาร์ด และพบหลักฐานสำคัญของการต่อต้านการ เกิดมะเร็งต่อมลูกหมากก้าวร้าว