I am arguing that this approach to

I am arguing that this approach to learning envisages the transmission of knowl knowledge
as being profoundly social and impacting upon identity. The focus on identity
allows a reflexive approach whereby learning is more than a set of competencies or
accolades, it is around growth and change of the self. Learning here gradually
increases with participation in a ‘community of practice’. Much early work by Lave
and Wenger (1991) focuses on informal learning contexts such as learning as apprenticeship,
learners in settings as diverse as Mexican Yucutan midwives to American
meat cutters. The work has been further theorised across formal settings. There is a
large body of work which explores adult learners (e.g. Stacey, Smith, and Barty 2004);
online communities (e.g. Schlager, Fusco, and Shank 2002); school-based learning
communities (Hung 2002); school teachers learning (Hodkinson and Hodkinson
2003); and much on learning in workplaces. This approach broadly situates learning
in certain forms of social co-participation, challenging intellectualist theories which
posit learning predominantly within an individual mind.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กำลังโต้เถียงว่า วิธีการเรียนรู้นี้ envisages ส่งความรู้ knowlเป็นการซึ้งทางสังคม และผลกระทบต่อเมื่อรหัสประจำตัว เน้นเอกลักษณ์ทำให้วิธีการสะท้อนกลับโดยเรียนเป็นชุดของความสามารถมากกว่า หรือaccolades ได้เจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของตนเอง เรียนที่นี่ค่อย ๆเพิ่มขึ้น ด้วยการเข้าร่วมใน 'ชุมชนฝึก' งานมากช่วง โดย Laveและ Wenger (1991) เน้นบริบทเป็นการเรียนรู้เช่นเรียนรู้เป็นการฝึกงานผู้เรียนในการตั้งค่าที่มีความหลากหลายเป็น midwives Yucutan เม็กซิกันกับอเมริกันเนื้อใบมีด Theorised ทำงานผ่านทางการตั้งค่าเพิ่มเติม ไม่มีการร่างกายขนาดใหญ่ของผลงานผู้ใหญ่ (เช่นโชแช สมิธ และ Barty 2004);ชุมชนออนไลน์ (เช่น Schlager, Fusco และจำพวก 2002); เรียนที่โรงเรียนชุมชน (ฮัง 2002); ครูโรงเรียนเรียน (Hodkinson และ Hodkinson2003); และอื่น ๆ ในการเรียนรู้ในการทำงาน วิธีการนี้อย่างกว้างขวางอยู่ที่เรียนรู้ในบางรูปแบบของสังคมมีส่วนร่วมร่วม ท้าทายทฤษฎี intellectualist ซึ่งposit เรียนรู้ส่วนใหญ่ภายในจิตใจแต่ละตัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฉันกำลังเถียงกันว่าวิธีการที่จะเรียนรู้นี้ envisages การส่งผ่านของความรู้ knowl
เป็นอย่างสุดซึ้งส่งผลกระทบต่อสังคมและเมื่อตัวตน มุ่งเน้นไปที่ตัวตนช่วยให้วิธีการสะท้อนโดยการเรียนรู้ที่เป็นมากกว่าชุดของความสามารถหรือได้รับเกียรติมันเป็นรอบการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง การเรียนรู้ที่นี่ค่อยๆเพิ่มการมีส่วนร่วมในชุมชนของการปฏิบัติ ' งานแรกมากโดย Lave และเวนเกอร์ (1991) มุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้บริบททางการเช่นการเรียนรู้การฝึก, เรียนในการตั้งค่าความหลากหลายเป็นผดุงครรภ์ Yucutan เม็กซิกันอเมริกันตัดเนื้อ การทำงานเป็นมหาเศรษฐีต่อไปทั่วการตั้งค่าอย่างเป็นทางการ มีความเป็นตัวใหญ่ของการทำงานซึ่งสำรวจนักศึกษาผู้ใหญ่ (เช่น Stacey สมิ ธ และบาร์ตี้ 2004); ชุมชนออนไลน์ (เช่น Schlager, Fusco และหน้าแข้ง 2002); การเรียนรู้ในโรงเรียนชุมชน (Hung 2002); ครูในโรงเรียนการเรียนรู้ (Hodkinson และ Hodkinson 2003); และมากในการเรียนรู้ในสถานที่ทำงาน วิธีการนี้จะตั้งอยู่ในวงกว้างการเรียนรู้ในรูปแบบบางอย่างของสังคมร่วมการมีส่วนร่วมที่ท้าทายทฤษฎี intellectualist ซึ่งวางตัวการเรียนรู้ส่วนใหญ่ที่อยู่ในแต่ละใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผมเถียงว่าวิธีการนี้เพื่อการเรียนรู้ให้ส่ง
ความรู้ knowl เป็นลึกซึ้งทางสังคมและผลกระทบต่อสถานะ เน้นเอกลักษณ์
ช่วยให้วิธีการสะท้อนโดยการเรียนรู้เป็นมากกว่าชุดของความสามารถหรือ
มาแล้ว อยู่แถวๆ การเจริญเติบโต และการเปลี่ยนแปลงของตนเอง มาเรียนรู้ค่อยๆ
เพิ่มขึ้นกับการมีส่วนร่วมในชุมชนของการปฏิบัติ "งานแรกมาก โดยล้าง
และเวนเกอร์ ( 1991 ) เน้นการเรียนรู้นอกบริบท เช่น การเรียนรู้ของผู้เรียนในการฝึกหัด
, อย่างหลากหลาย เช่น หมอตำแย yucutan เม็กซิกันที่จะตัดเนื้ออเมริกัน

งานที่ได้รับต่อไป theorised ข้ามการตั้งค่าอย่างเป็นทางการ มี
ตัวใหญ่ของงานซึ่งสำรวจผู้ใหญ่ ( เช่น สเตซี่ สมิธ และบาร์ตี้ 2004 ) ;
( เช่น schlager ออนไลน์ชุมชน ,ฟัสโก้ และขา 2002 ) ;
ชุมชนการเรียนรู้ในโรงเรียน ( แขวน 2002 ) ; ครูโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ ( ฮอดคินสันฮอดคินสัน
และ 2003 ) ; และมากในการเรียนรู้ในสถานประกอบการ วิธีการนี้ซึ่งตั้งอยู่ที่การเรียนรู้
ในรูปแบบบางอย่างของการมีส่วนร่วมทางสังคม Co , ท้าทาย intellectualist ทฤษฎีที่เด่นภายในจัดลำดับการเรียนรู้
จิตใจของแต่ละบุคคล