การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยทางด้านประชากรศาสตร์ของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร โดยจำแนกตามเพศ อายุ วุฒิการศึกษา อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ที่มีผลต่อการรับรู้ความรับผิดชอบต่อสังคม และความคิดเห็นต่อภาพลักษณ์องค์การของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 วิธีการศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาแบบสืบค้น ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ตำรา และผลการศึกษาที่เกี่ยวข้อง และการศึกษาเชิงพรรณนา โดยใช้วิธีการสำรวจด้วยการใช้แบบสอบถามรวบรวมข้อมูล 457 ชุด จากประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณา ด้วยค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ด้วยค่า t-test F-test และ LSD ที่กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05

ผลการศึกษากลุ่มตัวอย่างปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี อาชีพพนักงานบริษัท / ลูกจ้างเอกชน มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 10,000 บาท

ระดับการรับรู้การดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์การ ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ด้านการเสียสละเพื่อสังคม ด้านจริยธรรม ด้านเศรษฐกิจ และด้านกฎหมาย อยู่ในระดับปานกลาง ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของการรับรู้การดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์การ จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า อายุ อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่แตกต่างกันมีผลต่อระดับการรับรู้การดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์การที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

ระดับความคิดเห็นต่อภาพลักษณ์องค์การทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ด้านคุณภาพและนวัตกรรมในการให้บริการ ความน่าเชื่อถือของช่อง 3 และการปฎิบัติขององค์การต่อผู้มีส่วนได้เสีย อยู่ในระดับมาก ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยระดับความคิดเห็นต่อภาพลักษณ์องค์การ จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า อายุ อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่แตกต่างกันมีผลต่อระดับการรับรู้การดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์การที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยทางด้านประชากรศาสตร์ของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครโดยจำแนกตามเพศอายุวุฒิการศึกษาอาชีพและรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่มีผลต่อการรับรู้ความรับผิดชอบต่อสังคมและความคิดเห็นต่อภาพลักษณ์องค์การของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 วิธีการศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาแบบสืบค้นด้วยการรวบรวมข้อมูลจากเอกสารตำราและผลการศึกษาที่เกี่ยวข้องและการศึกษาเชิงพรรณนาโดยใช้วิธีการสำรวจด้วยการใช้แบบสอบถามรวบรวมข้อมูล 457 ชุดจากประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณาด้วยค่าความถี่ร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติเชิงอนุมานด้วยค่า t-ทดสอบ F-test และ LSD ที่กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05ผลการศึกษากลุ่มตัวอย่างปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี อาชีพพนักงานบริษัท / ลูกจ้างเอกชน มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 10,000 บาท ระดับการรับรู้การดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์การ ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ด้านการเสียสละเพื่อสังคม ด้านจริยธรรม ด้านเศรษฐกิจ และด้านกฎหมาย อยู่ในระดับปานกลาง ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของการรับรู้การดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์การ จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า อายุ อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่แตกต่างกันมีผลต่อระดับการรับรู้การดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์การที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05ระดับความคิดเห็นต่อภาพลักษณ์องค์การทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ด้านคุณภาพและนวัตกรรมในการให้บริการ ความน่าเชื่อถือของช่อง 3 และการปฎิบัติขององค์การต่อผู้มีส่วนได้เสีย อยู่ในระดับมาก ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยระดับความคิดเห็นต่อภาพลักษณ์องค์การ จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า อายุ อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่แตกต่างกันมีผลต่อระดับการรับรู้การดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์การที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยจำแนกตามเพศอายุวุฒิการศึกษา อาชีพและรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 3 ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากเอกสารตำราและ ผลการศึกษาที่เกี่ยวข้องและการศึกษาเชิงพรรณนา 457 ชุดจากประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร ด้วยค่าความถี่ร้อยละค่าเฉลี่ยส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติเชิงอนุมานด้วยค่า t-test F-ทดสอบและ LSD ที่กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศ ชายมีอายุระหว่าง 31-40 ปีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีอาชีพ พนักงาน บริษัท / ลูกจ้างเอกชนมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ต่ำกว่า 10,000 ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการเสียสละเพื่อสังคมด้าน จริยธรรมด้านเศรษฐกิจและด้านกฎหมายอยู่ในระดับปานกลาง จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลพบว่าอายุ อาชีพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 3 ด้าน ความน่าเชื่อถือของช่อง 3 อยู่ในระดับมาก จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลพบว่าอายุ อาชีพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05