Qualitative research is concerned w

Qualitative research is concerned with nonstatistical methods of inquiry and analysis of social phenomena. It draws on an inductive process in which themes and categories emerge through analysis of data collected by such techniques as interviews, observations, videotapes, and case studies. Samples are usually small and are often purposively selected. Qualitative research uses detailed descriptions from the perspective of the research participants themselves as a means of examining specific issues and problems under study.

Qualitative research differs from quantitative research in that the latter is characterized by the use of large samples, standardized measures, a deductive approach, and highly structured interview instruments to collect data for hypothesis testing (Marlow, 1993). In contrast to qualitative research, in quantitative research easily quantifiable categories are typically generated before the study and statistical techniques are used to analyze the data collected. Both qualitative and quantitative research are designed to build knowledge; they can be used as complementary strategies.

DEFINITIONS
Qualitative research is referred to by a variety of terms, reflecting several research approaches. Field research is often used interchangeably with qualitative research to describe systematic observations of social behavior with no preconceived hypotheses to be tested (Rubin & Babbie, 1993). Hypotheses emerge from the observation and interpretation of human behavior, leading to further observations and the generation of new hypotheses for exploration.

Qualitative research is also referred to as naturalistic research or inquiry (Taylor, 1977) into everyday living. Direct observations are made of human behavior in everyday life. Drawing on symbolic interaction theory (Blumer, 1969), naturalistic researchers believe that gaining knowledge from sources that have “intimate familiarity” (Lofland, 1976) with an issue is far better than the “objective” distancing approach that supposedly characterizes quantitative approaches (Haworth, 1984). Zurcher (1983) used this technique as he examined such common occurrences as riding on an airplane or attending a football game.

Ethnography—a term more commonly associated with anthropology and sociology than with social work—is used in qualitative research to describe a field study of a particular site or population undertaken to better understand the culture from the perspective of that population. In ethnographic studies, teams of researchers collect data by observing and interviewing participants over time. Typically, field notes are taken and life histories and case studies are derived from extensive contact with the group under study. Examples of the ethnographic approach include Rainwater (1970) and Liebow (1967). Recently, social work researchers have used participant observation and interviews in such settings as residential treatment centers (Penzerro, 1992) and housing projects (Lein, 1994) to study foster care drift and persistent poverty.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การวิจัยเชิงคุณภาพจะเกี่ยวข้องกับวิธี nonstatistical การสอบถามและการวิเคราะห์ปรากฏการณ์ทางสังคม มันวาดบนกระบวนการเชิงอุปนัยซึ่งรูปแบบและประเภทเกิดผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวม โดยเทคนิคดังกล่าวสัมภาษณ์ สังเกต videotapes และกรณีศึกษา ตัวอย่างมีขนาดเล็กมักจะ และ purposively มักจะเลือก การวิจัยเชิงคุณภาพใช้รายละเอียดคำอธิบายจากมุมมองของผู้เข้าร่วมวิจัยเองเป็นวิธีการตรวจสอบปัญหาเฉพาะ และศึกษาปัญหาภายใต้การวิจัยเชิงคุณภาพแตกต่างจากการวิจัยเชิงปริมาณที่หลังมีลักษณะการใช้ของตัวอย่างขนาดใหญ่ มาตรการมาตรฐาน วิธี deductive และสูงโครงสร้างเครื่องมือการสัมภาษณ์เพื่อรวบรวมข้อมูลสมมติฐานที่ทดสอบ (ลิตี้มาร์โลว์ 1993) ตรงข้ามการวิจัยเชิงคุณภาพ วิจัยเชิงปริมาณ ประเภทวัดปริมาณได้ง่ายโดยทั่วไปสร้างขึ้นก่อนการศึกษา และมีใช้เทคนิคทางสถิติเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวม ออกแบบเพื่อสร้างความรู้ วิจัยทั้งเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ พวกเขาสามารถใช้เป็นกลยุทธ์เพิ่มเติมข้อกำหนด การวิจัยเชิงคุณภาพจะถูกอ้างถึง ด้วยความหลากหลายของเงื่อนไข สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการวิจัยหลาย วิทยามักใช้สลับกันกับการวิจัยเชิงคุณภาพเพื่ออธิบายระบบสังเกตพฤติกรรมทางสังคมกับสมมุติฐานไม่เข้าใจจะ ทดสอบ (Rubin และ Babbie, 1993) สมมุติฐานที่เกิดขึ้นจากการสังเกตและตีความพฤติกรรมมนุษย์ การนำไปสู่ข้อสังเกตเพิ่มเติมและการสร้างสมมุติฐานใหม่สำหรับการสำรวจนอกจากนี้ยังได้อ้างถึงการวิจัยเชิงคุณภาพวิจัย naturalistic หรือสอบถาม (Taylor, 1977) ในชีวิตประจำวัน สังเกตตรงที่ทำจากมนุษย์ในชีวิตประจำวัน วาดบนสัญลักษณ์โต้ตอบทฤษฎี (Blumer, 1969), naturalistic นักวิจัยเชื่อว่ารู้ว่าอ้วนจากแหล่งที่มี "ความคุ้นเคยใกล้ชิด" (Lofland, 1976) มีประเด็นจะดีกว่า "วัตถุประสงค์" distancing วิธีที่คาดคะเนระบุลักษณะของวิธีการเชิงปริมาณ (แฮร์เวิร์ด 1984) Zurcher (1983) ใช้เทคนิคนี้เป็นเขาตรวจสอบดังกล่าวเกิดขึ้นทั่วไปบนเครื่องบิน หรือเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชาติพันธุ์วรรณนา – คำที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยาและสังคมวิทยามากกว่างานสังคมบ่อยซึ่งใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพเพื่ออธิบายการศึกษาฟิลด์เฉพาะไซต์หรือประชากรดำเนินการเข้าใจวัฒนธรรมจากมุมมองของประชากรที่ ในการศึกษา ethnographic ทีมวิจัยเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการสังเกต และการสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนตัวของผู้เรียนในช่วงเวลา โดยปกติ ฟิลด์บันทึกถูกนำ และมาจากการติดต่ออย่างละเอียดกับกลุ่มภายใต้การศึกษาประวัติชีวิตและกรณีศึกษา ตัวอย่างของวิธี ethnographic รวมแบบสายฝน (1970) และ Liebow (1967) ล่าสุด นักวิจัยสังคมสงเคราะห์ใช้ผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์และการสัมภาษณ์ในการตั้งค่าเป็นศูนย์การรักษาที่อยู่อาศัย (Penzerro, 1992) ดังกล่าวและโครงการที่อยู่อาศัย (Lein, 1994) การศึกษาปกครองดริฟท์และความยากจนแบบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การวิจัยเชิงคุณภาพที่เกี่ยวข้องกับวิธีการที่ไม่ใช้สถิติของสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและการวิเคราะห์ปรากฏการณ์ทางสังคม มันดึงในขั้นตอนการอุปนัยซึ่งรูปแบบและประเภทโผล่ออกมาผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยเทคนิคเช่นการสัมภาษณ์การสังเกต, วิดีโอเทปและกรณีศึกษา ตัวอย่างที่มักจะมีขนาดเล็กและมักจะเลือกแบบเจาะจง การวิจัยเชิงคุณภาพใช้คำอธิบายรายละเอียดจากมุมมองของผู้เข้าร่วมการวิจัยที่ตัวเองเป็นวิธีการตรวจสอบปัญหาเฉพาะและปัญหาภายใต้การศึกษา. การวิจัยเชิงคุณภาพแตกต่างจากการวิจัยเชิงปริมาณในการที่หลังเป็นลักษณะการใช้ของกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่มาตรการมาตรฐานวิธีนิรนัย และมีโครงสร้างสูงเครื่องมือสัมภาษณ์เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการทดสอบสมมติฐาน (มาร์โลว์, 1993) ในทางตรงกันข้ามกับการวิจัยเชิงคุณภาพในการวิจัยเชิงปริมาณได้อย่างง่ายดายประเภทเชิงปริมาณจะถูกสร้างขึ้นโดยปกติก่อนที่จะศึกษาและเทคนิคทางสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวม ทั้งการวิจัยเชิงปริมาณและคุณภาพได้รับการออกแบบเพื่อสร้างความรู้ พวกเขาสามารถนำมาใช้เป็นกลยุทธ์ที่สมบูรณ์. คำจำกัดความของการวิจัยเชิงคุณภาพจะเรียกว่าด้วยความหลากหลายของเงื่อนไขที่สะท้อนให้เห็นถึงวิธีการวิจัยหลาย การวิจัยภาคสนามมักจะใช้สลับกันได้กับการวิจัยเชิงคุณภาพเพื่ออธิบายระบบการสังเกตพฤติกรรมทางสังคมที่มีสมมติฐานอุปาทานที่จะได้รับการทดสอบ (รูบิน & Babbie, 1993) สมมติฐานโผล่ออกมาจากการสังเกตและการตีความพฤติกรรมของมนุษย์นำไปสู่การส่งเสริมการสังเกตและการสร้างสมมติฐานใหม่สำหรับการสำรวจ. การวิจัยเชิงคุณภาพก็จะเรียกว่าการวิจัยเป็นธรรมชาติหรือสอบถามรายละเอียด (เทย์เลอร์, 1977) ลงในชีวิตประจำวัน สังเกตตรงที่ทำจากพฤติกรรมของมนุษย์ในชีวิตประจำวัน วาดในทฤษฎีปฏิสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ (Blumer, 1969) นักวิจัยเชื่อว่าธรรมชาติดึงดูดความรู้จากแหล่งที่มาที่มี "ความคุ้นเคยใกล้ชิด" (Lofland, 1976) ที่มีปัญหาจะดีกว่า "วัตถุประสงค์" ปลีกตัววิธีการที่คาดคะเนลักษณะวิธีการเชิงปริมาณ (เวิร์ ธ , 1984) Zurcher (1983) ที่ใช้เทคนิคนี้ในขณะที่เขาตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วไปเช่นขี่บนเครื่องบินหรือเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล. ชาติพันธุ์วรรณนา-ระยะธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยาและสังคมวิทยากว่าสังคมจะทำงานที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพในการอธิบายถึงการศึกษาข้อมูล ของเว็บไซต์โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรหรือดำเนินการเพื่อทำความเข้าใจวัฒนธรรมจากมุมมองของประชากรที่ ในการศึกษาชาติพันธุ์ทีมงานของนักวิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสังเกตและการสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมเมื่อเวลาผ่านไป โดยปกติแล้วการบันทึกข้อมูลที่นำมาและประวัติชีวิตและกรณีศึกษาที่จะได้มาจากการติดต่อกว้างขวางกับกลุ่มภายใต้การศึกษา ตัวอย่างของวิธีการชาติพันธุ์รวมถึงน้ำฝน (1970) และ Liebow (1967) เมื่อเร็ว ๆ นี้นักวิจัยที่ทำงานเพื่อสังคมได้ใช้การสังเกตและการสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมในการตั้งค่าเช่นศูนย์การรักษาที่อยู่อาศัย (Penzerro, 1992) และโครงการที่อยู่อาศัย (Lein, 1994) ในการศึกษาดริฟท์อุปการะเลี้ยงดูและความยากจนถาวร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยเชิงคุณภาพที่เกี่ยวข้องกับวิธีการ nonstatistical การวิเคราะห์สอบถามและปรากฏการณ์ทางสังคม มันวาดในแบบกระบวนการที่รูปแบบและประเภทโผล่ออกมาผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิค เช่น การสัมภาษณ์ การสังเกต วีดีโอเทป และกรณีศึกษา ตัวอย่างมักจะมีขนาดเล็กและมักจะมีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจงการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้รายละเอียดจากมุมมองของผู้เข้าร่วมการศึกษาวิจัยเองเป็นวิธีการตรวจสอบปัญหาเฉพาะและปัญหาการศึกษา .

การวิจัยเชิงคุณภาพแตกต่างจากการวิจัยเชิงปริมาณที่หลังจะโดดเด่นด้วยการใช้ขนาดใหญ่ ตัวอย่าง มาตรฐาน มาตรการ วิธีการนิรนัย ,และแบบสัมภาษณ์เพื่อเก็บข้อมูลสูงเครื่องมือในการทดสอบสมมติฐาน ( มาร์โลว์ , 1993 ) ในทางตรงกันข้ามกับการวิจัยเชิงคุณภาพ การวิจัยเชิงปริมาณที่สามารถวัดได้อย่างง่ายดายในประเภทมักจะสร้างขึ้นก่อนการศึกษาและเทคนิคทางสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล . ทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความรู้พวกเขาสามารถใช้เป็นกลยุทธ์เสริม

ความหมาย
วิจัยถูกเรียกโดยความหลากหลายของเงื่อนไขที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการวิจัยหลาย การวิจัยภาคสนามมักจะใช้สลับกับการวิจัยเชิงคุณภาพเพื่ออธิบายอย่างเป็นระบบ การสังเกตพฤติกรรมทางสังคมด้วยไม่มีอุปาทานสมมติฐานที่จะทดสอบ ( รูบิน& babbie , 1993 )และโผล่ออกมาจากการสังเกตและตีความพฤติกรรมมนุษย์ ที่นำไปสู่การสังเกตเพิ่มเติม และการสร้างสมมติฐานใหม่สำหรับการสำรวจ

การวิจัยเชิงคุณภาพเป็นยังเรียกว่าดงานวิจัยหรือสอบถาม ( Taylor , 1977 ) ในชีวิตประจำวัน . การสังเกตโดยตรงจะทำให้พฤติกรรมของมนุษย์ในชีวิตประจําวัน การวาดภาพบนทฤษฎีปฏิสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ ( บลูเมอร์ , 1969 )นักวิจัยเชื่อว่า ความรู้สู่ดจากแหล่งที่มี " สนิทสนมคุ้นเคย " ( lofland , 1976 ) กับปัญหาดีกว่า " วัตถุประสงค์ " ตีตัวออกห่างวิธีการคาดคะเน characterizes วิธีเชิงปริมาณ ( เวิร์ธ , 1984 ) เซอร์เคอร์ ( 1983 ) ที่ใช้เทคนิคนี้เป็นเช่นเหตุการณ์ที่เขาตรวจพบขี่บนเครื่องบิน หรือ เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล

ในระยะ ethnography-a ทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับมานุษยวิทยาและสังคมวิทยากับสังคมสงเคราะห์จะใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพเพื่ออธิบายด้านการศึกษาโดยเฉพาะเว็บไซต์หรือประชากรปัญหาเพื่อเข้าใจวัฒนธรรมจากมุมมองของประชาชน ในด้านการศึกษา , ทีมของนักวิจัยเก็บข้อมูลโดยการสังเกตและสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมได้ตลอดเวลาโดยทั่วไป การบันทึกภาคสนามจะถ่ายและประวัติชีวิตและกรณีศึกษาที่ได้จากการติดต่อที่กว้างขวางกับ กลุ่มศึกษา ตัวอย่างของวิธีการชาติพันธุ์ ได้แก่ น้ำฝน ( 1970 ) และ liebow ( 1967 ) เมื่อเร็วๆ นี้ นักวิจัยได้ใช้งานทางสังคม การสังเกตแบบมีส่วนร่วมและการสัมภาษณ์ในการตั้งค่าเช่นศูนย์การรักษาที่อยู่อาศัย ( penzerro , 1992 ) และโครงการ ( lein ที่อยู่อาศัย ,1994 ) เพื่อศึกษาล่องลอยอุปถัมภ์และความยากจนแบบถาวร