ทุกวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน อเมริกันจะถือเป็นวันขอบคุณพระเจ้ การแปล - ทุกวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน อเมริกันจะถือเป็นวันขอบคุณพระเจ้ ไทย วิธีการพูด

ทุกวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกา



ทุกวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน อเมริกันจะถือเป็นวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) ชาวอเมริกันจะเลี้ยงฉลองขอบคุณพระเจ้าที่อวยพระพรพวกเขาทั้งหลายให้มีความสุขทั้งกายและ ใจตลอดปีที่ผ่านมา และเป็นวันที่สมาชิกครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้ากัน เพื่อรับประทานอาหารเย็น รวมทั้งพูดคุยถึงสิ่งที่ ต้องการขอบคุณพระเจ้า


วันขอบคุณพระเจ้า มีประวัติความเป็นมาเริ่มตั้งแต่การอพยพตั้งถิ่นฐานครั้งแรก ในอเมริกาในปี ค.ศ. 1620 เริ่มจากชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกตนเองว่า เพียวริแทนสฺ (Puritans) นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบ ศาสนาในประเทศอังกฤษซึ่งในยุคนั้นเป็นนิกาย เชิร์ชออฟอิงแลนด์ (Church of England) ให้เป็นไปตามความเชื่อ เน้นความเรียบง่ายไม่หรูหรา ผลปรากฏว่าพวกเพียวริแทนสฺ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จนในที่สุดได้ตัดสินใจ ตั้งศาสนจักรเป็นของตนเองเป็นเหตุให้เหล่าขุนนางอังกฤษไม่พอใจและเริ่มทำร้าย ประหัตประหารพวกเพียวริแทนสฺจนพวกเขาต้องหนีไปอยู่ ที่ประเทศฮอลแลนด์ซึ่งยังได้รับปัญหาอีกจากการถูกข่มเหงรังแก สืบเนื่องมาจากศาสนา นอกจากนี้พวกเขา ยังรู้สึกเสียใจที่ลูกหลานไม่พูดภาษาอังกฤษ แต่ไปพูดภาษาดัทช์แทน ทำให้พวกเขาคิด ย้ายถิ่นฐานอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้พวกเขานึกถึงการย้ายถิ่นฐานไปยังดินแดนที่ไม่มี ผู้ใดสามารถมายับยั้งหรือขัดขวางการนับถือ ศาสนาตามความเชื่อแะความศรัทธาของพวกเขา จึงตัดสินใจเดินทางกลับประเทศอังกฤษ จากนั้นกลุ่มเพียวริแทนสฺ พร้อมกับผู้โดยสาร อื่น ๆ ทั้งชายหญิงและเด็กจำนวน 102 คน บนเรือเมย์ลาวเวอร์ (Mayflower) ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่โลกใหม่และพวกเพียวริแทนสฺ เริ่มเรียกตัวเองว่าพิลกริม (Pilgrims) เนื่องมาจากการท่องหาดินแดนแห่งเสรีภาพทางศาสนานี้

ระหว่างการเดินทางโดยเรือในเดือนกันยายนเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดสำหรับการแล่นเรือข้ามมหาสมุทร อย่างไรก็ตามระหว่าง การเดินทางมีผู้เสียชีวิตเพียง 1 คนเท่านั้น และมีทารกแรกเกิด 1 คน ฉะนั้นจำนวนผู้โดยสารบนเรือยังคงมีจำนวนเท่าเดิม หลังจาก ใช้เวลาแล่นเรือประมาณ 65 วัน เรือเมย์ฟลาวเวอร์ มาจอดเทียบท่าที่ โพรวินซ์ทาวน์ฮาร์เบอร์ (Provincetown Harbor) ซึ่งอยู่ในปลายแหลมเคพคอด (Cape Cod) มลรัฐแมซซาชูเสท

ผู้นำกลุ่มเพียวริแทนสฺทั้งหลายทราบดีว่า เพื่อการอยู่รอดในสังคมทุก ๆ สังคมจำเป็นต้องมีกฎระเบียบสำหรับความประพฤติ อันเหมาะสม ดังนั้นผู้ชายประมาณ 41 คนที่อยู่บนเรือเมย์ฟลาวเวอร์ประชุมเลือกผู้ว่าการรัฐคนแรก (The first governor) และเซ็นสัญญาเมย์ฟลาวเวอร์ (The Mayflower Compact) ซึ่งเป็นข้อตกลงทางการข้อแรกสำหรับการปกครอง ตนเองในประเทศอเมริกา
หลังจากกลุ่มพิลกริมได้ใช้ชีวิตบนเรือประมาณ 1 เดือนและส่งผู้ชายกลุ่มเล็กกลุ่มหนึ่งออกไปสำรวจชายฝั่งอ่าวเคพคอด และเมืองพลีมัธ (Plymouth) พวกผู้ช่วยได้พบท่าเรือแห่งหนึ่งซึ่งมีทรัพยากรสมบูรณ์มากเหมาะต่อการเพาะปลูกและการประมงจึงกลับไปที่เรือรายงานสิ่งที่พวกเขาได้ค้นพบ อีก 2-3 วัน ต่อมาพวกพิลกริมแล่นเรือเมย์ฟลาวเวอร์ข้ามอ่าวเคพคอดไปยังท่าเรือพลีมัธ และลงเรือเล็กมาเทียบที่ชายฝั่ง บนหินก้อนใหญ่ ก้อนหนึ่ง ในภายหลังหินก้อนนี้ได้รับการเรียกขานว่า หินพลีมัธ (Plymouth Rock) ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการตั้งถิ่นฐาน ถาวรครั้งที่สองของชาวอังกฤษในอเมริกา

เมื่อเวลาผ่านไปเข้าสู่ฤดูหนาว (Winter) พวกพิลกริมต้องเผชิญกับการต่อสู้ภัยธรรมชาติ ซึ่งยากที่จะรับมือได้เนื่องจาก ไม่คุ้นเคยและไม่ได้รับการฝึกฝนทนกับความหนาวเย็น การใช้ชีวิตในป่าดงพงไพรอันเต็มไปด้วยโรคต่าง ๆ การทำงานหนัก ตลอดจนอาหารมีไม่เพียงพอ พวกเขาจึงได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมากจนถูกคร่าชีวิตไปกว่าครึ่งหนึ่ง เมื่อสิ้นสุดฤดูหนาว จำนวนผู้รอดชีวิตเหลืออยู่แค่ 50 คนเท่านั้น ในเช้าวันหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิอันเป็นฤดูกาลถัดจากฤดูหนาว ชายชาวอินเดียนแดงคนหนึ่งเดินเข้ามาในหมู่บ้านเล็ก ๆ ของพลีมัธ และแนะนำตัวเองอย่างเป็นมิตรซึ่งในเวลาต่อมาเขาได้นำหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง ชื่อแมสซาซอยท์ (Massasoit) นำของกำนัลต่าง ๆ มามอบให้พวกพิลกริม และยังเสนอความช่วยเหลืออีกด้วย โดยสมาชิกในเผ่าของแมสซาซอยท์ได้สอนวิธีการล่าสัตว์ จับปลาและปลูกพืชให้กับพวกพิลกริม นอกจากนี้ยังสอนวิธีการใช้ปลา เป็นปุ๋ยสำหรับปลูกข้าวโพด (Corn) ฟักทอง (Pumpkins) และถั่ว (Beans) มีผลให้พวกพิลกริมสามารถเก็บเกี่ยว พืชผลได้อย่างดีมาก

ผู้ว่าการวิลเลี่ยม แบรดฟอร์ด (William Bradford) เจริญรอยตามแบบแผนประเพณีเก่าแก่ที่เคยปฏิบัติกันมา ได้กำหนดวันเพื่อขอบคุณพระเจ้าในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 1621 และยังได้ใช้โอกาสทางศาสนานี้สร้างสายสัมพันธ์ อันดีงามระหว่างพวกพิลกริม และเพื่อนบ้านชาวอินเดียนแดงเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้ผู้ว่าการวิลเลี่ยมจึงเชื้อเชิญหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง นายแมสซาซอยท์ และผู้กล้าของเขาให้มาร่วมงานสังสรรการเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้านี้ ซึ่งพวกอินเดียนแดงรับคำเชิญ ด้วยความยินดี และส่งเนื้อกวางมาร่วมงานเลี้ยง ชายฉกรรจ์พิลกริมทั้งหลายจึงออกไปล่าสัตว์ และกลับมายังที่พักพร้อมกับไก่งวง (Turkey) และสัตว์ป่าอื่นๆ ส่วนผู้หญิงเตรียมอาหารอร่อยๆ ซึ่งทำมาจากข้าวโพด ลูกเเครนเบอรี่ (Cranberry) ผลสควอช (Squash) และฟักทอง

อาหารมื้อเย็นสำหรับขอบคุณพระเจ้าครั้งแรกเสร็จเรียบร้อยและถูกนำมาเสริฟนอกบ้าน รวมทั้งกองไฟกองใหญ่ที่ก่อขึ้น เพื่อให้ผู้จัด (Hosts) และแขกผู้มาเยือน (Guests) รู้สึกอบอุ่นถึงแม้ว่าเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงก็ตามรวมจำนวน ของผู้มาร่วมงานเลี้ยงขอบคุณพระเจ้าครั้งแรกประมาณ 90 คน และการฉลองนี้ใช้เวลานานถึง 3 วัน ในวันแรกของงานเลี้ยง พวกอินเดียนแดงใช้เวลาหมดไปกับการกิน ส่วนวันที่สองและสามพวกเขาใช้เวลาต่อสู้แบบมวยปล้ำ วิ่งแข่ง ร้องเพลงและเต้นรำกับ คนหนุ่มสาวในอาณานิคมพลีมัธนับเป็นงานเลี้ยงที่ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง




0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ทุกวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนอเมริกันจะถือเป็นวันขอบคุณพระเจ้า (วันขอบคุณพระเจ้า) ชาวอเมริกันจะเลี้ยงฉลองขอบคุณพระเจ้าที่อวยพระพรพวกเขาทั้งหลายให้มีความสุขทั้งกายและใจตลอดปีที่ผ่านมาและเป็นวันที่สมาชิกครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้ากันเพื่อรับประทานอาหารเย็นรวมทั้งพูดคุยถึงสิ่งที่ต้องการขอบคุณพระเจ้าวันขอบคุณพระเจ้ามีประวัติความเป็นมาเริ่มตั้งแต่การอพยพตั้งถิ่นฐานครั้งแรกในอเมริกาในปีค.ศ. 1620 เริ่มจากชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกตนเองว่าเพียวริแทนสฺ (สศาสนิกชน) นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบศาสนาในประเทศอังกฤษซึ่งในยุคนั้นเป็นนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ (คริสตจักรของอังกฤษ) ให้เป็นไปตามความเชื่อเน้นความเรียบง่ายไม่หรูหราผลปรากฏว่าพวกเพียวริแทนสฺไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จนในที่สุดได้ตัดสินใจตั้งศาสนจักรเป็นของตนเองเป็นเหตุให้เหล่าขุนนางอังกฤษไม่พอใจและเริ่มทำร้ายประหัตประหารพวกเพียวริแทนสฺจนพวกเขาต้องหนีไปอยู่ที่ประเทศฮอลแลนด์ซึ่งยังได้รับปัญหาอีกจากการถูกข่มเหงรังแกสืบเนื่องมาจากศาสนานอกจากนี้พวกเขายังรู้สึกเสียใจที่ลูกหลานไม่พูดภาษาอังกฤษแต่ไปพูดภาษาดัทช์แทนทำให้พวกเขาคิดย้ายถิ่นฐานอีกครั้งซึ่งคราวนี้พวกเขานึกถึงการย้ายถิ่นฐานไปยังดินแดนที่ไม่มีผู้ใดสามารถมายับยั้งหรือขัดขวางการนับถือศาสนาตามความเชื่อแะความศรัทธาของพวกเขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับประเทศอังกฤษจากนั้นกลุ่มเพียวริแทนสฺพร้อมกับผู้โดยสารอื่นๆ ทั้งชายหญิงและเด็กจำนวน 102 คนบนเรือเมย์ลาวเวอร์ (Mayflower) ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่โลกใหม่และพวกเพียวริแทนสฺเริ่มเรียกตัวเองว่าพิลกริม (พิลกริมส์) เนื่องมาจากการท่องหาดินแดนแห่งเสรีภาพทางศาสนานี้ระหว่างการเดินทางโดยเรือในเดือนกันยายนเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดสำหรับการแล่นเรือข้ามมหาสมุทรอย่างไรก็ตามระหว่างการเดินทางมีผู้เสียชีวิตเพียง 1 คนเท่านั้นและมีทารกแรกเกิด 1 คนฉะนั้นจำนวนผู้โดยสารบนเรือยังคงมีจำนวนเท่าเดิมหลังจากใช้เวลาแล่นเรือประมาณ 65 วันเรือเมย์ฟลาวเวอร์มาจอดเทียบท่าที่โพรวินซ์ทาวน์ฮาร์เบอร์ (โพรวินซ์เทาวน์ Harbor) ซึ่งอยู่ในปลายแหลมเคพคอด (Cape Cod) มลรัฐแมซซาชูเสท ผู้นำกลุ่มเพียวริแทนสฺทั้งหลายทราบดีว่าเพื่อการอยู่รอดในสังคมทุกๆ สังคมจำเป็นต้องมีกฎระเบียบสำหรับความประพฤติอันเหมาะสมดังนั้นผู้ชายประมาณ 41 คนที่อยู่บนเรือเมย์ฟลาวเวอร์ประชุมเลือกผู้ว่าการรัฐคนแรก (ผู้ว่าราชการที่แรก) (The Mayflower Compact) และเซ็นสัญญาเมย์ฟลาวเวอร์ซึ่งเป็นข้อตกลงทางการข้อแรกสำหรับการปกครองตนเองในประเทศอเมริกา หลังจากกลุ่มพิลกริมได้ใช้ชีวิตบนเรือประมาณ 1 เดือนและส่งผู้ชายกลุ่มเล็กกลุ่มหนึ่งออกไปสำรวจชายฝั่งอ่าวเคพคอดและเมืองพลีมัธ (พลีมัธ) พวกผู้ช่วยได้พบท่าเรือแห่งหนึ่งซึ่งมีทรัพยากรสมบูรณ์มากเหมาะต่อการเพาะปลูกและการประมงจึงกลับไปที่เรือรายงานสิ่งที่พวกเขาได้ค้นพบอีก 2-3 วันต่อมาพวกพิลกริมแล่นเรือเมย์ฟลาวเวอร์ข้ามอ่าวเคพคอดไปยังท่าเรือพลีมัธและลงเรือเล็กมาเทียบที่ชายฝั่งบนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งในภายหลังหินก้อนนี้ได้รับการเรียกขานว่าหินพลีมัธ (พลีมัธร็อค) ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการตั้งถิ่นฐานถาวรครั้งที่สองของชาวอังกฤษในอเมริกา (ฤดูหนาว) เมื่อเวลาผ่านไปเข้าสู่ฤดูหนาวพวกพิลกริมต้องเผชิญกับการต่อสู้ภัยธรรมชาติซึ่งยากที่จะรับมือได้เนื่องจากไม่คุ้นเคยและไม่ได้รับการฝึกฝนทนกับความหนาวเย็นการใช้ชีวิตในป่าดงพงไพรอันเต็มไปด้วยโรคต่างๆ การทำงานหนักตลอดจนอาหารมีไม่เพียงพอพวกเขาจึงได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมากจนถูกคร่าชีวิตไปกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวจำนวนผู้รอดชีวิตเหลืออยู่แค่ 50 คนเท่านั้นในเช้าวันหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิอันเป็นฤดูกาลถัดจากฤดูหนาวชายชาวอินเดียนแดงคนหนึ่งเดินเข้ามาในหมู่บ้านเล็กๆ ของพลีมัธและแนะนำตัวเองอย่างเป็นมิตรซึ่งในเวลาต่อมาเขาได้นำหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงชื่อแมสซาซอยท์ (Massasoit) นำของกำนัลต่างๆ มามอบให้พวกพิลกริมและยังเสนอความช่วยเหลืออีกด้วยโดยสมาชิกในเผ่าของแมสซาซอยท์ได้สอนวิธีการล่าสัตว์จับปลาและปลูกพืชให้กับพวกพิลกริมนอกจากนี้ยังสอนวิธีการใช้ปลาเป็นปุ๋ยสำหรับปลูกข้าวโพด (ข้าวโพด) ฟักทอง (ฟักทอง) และถั่ว (ถั่ว) มีผลให้พวกพิลกริมสามารถเก็บเกี่ยวพืชผลได้อย่างดีมากผู้ว่าการวิลเลี่ยมแบรดฟอร์ด (วิลเลียมแบรดฟอร์ด) เจริญรอยตามแบบแผนประเพณีเก่าแก่ที่เคยปฏิบัติกันมาได้กำหนดวันเพื่อขอบคุณพระเจ้าในฤดูใบไม้ร่วงปีค.ศ. 1621 และยังได้ใช้โอกาสทางศาสนานี้สร้างสายสัมพันธ์อันดีงามระหว่างพวกพิลกริมและเพื่อนบ้านชาวอินเดียนแดงเหล่านั้นด้วยเหตุนี้ผู้ว่าการวิลเลี่ยมจึงเชื้อเชิญหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงนายแมสซาซอยท์และผู้กล้าของเขาให้มาร่วมงานสังสรรการเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้านี้ซึ่งพวกอินเดียนแดงรับคำเชิญด้วยความยินดีและส่งเนื้อกวางมาร่วมงานเลี้ยงชายฉกรรจ์พิลกริมทั้งหลายจึงออกไปล่าสัตว์และกลับมายังที่พักพร้อมกับไก่งวง (ตุรกี) และสัตว์ป่าอื่น ๆ ส่วนผู้หญิงเตรียมอาหารอร่อย ๆ ซึ่งทำมาจากข้าวโพดลูกเเครนเบอรี่ (Cranberry) ผลสควอช (สควอช) และฟักทองอาหารมื้อเย็นสำหรับขอบคุณพระเจ้าครั้งแรกเสร็จเรียบร้อยและถูกนำมาเสริฟนอกบ้านรวมทั้งกองไฟกองใหญ่ที่ก่อขึ้นเพื่อให้ผู้จัด (โฮสต์) และแขกผู้มาเยือน (ท่าน) รู้สึกอบอุ่นถึงแม้ว่าเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงก็ตามรวมจำนวนของผู้มาร่วมงานเลี้ยงขอบคุณพระเจ้าครั้งแรกประมาณ 90 คนและการฉลองนี้ใช้เวลานานถึง 3 วันในวันแรกของงานเลี้ยงพวกอินเดียนแดงใช้เวลาหมดไปกับการกินส่วนวันที่สองและสามพวกเขาใช้เวลาต่อสู้แบบมวยปล้ำวิ่งแข่งร้องเพลงและเต้นรำกับคนหนุ่มสาวในอาณานิคมพลีมัธนับเป็นงานเลี้ยงที่ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ทุกวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนอเมริกันจะถือเป็นวันขอบคุณพระเจ้า ( วันขอบคุณพระเจ้า ) ชาวอเมริกันจะเลี้ยงฉลองขอบคุณพระเจ้าที่อวยพระพรพวกเขาทั้งหลายให้มีความสุขทั้งกายและใจตลอดปีที่ผ่านมาและเป็นวันที่สมาชิกครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้ากันเพื่อรับประทานอาหารเย็นรวมทั ้งพูดคุยถึงสิ่งที่ต้องการขอบคุณพระเจ้าวันขอบคุณพระเจ้ามีประวัติความเป็นมาเริ่มตั้งแต่การอพยพตั้งถิ่นฐานครั้งแรกในอเมริกาในปีค . ศ . 1620 เริ่มจากชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกตนเองว่าเพียวริแทนสฺ ( Puritans ) นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบศาสนาในประเทศอังกฤษซึ่งในยุคนั้นเป็นนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ ( Church of England ) ให้เป็นไปตามความเชื่อเน้นความเรียบง่ายไม่หรูหราผลปรากฏว่าพวกเพีย วริแทนสฺไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จนในที่สุดได้ตัดสินใจตั้งศาสนจักรเป็นของตนเองเป็นเหตุให้เหล่าขุนนางอังกฤษไม่พอใจและเริ่มทำร้ายประหัตประหารพวกเพียวริแทนสฺจนพวกเขาต้องหนีไปอยู่ที่ประเทศฮอลแลนด์ซึ่งยังได้รับปัญหาอีกจากการถูกข่มเหงรังแกสืบเนื่องมาจากศา สนานอกจากนี้พวกเขายังรู้สึกเสียใจที่ลูกหลานไม่พูดภาษาอังกฤษแต่ไปพูดภาษาดัทช์แทนทำให้พวกเขาคิดย้ายถิ่นฐานอีกครั้งซึ่งคราวนี้พวกเขานึกถึงการย้ายถิ่นฐานไปยังดินแดนที่ไม่มีผู้ใดสามารถมายับยั้งหรือขัดขวางการนับถือศาสนาตามความเชื่อแะความศรัทธาของพวกเขา จึงตัดสินใจเดินทางกลับประเทศอังกฤษจากนั้นกลุ่มเพียวริแทนสฺพร้อมกับผู้โดยสารอื่นจะทั้งชายหญิงและเด็กจำนวน 102 คนบนเรือเมย์ลาวเวอร์ ( Mayflower ) ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่โลกใหม่และพวกเพียวริแทนสฺเริ่มเรียกตัวเองว่าพิลกริม ( ผู้แสวงบุญ ) เนื่องมาจากการท่องหาดินแดนแห่งเสรีภาพทางศา สนานี้ระหว่างการเดินทางโดยเรือในเดือนกันยายนเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดสำหรับการแล่นเรือข้ามมหาสมุทรอย่างไรก็ตามระหว่างการเดินทางมีผู้เสียชีวิตเพียง 1 คนเท่านั้นและมีทารกแรกเกิด 1 คนฉะนั้นจำนวนผู้โดยสารบนเรือยังคงมีจำนวนเท่าเดิมหลังจากใช้เวลาแล่นเรือประมาณ 65 ได้รับเลือกตั้งผ่านกระบวนการประชาธิปไตยของพม่า เรือเมย์ฟลาวเวอร์มาจอดเทียบท่าที่
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: