More specifically, this paper focus

More specifically, this paper focuses on three main questions: (1) Does trade promote
innovation and growth by providing access to foreign technology? (2) How important are FDI inflows and IPRs in these processes? and (3) Are the effects different for developed
and developing countries? This study complements the literature by including a more
representative sample of developing countries and by focusing on high-technology trade.
The empirical analysis is conducted using a unique panel data set of 47 developed and
developing countries from 1970 to 1990, in which patent data is used as a proxy for
innovation. Various studies investigating the determinants of innovation and technological
diffusion use micro-data sets.4 While these studies have produced important and
interesting results, this paper uses data aggregated at the country level. This approach
clearly leads to loss of some information, but generates the benefit of allowing me to focus
on the dynamics of innovation and growth across countries and country groupings. By
contrasting empirical specifications for innovation and per capita GDP growth, the results
in this paper suggest that traditional growth regressions might not be able to capture the
impact of factors like IPR protection. By estimating the regressions for separate groups of
countries, the results also suggest that pooling together developed and developing
countries in studies like this might lead to misleading conclusions, and consequently to
inadequate policy recommendations.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระดาษนี้เน้นคำถามหลักที่สาม: ส่งเสริมการค้าไม่ (1)นวัตกรรมและการเติบโต โดยการให้เข้าถึงเทคโนโลยีจากต่างประเทศ (2) มีความสำคัญไหลเข้าจากต่างประเทศและ IPRs ในกระบวนการเหล่านี้ และ (3) มีผลกระทบแตกต่างกันสำหรับพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนาหรือไม่ การศึกษานี้เสริมวรรณกรรม โดยรวมมากขึ้นอย่างตัวแทน ของประเทศกำลังพัฒนา และ โดยมุ่งเน้นการค้าเทคโนโลยีระดับสูงการวิเคราะห์เชิงประจักษ์จะดำเนินการโดยใช้ชุดข้อมูลเฉพาะแผงของ 47 พัฒนา และประเทศกำลังพัฒนาจากปี 1970 ถึง 1990 ข้อมูลสิทธิบัตรจะใช้เป็นพร็อกซีสำหรับนวัตกรรม ศึกษาต่าง ๆ ตรวจสอบดีเทอร์มิแนนต์ ของนวัตกรรม และเทคโนโลยีแพร่ใช้ไมโครข้อมูล sets.4 ในขณะที่การศึกษาเหล่านี้ได้มีผลิตสำคัญ และสนใจผลลัพธ์ กระดาษนี้ใช้ข้อมูลที่รวบรวมในระดับประเทศ วิธีการนี้อย่างชัดเจนนำไปสู่การสูญเสียข้อมูลบางอย่าง แต่สร้างประโยชน์ของให้ฉันสามารถโฟกัสในการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมและการเติบโตของประเทศและกลุ่มประเทศ โดยตัดข้อมูลจำเพาะเชิงประจักษ์สำหรับนวัตกรรมและการเติบโตของ GDP ต่อหัว ผลลัพธ์ในเอกสารนี้แนะนำว่า แสดงเติบโตแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถจับภาพผลกระทบของปัจจัยต่าง ๆ เช่นการป้องกัน IPR โดยการประเมินแสดงสำหรับกลุ่มที่แยกต่างหากประเทศ ผลยังแนะนำที่ร่วมกันพัฒนา และพัฒนาประเทศในการศึกษาเช่นนี้อาจนำไปสู่ข้อสรุปความเข้าใจผิด และจากนั้นไปนโยบายการไม่เพียงพอแนะนำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่คำถามสามข้อหลักคือ (1) การค้าไม่ส่งเสริม
นวัตกรรมและการเติบโตโดยการให้การเข้าถึงเทคโนโลยีต่างประเทศหรือไม่ (2) มีความสำคัญอย่างไรไหลเข้าของเงินลงทุนจากต่างประเทศและทรัพย์สินทางปัญญาในกระบวนการเหล่านี้หรือไม่ และ (3) มีผลกระทบที่แตกต่างกันสำหรับการพัฒนา
ประเทศและการพัฒนา? การศึกษาครั้งนี้เติมเต็มวรรณกรรมโดยรวมมากขึ้น
ตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของประเทศกำลังพัฒนาและมุ่งเน้นไปที่การค้าเทคโนโลยีระดับสูง.
การวิเคราะห์เชิงประจักษ์จะดำเนินการโดยใช้ที่ไม่ซ้ำกันชุดข้อมูลแผง 47 ที่พัฒนาแล้วและ
ประเทศ 1970-1990 การพัฒนาซึ่งในข้อมูลสิทธิบัตร ใช้เป็นพร็อกซี่สำหรับ
นวัตกรรม การศึกษาต่างๆตรวจสอบปัจจัยของนวัตกรรมและเทคโนโลยี
การใช้งานแพร่ sets.4 ไมโครข้อมูลในขณะที่การศึกษาเหล่านี้ได้มีการผลิตที่สำคัญและ
ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ, กระดาษนี้จะใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ในระดับประเทศ วิธีการนี้
อย่างชัดเจนนำไปสู่การสูญเสียข้อมูลบางอย่าง แต่สร้างประโยชน์ในการช่วยให้ผมมุ่งเน้น
ในการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมและการเติบโตทั่วประเทศและการจัดกลุ่มประเทศ โดย
ตัดกันข้อกำหนดเชิงประจักษ์สำหรับนวัตกรรมและการเจริญเติบโตของ GDP ต่อหัวผล
ในบทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการเจริญเติบโตของการถดถอยแบบดั้งเดิมอาจจะไม่สามารถที่จะจับภาพ
ผลกระทบของปัจจัยเช่นการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา โดยการประเมินวิเคราะห์สำหรับการแยกกลุ่มของ
ประเทศผลนอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่าการร่วมกันพัฒนาร่วมกันและการพัฒนา
ประเทศในการศึกษาเช่นนี้อาจนำไปสู่ข้อสรุปที่ทำให้เข้าใจผิดและจึงจะ
เสนอแนะทางนโยบายที่ไม่เพียงพอ