FDI คืออะไรตามนิยามของธนาคารแห่งประ

FDI คืออะไร
ตามนิยามของธนาคารแห่งประเทศไทย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI คือ ธุรกรรมการลงทุนที่ผู้มีถิ่นฐานในต่างประเทศมีต่อธุรกิจที่มีถิ่นฐานในไทย โดยการลงทุนที่ถูกนับเป็นการลงทุนโดยตรงมี 3 รูปแบบด้วยกัน คือ 1) การลงทุนด้วยการถือหุ้นที่มีสิทธิ์ร่วมในการบริหารกิจการตั้งแต่ร้อยละ 10 ขึ้นไป 2) การกู้ยืม ตราสารหนี้ และสินเชื่อการค้าที่เป็นธุรกรรมระหว่างบริษัทในเครือเดียวกัน และ 3) กำไรคงค้างที่นำกลับมาลงทุน
ปัจจัยที่ดึงดูด FDI คืออะไร
ในมุมมองของประเทศผู้ลงทุนนั้น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เลือกออกมาลงทุนในต่างประเทศแทนการลงทุนในประเทศตนเองคือ ค่าจ้าง เนื่องจากประเทศผู้ลงทุนส่วนใหญ่เป็นประเทศพัฒนา (Advanced economies) ซึ่งมีอัตราค่าจ้างที่ค่อนข้างสูง ทำให้ต้องการออกมาลงทุนในประเทศอื่นที่มีค่าจ้างต่ำกว่าเพื่อลดต้นทุนการผลิต ดังนั้นประเทศผู้รับการลงทุนประเทศใดมีค่าจ้างที่ถูกกว่าโดยเปรียบเทียบก็จะดึงดูด FDI ได้ค่อนข้างมาก แต่ค่าจ้างไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่ช่วยดึงดูด FDI ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ช่วยดึงดูด FDI เช่น การเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยสร้างแรงจูงใจให้บริษัทต่างๆ เข้ามาลงทุนเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจจากอำนาจซื้อของผู้บริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ อุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยซึ่งได้รับ FDI อย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของตลาดภายในประเทศ หรืออัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าโดยเปรียบเทียบ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทที่เข้ามาลงทุนสามารถส่งออกได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางเศรษฐกิจ เช่น ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เสถียรภาพทางการเมือง นโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ จำนวนแรงงาน ภูมิศาสตร์ของประเทศ เป็นต้น
FDI สำคัญกับเศรษฐกิจไทยมากน้อยขนาดไหน
คำตอบคือ ค่อนข้างสำคัญ เนื่องจากไทยเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดเล็ก เงินออมภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการของธุรกิจที่จะนำไปใช้ในการขยายกิจการ ดังนั้นเงินลงทุนจากต่างประเทศจะช่วยลดช่องว่างระหว่างเงินออมในประเทศกับความต้องการเงินทุน นอกจากนี้ การลงทุนจากต่างประเทศยังมาพร้อมกับการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technological transfer) และการถ่ายทอดความรู้ ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมของประเทศที่ได้รับ FDI มีการพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด เพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันระยะยาว รวมถึงช่วยสร้างการจ้างงาน ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยที่ได้รับ FDI จากบริษัทต่างชาติทั้ง Western Digital, Seagate และ Toshiba กระทั่งไทยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกหลักของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของโลกโดยเฉพาะทางด้านฮาร์ดดิสก์ ทั้งนี้ FDI คิดเป็นสัดส่วนราว 13% ของการลงทุนภาคเอกชนทั้งหมด
โครงสร้างของ FDI ในไทยเป็นเช่นไร
ประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุดในปัจจุบันคือ ญี่ปุ่น โดยยอดคงค้างของ FDI จากญี่ปุ่นในปี 2012 มีมูลค่าราว 57.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 31% ของยอดคงค้าง FDI ทั้งหมดของไทย (รูปที่ 1) ทั้งนี้ไทยนับเป็นประเทศแรกๆ ที่ญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานการผลิตในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เพื่อลดผลกระทบของการแข็งค่าของเงินเยนจากข้อตกลงของ Plaza Accord อย่างไรก็ดี ในระยะหลัง ประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นมากคือ สิงคโปร์ ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2008 เป็น 18% ในปี 2012 ในส่วนรายธุรกิจนั้น ธุรกิจที่ได้รับ FDI มากที่สุดคือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการเงินและภาคประกันภัย โดยธุรกิจดังกล่าวมีสัดส่วนยอดคงค้างการลงทุนประมาณ 24% ต่อยอดคงค้างการลงทุนโดยตรงทั้งหมด
แนวโน้มของ FDI ในไทย
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในไทยยังเติบโตได้ในระดับดี โดย FDI ของไทยในเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนปี 2013 มีมูลค่าราว 3.9 แสนล้านบาท ขยายตัว 13%YOY อย่างไรก็ดีหากพิจารณาถึงยอดการขอรับการส่งเสริมสุทธิ (Application) ยอดการอนุมัติให้การส่งเสริม (Approval) และยอดการออกบัตรส่งเสริมการลงทุน (Certificate Issuance) ซึ่งเป็นขั้นตอนก่อนที่จะมีการลงทุนจริง เป็นรายไตรมาสพบว่า เกิดการหดตัวอย่างรุนแรงในไตรมาส 4 ราว 17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า โดยส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากความไม่สงบทางการเมืองที่ยืดเยื้อตั้งแต่ปลายปี 2013 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และส่งผลให้มีการชะลอแผนการลงทุน
สำหรับในระยะต่อไปนั้น ต้องจับตามองว่า ความไม่สงบทางการเมืองจะกระทบต่อ FDI มากน้อยขนาดไหน โดยเฉพาะในประเด็นของการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI ชุดใหม่ที่ต้องหยุดชะงักไปนับตั้งแต่มีการยุบสภา ส่งผลให้โครงการลงทุนที่มีมูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาทขึ้นไปไม่สามารถอนุมัติได้ราว 200 โครงการ มูลค่าเกือบ 5 แสนล้านบาท ซึ่งหนึ่งในโครงการที่ถูกกระทบค่อนข้างมากคือ โครงการ Eco-car Phase 2 ซึ่งผู้ผลิตตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์อีก 100,000 คันต่อราย ภายใน 4 ปี และคาดว่าจะต้องลงทุนอย่างน้อย 6,500 ล้านบาทต่อราย ซึ่งการที่ไม่มีคณะกรรมการอนุมัตินี้ จะทำให้โครงการต้องเลื่อนออกไป และผู้ประกอบการบางรายมีโอกาสย้ายไปลงทุนในประเทศอื่น
นอกจากประเด็นการเมืองแล้วต้องติดตามดูว่า ยอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่ค่อนข้างมากในช่วงปี 2012 จะเริ่มมีการลงทุนจริงในช่วงเวลาใด และมากน้อยขนาดไหน

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คืออะไรจากต่างประเทศกำไรคงค้างที่นำกลับมาลงทุนขึ้นไปการลงทุนด้วยการถือหุ้นที่มีสิทธิ์ร่วมในการบริหารกิจการตั้งแต่ร้อยละ 10 ตามนิยามของธนาคารแห่งประเทศไทยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือจากต่างประเทศคือธุรกรรมการลงทุนที่ผู้มีถิ่นฐานในต่างประเทศมีต่อธุรกิจที่มีถิ่นฐานในไทยโดยการลงทุนที่ถูกนับเป็นการลงทุนโดยตรงมี 3 รูปแบบด้วยกันคือ 1) 2) การกู้ยืมตราสารหนี้และสินเชื่อการค้าที่เป็นธุรกรรมระหว่างบริษัทในเครือเดียวกันและ 3) ปัจจัยที่ดึงดูดคืออะไรจากต่างประเทศในมุมมองของประเทศผู้ลงทุนนั้นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เลือกออกมาลงทุนในต่างประเทศแทนการลงทุนในประเทศตนเองคือค่าจ้างเนื่องจากประเทศผู้ลงทุนส่วนใหญ่เป็นประเทศพัฒนา (ประเทศ) ซึ่งมีอัตราค่าจ้างที่ค่อนข้างสูงทำให้ต้องการออกมาลงทุนในประเทศอื่นที่มีค่าจ้างต่ำกว่าเพื่อลดต้นทุนการผลิตดังนั้นประเทศผู้รับการลงทุนประเทศใดมีค่าจ้างที่ถูกกว่าโดยเปรียบเทียบก็จะดึงดูดจากต่างประเทศได้ค่อนข้างมากแต่ค่าจ้างไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่ช่วยดึงดูดจากยังมีอีกหลายปัจจัยที่ช่วยดึงดูดจากต่างประเทศเช่นการเติบโตของเศรษฐกิจซึ่งช่วยสร้างแรงจูงใจให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามาลงทุนเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจจากอำนาจซื้อของผู้บริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคืออุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยซึ่งได้รับจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของตลาดภายในประเทศหรืออัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าโดยเปรียบเทียบซึ่งจะช่วยให้บริษัทที่เข้ามาลงทุนสามารถส่งออกได้ดีขึ้นนอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางเศรษฐกิจเช่นระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเสถียรภาพทางการเมืองนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐจำนวนแรงงานภูมิศาสตร์ของประเทศเป็นต้นสำคัญกับเศรษฐกิจไทยมากน้อยขนาดไหนจากต่างประเทศคำตอบคือค่อนข้างสำคัญเนื่องจากไทยเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดเล็กเงินออมภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการของธุรกิจที่จะนำไปใช้ในการขยายกิจการดังนั้นเงินลงทุนจากต่างประเทศจะช่วยลดช่องว่างระหว่างเงินออมในประเทศกับความต้องการเงินทุนนอกจากนี้การลงทุนจากต่างประเทศยังมาพร้อมกับการถ่ายทอดเทคโนโลยี (เทคโนโลยีโอน) และการถ่ายทอดความรู้ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมของประเทศที่ได้รับจากต่างประเทศมีการพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันระยะยาวรวมถึงช่วยสร้างการจ้างงานตัวอย่างเช่นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยที่ได้รับจากต่างประเทศจากบริษัทต่างชาติทั้ง Western Digital ซีเกทฮาร์ดดิสก์และ Toshiba กระทั่งไทยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกหลักของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของโลกโดยเฉพาะทางด้านฮาร์ดดิสก์ทั้งนี้จากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนราว 13% ของการลงทุนภาคเอกชนทั้งหมดโครงสร้างของในไทยเป็นเช่นไรจากต่างประเทศประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุดในปัจจุบันคือญี่ปุ่นโดยยอดคงค้างของจากต่างประเทศจากญี่ปุ่นในปี 2012 มีมูลค่าราว 57.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 31% ของยอดคงค้างจากต่างประเทศทั้งหมดของไทย (รูปที่ 1) ทั้งนี้ไทยนับเป็นประเทศแรก ๆ ที่ญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานการผลิตในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เพื่อลดผลกระทบของการแข็งค่าของเงินเยนจากข้อตกลงของพลาซ่าตามอย่างไรก็ดีในระยะหลังประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นมากคือสิงคโปร์ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2008 ความ 18% ในปี 2012 ในส่วนรายธุรกิจนั้นธุรกิจที่ได้รับมากที่สุดคือจากต่างประเทศต่อยอดคงค้างการลงทุนโดยตรงทั้งหมดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการเงินและภาคประกันภัยโดยธุรกิจดังกล่าวมีสัดส่วนยอดคงค้างการลงทุนประมาณ 24%แนวโน้มของในไทยจากต่างประเทศการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในไทยยังเติบโตได้ในระดับดีโดย FDI ของไทยในเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนปี 2013 มีมูลค่าราว 3.9 แสนล้านบาทขยายตัว 13% YOY (ประยุกต์) อย่างไรก็ดีหากพิจารณาถึงยอดการขอรับการส่งเสริมสุทธิยอดการอนุมัติให้การส่งเสริม (อนุมัติ) และยอดการออกบัตรส่งเสริมการลงทุน (ใบรับรองออก) ซึ่งเป็นขั้นตอนก่อนที่จะมีการลงทุนจริงเป็นรายไตรมาสพบว่าเกิดการหดตัวอย่างรุนแรงในไตรมาส 4 ราว 17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าโดยส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากความไม่สงบทางการเมืองที่ยืดเยื้อตั้งแต่ปลายปี 2013จนถึงปัจจุบันซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและส่งผลให้มีการชะลอแผนการลงทุนสำหรับในระยะต่อไปนั้นต้องจับตามองว่าความไม่สงบทางการเมืองจะกระทบต่อจากต่างประเทศมากน้อยขนาดไหนโดยเฉพาะในประเด็นของการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีชุดใหม่ที่ต้องหยุดชะงักไปนับตั้งแต่มีการยุบสภาส่งผลให้โครงการลงทุนที่มีมูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาทขึ้นไปไม่สามารถอนุมัติได้ราว 200 ความคืบหน้าของมูลค่าเกือบ 5 แสนล้านบาทซึ่งหนึ่งในโครงการที่ถูกกระทบค่อนข้างมากคือความคืบหน้าของรถอีโคเฟส 2 ซึ่งผู้ผลิตตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์อีก 100,000 คันต่อรายภายใน 4 ปีและคาดว่าจะต้องลงทุนอย่างน้อย 6,500 ล้านบาทต่อรายซึ่งการที่ไม่มีคณะกรรมการอนุมัตินี้จะทำให้โครงการต้องเลื่อนออกไปและผู้ประกอบการบางรายมีโอกาสย้ายไปลงทุนในประเทศอื่นนอกจากประเด็นการเมืองแล้วต้องติดตามดูว่ายอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่ค่อนข้างมากในช่วงปี 2012 จะเริ่มมีการลงทุนจริงในช่วงเวลาใดและมากน้อยขนาดไหน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ลงทุนจากต่างประเทศคืออะไร
ตามนิยามของธนาคารแห่งประเทศไทยหัวเรื่อง: การลงทุนโดยตรงจากเนชั่ต่างออกประเทศหรือ FDI คือธุรกรรมการลงทุนที่ผู้มีถิ่นฐาน ในต่างประเทศมีต่อธุรกิจที่มีถิ่นฐานในไทยโดยการลงทุนที่ถูกนับเป็นการลงทุนโดยตรงมี 3 รูปแบบด้วย กันคือ 1) การลงทุนด้วยการถือหุ้นที่มี สิทธิ์ร่วมในการบริหารกิจการตั้งแต่ร้อยละ 10 ขึ้นไป 2) การกู้ยืมตราสารหนี้และสินเชื่อการค้า ที่เป็นธุรกรรมระหว่าง บริษัท ในเครือเดียวกันและ 3) กำไรคงค้างที่นำ กลับมาลงทุน
ปัจจัยที่ดึงดูดการลงทุนโดยตรงคืออะไร
ในห้างหุ้นส่วนจำกัดมุมมองของออกประเทศคุณผู้ลงทุนนั้นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เลือกออกมาลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัดต่างออกประเทศแทนหัวเรื่อง: การลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัดออกประเทศตนเองคือค่าจ้างเป็นเนื่องจากออกประเทศคุณผู้ลงทุนส่วนใหญ่เป็นออกประเทศพัฒนา (เศรษฐกิจขั้นสูง) ซึ่งมีอัตราค่าจ้างที่ค่อนข้างสูง ทำให้ต้องการออกมาลงทุนในประเทศอื่นที่มีค่าจ้างต่ำกว่าเพื่อลดต้นทุนการผลิตดังนั้นประเทศผู้รับการลงทุนประเทศใดมีค่าจ้างที่ถูกกว่าโดยเปรียบเทียบก็จะดึงดูด FDI ได้ค่อนข้างมาก แต่ ค่าจ้างไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่ ช่วยดึงดูด การลงทุนโดยตรงยังมีอีกหลายปัจจัยที่ช่วยดึงดูดการลงทุนโดยตรงเช่นการเติบโตของเศรษฐกิจซึ่งช่วยสร้าง แรงจูงใจให้ บริษัท ต่างๆเข้ามาลงทุนเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจจากอำนาจซื้อของผู้บริโภคในประเทศที่ เพิ่มขึ้นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ อุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยซึ่งได้รับ การลงทุนโดยตรงอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของตลาด ภายในประเทศหรืออัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าโดยเปรียบเทียบซึ่งจะช่วยให้ บริษัท ที่เข้ามาลงทุนสามารถส่งออกได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ไม่เกี่ยวข้อง กับทางเศรษฐกิจเช่นระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเสถียรภาพทางการเมืองนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐจำนวนแรงงานภูมิศาสตร์ของประเทศเป็นต้น
FDI สำคัญกับเศรษฐกิจไทย English มากน้อยตั้งขึ้นขนาดไหน
คำตอบคือค่อนข้างสำคัญเนื่องจากไทย English เป็นออกประเทศ เศรษฐกิจขนาดเล็กเงินออมภายในประเทศไม่ เพียงพอต่อความต้องการของธุรกิจที่จะนำไปใช้ในการขยายกิจการดังนั้นเงินลงทุนจากต่างประเทศจะช่วยลดช่องว่างระหว่างเงินออมในประเทศกับความต้องการเงินทุนนอกจากนี้การลงทุนจากต่าง ประเทศยังมาพร้อมกับการถ่ายทอดเทคโนโลยี (โอนเทคโนโลยี) และการถ่ายทอดความรู้ซึ่งจะช่วย ให้อุตสาหกรรมของประเทศที่ได้รับ FDI มีการพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดเพิ่ม ศักยภาพทางการแข่งขันระยะยาวรวมถึงช่วยสร้างการจ้างงานตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยที่ได้รับการลงทุนโดยตรงจาก บริษัท ต่างชาติทั้ง Western Digital, ซีเกทและโตชิบากระทั่งไทยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออก หลักของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของโลกโดยเฉพาะทางด้านฮาร์ดดิสก์ทั้งนี้ FDI คิดเป็นสัดส่วนราว 13% ของการลงทุนภาค เอกชนเป็นทั้งหมด
โครงสร้างของการลงทุนโดยตรงในห้างหุ้นส่วนจำกัดไทย English เป็นเช่นไร
ออกประเทศที่เข้ามาลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัดไทย English มากที่สุดในห้างหุ้นส่วนจำกัดปัจจุบันคือญี่ปุ่นโดยยอดคงค้างของการลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่นในปี 2012 มีมูลค่าราว 57.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือราว 31% ของยอดคงค้าง FDI ทั้งหมดของไทย (รูปที่ 1) ทั้งนี้ไทยนับเป็นประเทศแรก ๆ ที่ ญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานการผลิตในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เพื่อลดผลกระทบของการแข็งค่า ของเงินเยนจากข้อตกลงของ Plaza Accord อย่างไรก็ดีในระยะหลัง ประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่ม ขึ้นมากคือสิงคโปร์ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2008 เป็น 18% ในปี 2012 ในส่วนรายธุรกิจนั้นธุรกิจที่ได้ รับ FDI มากที่สุดคือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาค การเงินและภาค ประกันภัยโดยธุรกิจดังกล่าวมีสัดส่วนยอด คงค้างการลงทุนประมาณ 24% ต่อยอดคงค้างหัวเรื่อง: การลงทุนโดยตรงทั้งหมด
แนวโน้มของการลงทุนโดยตรงในห้างหุ้นส่วนจำกัดไทย English
หัวเรื่อง: การลงทุนโดยตรงจากเนชั่ต่างออกประเทศในห้างหุ้นส่วนจำกัดไทย English ยังเติบโตได้ในห้างหุ้นส่วนจำกัดระดับดีโดยการลงทุนโดยตรงของไทยในเดือนมกราคมถึง พฤศจิกายนปี 2013 มีมูลค่าราว 3.9 แสนล้านบาทขยายตัว 13% YOY อย่างไรก็ดีหากพิจารณาถึงยอดการขอรับการ ส่งเสริมสุทธิ (Application) ยอดการอนุมัติให้การส่งเสริม (อนุมัติ) และยอดการออกบัตรส่งเสริมการลงทุน (ใบรับรองออก) ซึ่ง เป็นขั้นตอนก่อนที่จะมีการ ลงทุนจริงเป็นรายไตรมาสพบว่าเกิดการหดตัวอย่างรุนแรงในไตรมาส 4 ราว 17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี ก่อนหน้าโดยส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากความไม่สงบทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ตั้งแต่ปลายปี 2013 จนถึงปัจจุบันซึ่งกระทบต่อความสามารถเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างคุณชาติและส่งผลให้มีหัวเรื่อง: การชะลอแผนการลงทุน
สำหรับในห้างหุ้นส่วนจำกัดระยะต่อไปนั้นคุณต้องจับตามองว่าได้ความสามารถไม่สงบทางการเมืองจะกระทบต่อการลงทุนโดยตรงมากน้อยขนาดไหนโดย เฉพาะในประเด็นของการแต่งตั้งคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุนหรือ บีโอไอชุดใหม่ที่ต้องหยุดชะงักไปนับ ตั้งแต่มีการยุบสภาส่งผลให้โครงการลงทุนที่มีมูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาทขึ้นไปไม่สามารถอนุมัติได้ ราว 200 โครงการมูลค่าเกือบ 5 แสนล้านบาทซึ่งหนึ่งในโครงการที่ ถูกกระทบค่อนข้างมากคือโครงการ อีโคคาร์เฟส 2 ซึ่งผู้ผลิตตั้งเป้าจะเพิ่มกำลัง การผลิตรถยนต์อีก 100,000 คันต่อรายภายใน 4 ปีและคาดว่าจะต้องลงทุนอย่าง น้อย 6,500 ล้านบาทต่อ รายซึ่งหัวเรื่อง: การที่ไม่มีคณะกรรมการอนุมัตินี้จะทำให้โครงการคุณต้องเลื่อนออกไปและคุณผู้ประกอบหัวเรื่อง: การบางรายมีโอกาสย้ายไปลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัดออกประเทศอื่น
นอกจากประเด็นการเมืองแล้วคุณต้องติดตามดูว่าได้ยอดหัวเรื่อง: การขอรับหัวเรื่อง: การส่งเสริมหัวเรื่อง: การลงทุนที่ค่อนข้างมากในห้างหุ้นส่วนจำกัดช่วง ปี 2012 จะเริ่มมีการลงทุนจริงในช่วง เวลาใดและมากน้อยขนาดไหน