This research investigation examine

This research investigation examined the effects of Singapore’s Model Method, also known as
“model drawing” or “bar modeling” on the word problem-solving performance of thrid and
fourth grade students. Employing a single-case design, a researcher-designed teaching
intervention was delivered to a child in third grade over the course of 8 teaching sessions.
Using researcher-designed assessment probes, repeated measures of the dependent variable
(percentage of problems solved correctly) were taken throughout the experiment through three
different phases: baseline, intervention, and maintenance. The desgign was repeated across four
different third and fourth grade participants. The results demonstrated the existence of a
positive functional relationship between the independent variable (the model drawing
intervention) and the participant’s problem-solving performance. The percentage of problems
solved correctly rose significantly as soon as the intervention phase began and the child
employed Singapore’s Model Method in solving complex word problems. The pattern was
repeated across two different problem types, multiplicative comparison word problems and
fraction word problems. The validity of the findings was strengthened considerably when the
results showed a very similar functional relationship across four different subjects in grades 3
and 4. The existence of a funcional relationship between model drawing and word problem
performance has implications for research, policy and teaching practice in elementary
mathematics education. Limitations of this study as well as implications will be discussed.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตรวจสอบวิจัยนี้ตรวจสอบผลกระทบของวิธีการรูปแบบของสิงคโปร์ เรียกอีกอย่างว่า "รูปวาด" หรือ "บาร์โมเดล" ประสิทธิภาพการแก้ปัญหาคำของ thrid และ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ใช้ออกแบบกรณีเดียว สอนที่นักวิจัยออกแบบ แทรกแซงถูกส่งไปเป็นเด็กในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผ่านหลักสูตรที่ 8 สอนเซสชัน ใช้นักวิจัยออกแบบประเมินคลิปปากตะเข้ ซ้ำวัดของตัวแปรขึ้นอยู่กับ (เปอร์เซ็นต์ของปัญหาที่แก้ไขได้อย่างถูกต้อง) ถูกนำมาทดลองผ่านสาม ระยะต่าง ๆ: พื้นฐาน แทรกแซง และบำรุงรักษา Desgign ไม่ซ้ำทั้งสี่ ชั้นที่สาม และสี่ที่แตกต่างกันผู้เข้าร่วม ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าการดำรงอยู่ของการ ความสัมพันธ์ฟังก์ชันบวกระหว่างตัวแปรอิสระ (รูปวาด แทรกแซง) และประสิทธิภาพการแก้ปัญหาของผู้เข้าร่วม เปอร์เซ็นต์ของปัญหา แก้ไขอย่างกุหลาบอย่างมากเป็นเริ่มขั้นตอนการแทรกแซง และเด็ก ลูกจ้างของสิงคโปร์รูปแบบวิธีในการแก้ปัญหาซับซ้อน มีรูปแบบ ทำซ้ำทั้งสองปัญหาชนิด เปรียบเทียบเชิงการคูณคำปัญหา และ ปัญหาเศษส่วน ถูกต้องของผลการวิจัยที่มีความแข็งมากเมื่อการ ผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ทำงานที่คล้ายกันมากทั้งเรื่องสี่แตกต่างกันที่เกรด 3 และ 4 การดำรงอยู่ของความสัมพันธ์ funcional ระหว่างรูปวาดคำปัญหา ผลวิจัย นโยบาย และสอนในระดับประถมศึกษามีประสิทธิภาพ การศึกษาคณิตศาสตร์ จะได้กล่าวถึงข้อจำกัดนี้ศึกษารวมทั้งผลกระทบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การตรวจสอบการวิจัยครั้งนี้การตรวจสอบผลกระทบของวิธีการแบบของสิงคโปร์ยังเป็นที่รู้จัก
"การวาดภาพแบบ" หรือ "การสร้างแบบจำลองบาร์" ผลการดำเนินงานคำแก้ปัญหาของที่สามและ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สี่ จ้างออกแบบเดียวกรณีการเรียนการสอนวิจัยการออกแบบ
การแทรกแซงถูกส่งไปยังเด็กในชั้นประถมศึกษาปีที่สามในช่วงเวลาของการเรียนการสอน 8 ครั้ง.
การใช้ยานสำรวจการประเมินนักวิจัยออกแบบมาตรการซ้ำของตัวแปรตาม
(ร้อยละของการแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง) เป็น ที่นำมาตลอดการทดลองผ่านสาม
ขั้นตอนที่แตกต่างกัน: พื้นฐานการแทรกแซงและการบำรุงรักษา desgign ซ้ำข้ามสี่
เข้าร่วมชั้นประถมศึกษาปีที่สามและสี่ที่แตกต่างกัน ผลแสดงให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของ
ความสัมพันธ์ของการทำงานเชิงบวกระหว่างตัวแปรอิสระ (การวาดภาพรูปแบบ
การแทรกแซง) และผลการดำเนินการแก้ปัญหาของผู้เข้าร่วม ร้อยละของปัญหา
ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทันทีที่ขั้นตอนการแทรกแซงการเริ่มต้นและเด็ก
ลูกจ้างรุ่นวิธีของสิงคโปร์ในการแก้ปัญหาคำที่ซับซ้อน รูปแบบที่ถูก
ทำซ้ำข้ามสองประเภทที่แตกต่างกันปัญหาปัญหาคำเปรียบเทียบการคูณและ
ปัญหาคำส่วน ความถูกต้องของผลการวิจัยที่ได้รับการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างมากเมื่อ
ผลการศึกษาพบความสัมพันธ์การทำงานที่คล้ายกันมากทั่วสี่วิชาที่แตกต่างกันในระดับ 3
และ 4 การดำรงอยู่ของความสัมพันธ์ระหว่าง Funcional วาดภาพนางแบบและปัญหาคำ
ประสิทธิภาพการทำงานมีผลกระทบต่อการวิจัยเชิงนโยบายและการปฏิบัติในการเรียนการสอน ประถม
ศึกษาคณิตศาสตร์ ข้อ จำกัด ของการศึกษาครั้งนี้เช่นเดียวกับผลกระทบที่จะมีการหารือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

งานวิจัยนี้ศึกษาผลของวิธีการสอบสวนแบบสิงคโปร์ หรือที่เรียกว่า
" วาด " รูปแบบ " บาร์แบบ " เรื่องการแก้ปัญหาการปฏิบัติงานของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และ 3
. จ้างออกแบบเคสเดียว นักวิจัยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน
ถูกส่งให้เด็กป. 3 ผ่านหลักสูตรการสอน 8 ครั้ง .
ผู้วิจัยจึงใช้ออกแบบการประเมิน การวัดซ้ำของ
ตัวแปรตาม ( ร้อยละแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง ) ถ่ายตลอดการทดลองผ่านสามขั้นตอนที่แตกต่างกัน :
เริ่มต้นการแทรกแซงและการบำรุงรักษา การ desgign กันข้ามสี่
แตกต่างกันสามและสี่คนเกรด ผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของ
บวกการทำงานความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระ ( รูปแบบการวาด
การแทรกแซง ) และประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาของผู้เข้าร่วม เปอร์เซ็นต์ของปัญหาแก้ไขได้อย่างถูกต้องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทันทีที่ระยะเริ่มต้นการแทรกแซงและใช้วิธีแบบเด็ก
ของสิงคโปร์ในการแก้โจทย์ปัญหาที่ซับซ้อน รูปแบบคือ
ซ้ำทั่วสองประเภทปัญหาแตกต่าง โจทย์ปัญหาการคูณและ
เปรียบเทียบโจทย์ปัญหาเศษส่วน ความถูกต้องของข้อมูลมีความเข้มแข็งมากเมื่อ
พบคล้ายกันมาก ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันใน 4 วิชาที่แตกต่างกันในเกรด 3
4 . การดำรงอยู่ของความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบและปัญหาการ funcional
คำประสิทธิภาพได้สำหรับการวิจัยนโยบายและการปฏิบัติการสอนในการศึกษาคณิตศาสตร์ประถม

ข้อจำกัดของการศึกษา ตลอดจนผลกระทบจะได้รับการพิจารณา