Can good news for farming be bad ne

Can good news for farming be bad news for farmers?
Let’s now return to the question posed at the beginning of this chapter: what happens to wheat farmers and the market for wheat when university agronomists discover a new wheat hybrid that is more productive than existing varieties recall from chapter 4 that we answer such question in three steps. First, we examine whether the supply or demand curve shifts. Second, we consider which direction the curve shifts. Third, we use the supply-and-demand diagram to see how the market equilibrium changes.
In this case, the discovery of the new hybrid affects the supply curve. Because the hybrid increases the amount of wheat that can be produced on each acre of land, farmers are now willing to supply more wheat at any given price. In other words, the supply curve shifts to the right. The demand curve remains the same because consumers’ desire to buy wheat product at any given price is not affected by the introduction of a new hybrid. Figure 8 shows an example of such a change. When the supply curve shifts from S1 to S2, the quantity of wheat sold increases from 100 to 110, and the price of the wheat falls from $3 to $2.
But does this discovery make farmers better off? As a first cut to answering this question, consider what happens to the total revenue received by farmers. Farmer’s total revenue is PxQ, the price of the wheat times the quantity sold. The discovery affects farmers in two conflicting ways. The hybrid allows farmers to produce more wheat (Q rises), but now each bushel of wheat sells for less (P fall).
Whether total revenue rises or falls depends on the elasticity of demand. In practice, the demand for basic foodstuffs such as wheat is usually inelastic, for these items are relatively inexpensive and have few good substitutes. When the demand curve is inelastic, as it is in figure 8, a decrease in price causes total revenue to fall. You can see this in the figure: The price of wheat falls substantially, whereas the quantity of wheat sold rises only slightly. Total revenue falls from $300 to $220. Thus, the discovery of the new hybrid lowers the total revenue that farmers receive for the sale of their crops.
If farmers are made worse off by the discovery of this new hybrid, why do they adopt it? The answer to this question goes to the heart of how competitive markets work. Because each farmer is a small part of the market for wheat, he or she takes the price of wheat as given. For any given price of wheat. It is better to use the new hybrid in order to produce and sell more wheat. Yet when all farmers do this, the supply of wheat rises, the price falls, and farmers are worse off.
Although this example may at first seem only hypothetical, in fact it helps to explain a major change in the U.S. economy over the past century. Two hundred year ago, most Americans lived on farms. Knowledge about farm methods was sufficiently primitive that most of us had to be farmers to produce enough food. Yet, over time, advances in farm technology increase in food supply, together with inelastic food demand, caused farm revenues to fall, which in turn encouraged people to leave farming.
A few numbers show the magnitude of this historic change. As recently as 1950, there were 10 million people working on farms in the United States, representing 17 percent of the labor force. In 2000, fewer than 3 million people worked on farms, or 2 percent of the labor force. This change coincided with tremendous advances in farm productivity: Despite the 70 percent drop in the number of farmers, U.S. farms produced more than twice the output of crops and livestock in 2000 as they did in 1950.
This analysis of the market for farm products also helps to explain a seeming paradox of public policy: Certain farm programs try to help farmers by inducing them not to plant crops on all of their land. Why do these programs do this? Their purpose is to reduce the supply of farm products and thereby raise price. With inelastic demand for their products, farmers as a group receive greater total revenue if they supply a smaller crop to the market. No single farmer would choose to leave his land fallow on his on his own because each takes the market price as given. But if all farmers do so together, each of them can be better off.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ข่าวดีสำหรับทำการเกษตรอาจเป็นข่าวร้ายสำหรับเกษตรกรลองตอนนี้กลับไปที่จุดเริ่มต้นของบทนี้ทำให้เกิดคำถาม: เกิดอะไรขึ้นกับเกษตรกรข้าวสาลีและตลาดข้าวสาลีเมื่อมหาวิทยาลัย agronomists ค้นพบใหม่ผสมข้าวสาลีที่มีประสิทธิผลมากขึ้นกว่าการเรียกคืนสายพันธุ์ที่มีอยู่จากบทที่ 4 ว่า เราตอบคำถามดังกล่าวในสามขั้นตอน ครั้งแรก เราตรวจสอบว่าเส้นอุปสงค์หรืออุปทานเปลี่ยนแปลง สอง เราพิจารณาทิศทางที่โค้งกะ ที่สาม เราใช้ไดอะแกรมอุปทาน และอุปสงค์เพื่อดูวิธีการเปลี่ยนแปลงของสมดุลตลาด ในกรณีนี้ การค้นพบของผสมใหม่มีผลต่อเส้นอุปทาน เนื่องจากการผสมเพิ่มจำนวนของข้าวสาลีที่สามารถผลิตได้ในแต่ละเอเคอร์ที่ดิน เกษตรกรมียินดีจัดหาเพิ่มเติมข้าวสาลีที่ราคาใด ๆ กำหนด ในคำอื่น ๆ เส้นอุปทานเลื่อนไปทางขวา เส้นอุปสงค์ยังคงเหมือนเดิมเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีที่ราคาใด ๆ ให้ไม่ได้รับผลกระทบจากการแนะนำของผสมใหม่ รูปที่ 8 แสดงตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลง เมื่อเส้นอุปทานเลื่อนจาก S1 กับ S2 ข้าวสาลีปริมาณขายเพิ่มขึ้นจาก 100 กับ 110 และราคาของข้าวสาลีตกจาก $3 $ 2 แต่ไม่ค้นพบนี้ทำให้เกษตรกรดีกว่า เป็นการตัดครั้งแรกเพื่อตอบคำถามนี้ พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นกับรายได้รวมที่ได้รับ โดยเกษตรกร รายได้รวมของชาวนาคือ PxQ ราคาเวลาข้าวสาลีปริมาณขาย ค้นพบมีผลกระทบต่อเกษตรกรในความขัดแย้ง ไฮบริดช่วยให้เกษตรกรในการผลิตข้าวสาลีเพิ่มมากขึ้น (เพิ่มขึ้น Q), แต่ตอนนี้ แต่ละ bushel ข้าวสาลีขายน้อยลง (ลดลง P) ว่ารายได้รวมเพิ่มขึ้น หรือลดลงขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นของอุปสงค์ ในทางปฏิบัติ ความต้องการอาหารพื้นฐานเช่นข้าวสาลีเป็น inelastic ปกติ สำหรับรายการเหล่านี้จะแพง และมีน้อยทดแทนที่ดี เมื่อเส้นอุปสงค์เป็น inelastic อยู่ในรูป 8 การลดราคาทำให้รายได้รวมจะลดลง คุณสามารถเห็นในภาพ: น้ำตกราคาข้าวสาลีมาก ในขณะที่ปริมาณของข้าวสาลีขายเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยได้ รายได้รวมลดลงจาก $300 $ 220 ดังนั้น การค้นพบของผสมใหม่ช่วยลดรายได้รวมที่เกษตรกรได้รับสำหรับการขายพืชผลของพวกเขา ถ้าเกษตรกรจะแย่ลงปิด โดยการค้นพบของผสมใหม่นี้ ทำไมทำพวกเขานำมันหรือไม่ ตอบคำถามนี้ไปถึงหัวใจของการแข่งขันตลาดงาน เนื่องจากชาวนาแต่ละ ส่วนเล็ก ๆ ของตลาดข้าวสาลี เขาหรือเธอใช้ราคาของข้าวสาลีที่กำหนด ใด ๆ ให้ราคาข้าวสาลี กว่าการใช้ไฮบริดใหม่เพื่อผลิต และขายข้าวสาลีเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อเกษตรกรทำเช่นนี้ การเพิ่มขึ้นของอุปทานของข้าวสาลี ราคาตก และเกษตรกรแย่ออก แม้ว่าตัวอย่างนี้อาจทีแรกดูเหมือนเพียงสมมุติ ในความเป็นจริงจะช่วยอธิบายการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเศรษฐกิจสหรัฐฯ กว่าศตวรรษผ่านมา สองร้อยปี ชาวอเมริกันส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในฟาร์ม ความรู้เกี่ยวกับฟาร์มวิธีแก่ดั้งเดิมที่สุดของเราได้เป็นเกษตรกรในการผลิตอาหารให้เพียงพอได้ ยัง ช่วงเวลา ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีฟาร์มเพิ่มอุปทานอาหาร พร้อมกับความต้องการอาหาร inelastic เกิดรายได้ฟาร์มตก ซึ่งจะสนับสนุนให้คนไปเลี้ยง ตัวเลขไม่กี่แสดงขนาดของการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์นี้ เป็นเพิ่งเป็น 1950 มี 10 ล้านคนทำงานในฟาร์มในสหรัฐอเมริกา แสดงถึง 17 เปอร์เซ็นต์ของกำลังแรงงาน ใน 2000 น้อยกว่า 3 ล้านคนทำงานในฟาร์ม หรือร้อยละ 2 ของกำลังแรงงาน การเปลี่ยนแปลงนี้ร่วมกับความก้าวหน้าอย่างมากในผลผลิตของฟาร์ม: แม้จะหล่น 70 เปอร์เซ็นต์ในจำนวนเกษตรกร ฟาร์มสหรัฐผลิตมากกว่าสองผลผลิตของพืชไร่และปศุสัตว์ใน 2000 เหมือนในปี 1950 วิเคราะห์ตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของฟาร์มนี้ยังช่วยอธิบาย paradox seeming นโยบายสาธารณะ: โปรแกรมบางฟาร์มพยายามช่วยเกษตรกร โดย inducing การปลูกพืชในที่ดินของพวกเขาทั้งหมด ทำไมโปรแกรมเหล่านี้ทำนี้หรือไม่ วัตถุประสงค์ของ การลดอุปทานของผลิตภัณฑ์ฟาร์มจึงเพิ่มราคาได้ Inelastic ที่ความต้องการสำหรับผลิตภัณฑ์ เกษตรกรเป็นกลุ่มรับรายได้รวมมากกว่าถ้าจะตัดมีขนาดเล็กกว่าตลาด ชาวนาไม่เดียวจะเลือกทิ้งผืน fallow บนเขาของเขาเองเนื่องจากแต่ละใช้ราคาตลาดที่กำหนด แต่ถ้าเกษตรกรทำด้วยกัน แต่ละของพวกเขาจะดีกว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ได้ข่าวดีเป็นข่าวร้ายสำหรับเกษตรกรฟาร์ม ?
ตอนนี้ขอกลับไปที่คำถามถูกวางที่จุดเริ่มต้นของบทนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับเกษตรกรข้าวสาลีและตลาดข้าวสาลีเมื่อ Agronomists มหาวิทยาลัยค้นพบใหม่ข้าวสาลีผสมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าพันธุ์เดิมได้จากบทที่ 4 ที่เราตอบ เช่น คำถาม ใน 3 ขั้นตอน ครั้งแรกเราตรวจสอบว่าจ่ายหรือกะเส้นอุปสงค์ . ประการที่สอง เราต้องพิจารณาทิศทางโค้งกะ ประการที่สามเราใช้จัดหาและแผนภาพสมดุลความต้องการเพื่อดูว่าตลาดมีการเปลี่ยนแปลง
ในกรณีนี้ การค้นพบของไฮบริดใหม่ที่มีผลต่ออุปทานโค้ง เพราะไฮบริด เพิ่มปริมาณข้าวสาลีที่ผลิตได้ ในแต่ละไร่ของที่ดินเกษตรกรในขณะนี้ยินดีที่จะจัดหาข้าวสาลีเพิ่มเติมใด ๆ ราคา ในคำอื่น ๆใส่กะโค้งไปทางขวา เส้นอุปสงค์ยังคงเหมือนเดิม เพราะผู้บริโภคต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีที่ราคาใด ๆไม่ได้รับผลกระทบ โดยการแนะนำของไฮบริดใหม่ . รูปที่ 8 แสดงให้เห็นตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลง เมื่อใส่กะโค้งจาก S1 กับ S2ปริมาณข้าวสาลีขาย เพิ่มจาก 100 ถึง 110 และราคาของข้าวสาลีร่วงจาก $ 3 $ 2
แต่การค้นพบนี้ทำให้เกษตรกรดีขึ้น ? เป็นตัดก่อนจะตอบคำถามนี้ พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นกับรายได้ที่ได้รับ โดยเกษตรกร รายได้ของเกษตรกรทั้งหมด pxq ราคาของข้าวสาลีครั้งปริมาณที่ขายได้ การค้นพบที่มีผลต่อเกษตรกรสองขัดแย้งทางลูกผสมให้เกษตรกรผลิตข้าวสาลีมากขึ้น ( Q เพิ่มขึ้น ) แต่ตอนนี้แต่ละตะกร้าของข้าวสาลีขายน้อยกว่า ( P ตก )
ว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นหรือตกขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นของอุปสงค์ ในการปฏิบัติงาน ความต้องการอาหารพื้นฐาน เช่น ข้าวสาลี มักจะมีความยืดหยุ่นสำหรับรายการเหล่านี้จะค่อนข้างแพงและมีตัวสำรองที่ดีบางอย่าง เมื่อเส้นอุปสงค์มีความยืดหยุ่น