แข่งเรือคนเป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคกลาง พบว่ามีการเล่นแข่งเรือคนกันแล้วใ การแปล - แข่งเรือคนเป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคกลาง พบว่ามีการเล่นแข่งเรือคนกันแล้วใ ไทย วิธีการพูด

แข่งเรือคนเป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคกล

แข่งเรือคนเป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคกลาง พบว่ามีการเล่นแข่งเรือคนกันแล้วในสมัยรัชกาลที่ ๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนปี พ.ศ. ๒๔๘๐ แข่งเรือคนมีการเล่นกันแพร่หลายแทบทุกจังหวัด เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครปฐม กาญจนบุรี สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา และ สุพรรณบุรี บางแห่งมีการเล่นแบบเดียวกันแต่เรียกชื่อแตกต่างกันออกไป เช่น จังหวัดอยุธยา เรียกว่า “แข่งเรือกบ” จังหวัดสุพรรณบุรี เรียกว่า “แข่งเรือโดยวิธีซ่อนพาย” จังหวัดฉะเชิงเทรา เรียกว่า “ซ่อนเรือ” เป็นต้น การเล่นแข่งเรือคนเป็นการเล่นเลียนแบบการแข่งเรือใช้น้ำโดยใช้คนนั่งต่อๆกันเป็นแถวตอน ๒ แถวขนานกัน สมมติว่าเป็นลำเรือแต่ละแถวจะผลัดกันซ่อนสิ่งของที่ตกลงกันไว้ที่ผู้เล่นในแถวแล้วผลัดกันทายแถวใดทายถูกจะได้เลื่อนคนท้ายขึ้นไปนั่งข้างหน้า แถวใดถึงเส้นชัยก่อนจะชนะการเล่นแข่งเรือคนเป็นการเล่นของคนหนุ่มสาวสมัยก่อน เล่นกันในเทศกาลงานรื่นเริงต่างๆ เช่น วัน ตรุษสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ และวันที่มีงานรื่นเริงประจำปี เป็นต้น ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมเล่นกันแล้ว จะมีการเล่นอยู่บ้างในเขตชนบทซึ่งกลายเป็นกีฬาที่เล่นกันในหมู่เด็กๆเล่นเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน ผู้ใหญ่ไม่นิยมเล่นกันแล้ว

ผู้เล่น

เล่นได้ทุกเพศทุกวัย สมัยก่อนมักจะเล่นกันในหมู่คนหนุ่มสาว โดยแบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายละเท่าๆกัน จำนวนผู้เล่นแต่ละฝ่ายไม่ควรน้อยกว่าฝ่ายละ ๕ – ๗ คน บางแห่งนิยมจัดให้ผู้ชายเป็นฝ่ายหนึ่ง หญิงเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง

อุปกรณ์การเล่น

ไม้สั้นๆ ๒ อัน ขนาดเท่าๆกันพอใช้มือกำได้มิด จะให้เด่นชัดควรทาสีไว้ที่ไม้ด้วย เช่น ทาสีแดง สีเหลือง หรือสีเขียว เป็นต้น เพื่อจะได้ทราบว่าเป็นไม้ของกลางจริง

สถานที่เล่น

บริเวณลานกว้าง เช่น ลานบ้าน ลานวัด หรือบริเวณลานกว้างใต้ร่มไม้ กำหนดเส้นยาวไว้ที่พื้นดินเป็นเส้นเริ่ม จากเส้นเริ่มเป็นระยะห่างประมาณ ๑๐ – ๒๐ เมตร ตามแต่จะตกลงกันไว้ ให้เขียนเส้นยาวไว้ที่พื้นเป็นเส้นชัย

วิธีเล่น

๑. ผู้เล่นแต่ละฝ่ายคัดเลือกหัวหน้าของแต่ละฝ่ายมาตกลงกันเกี่ยวกับลำดับการเล่นว่าฝ่ายใดจะได้เล่นก่อน เมื่อทราบแล้วให้หัวหน้าของแต่ละฝ่ายจัดผู้เล่นของตนเข้าแถวตอนเรียงหนึ่ง ให้คนหัวแถวอยู่ที่เส้นเริ่มหันหน้าไปทางเส้นชัย ระยะระหว่างแถวของแต่ละฝ่ายห่างกันประมาณ ๒ – ๓ เมตร แล้วหัวหน้าของแต่ละฝ่ายจัดผู้เล่นของตนให้นั่งลงเหยียดเท้าต่อกันเป็นแถวตอนให้ปลายเท้าของคนอยู่หัวแถวอยู่ที่เส้นเริ่มต้นพอดี ทั้งสองแถวจะต้องจัดให้ผู้เล่นในแถวของตนนั่งในลักษณะติดกัน จะได้เป็นแถวตอน ๒ แถว สมมติว่าเป็นเรือ ๒ ลำ โดยมีผู้เล่นที่เป็นหัวหน้าของแต่ละแถวยืนกำกับอยู่ที่แถวของตนสมมติว่าเป็นนายเรือหรือผู้ควบคุมเรือ

๒. เมื่อกรรมการให้สัญญาณเริ่มเล่น ให้นายเรือของแถวที่ได้สิทธิเล่นก่อนถือไว้ในมือ เดินไปซ่อนไม้ในมือของตนไว้ที่มือผู้เล่นในแถวของตนคนใดคนหนึ่ง การซ่อนจะต้องพยายามแสดงอาการหลอกไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าซ่อนไว้ที่ผู้เล่นคนใด เมื่อซ่อนเสร็จแล้วให้มายืนอยู่ที่หัวแถวของตน จากนั้นจะให้นายเรือของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้มาทายว่าไม้นั้นอยู่ที่ผู้เล่นคนใด โดยนายเรือของฝ่ายตรงข้ามสามารถเดินตรวจดูได้ ถ้านายเรือของฝ่ายตรงข้ามทายผิด จะถือว่าฝ่ายซ่อนไม้ชนะ ให้ผู้เล่นคนสุดท้ายของแถวฝ่ายซ่อนไม้ลุกขึ้นไปนั่งต่อแถวข้างหน้าในแนวตรงกับคนหัวแถว แต่ถ้าฝ่ายทายสามารถทายถูก ก็จะได้สิทธิให้คนสุดท้ายของแถวฝ่ายทายลุกขึ้นไปนั่งต่อหัวแถวเช่นกัน

๓. ให้ผลัดกันซ่อนและผลัดกันทายฝ่ายละครั้ง เรื่อยไปจนกว่าฝ่ายใดจะต่อแถวของตนไปถึงเส้นชัยก่อน ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ

กติกา

๑. การนั่งเหยียดเท้าต่อแถวต้องต่อให้ติดชิดกัน จะเว้นระยะห่างไม่ได้และการนั่งจะต้องนั่งเท้าติดกัน

๒. เมื่อมีการทายทุกครั้ง ผู้เล่นที่ถูกทายว่ามีไม้ในมือจะต้องลุกขึ้นยืนแบมือให้ดู ถ้าผิดตัวให้คนที่มีไม้อยู่ลุกขึ้นแบมือให้ดูไม้ที่อยู่กับตัวด้วย เพื่อความยุติธรรม

๓. ฝ่ายใดฝ่าฝืนกติกาจะถือว่าเสียสิทธิ์ในการเล่นครั้งนั้น ต้องให้ฝ่ายตรงข้ามที่มิได้ทำผิดได้สิทธิเดินขึ้นไปนั่งต่อแถวข้างหน้าฟรี ๑ คน

๔. ให้มีกรรมการอย่างน้อย ๑ คน ทำหน้าที่ควบคุมการเล่นและตัดสินผลการแข่งขัน

๑๒. แข่งว่าว

ความเป็นมา

แข่งว่าวเป็นกีฬาพื้นเมืองเก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งที่เล่นกันโดยทั่วไปในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดอื่นๆ ในภาคกลาง เช่น กาญจนบุรี อ่างทอง ฉะเชิงเทรา เป็นต้น กีฬาแข่งว่าวเป็นลักษณะการเล่นแข่งขันว่าวอีกลักษณะหนึ่งที่มีลักษณะและวิธีการแตกต่างออกไปจากการแข่งขันว่าวโดยทั่วๆไป ซึ่งมักจะมีการแข่งว่าวเพื่อความสูงและการแข่งว่าวมีเสียง แต่การแข่งว่าวของจังหวัดสุพรรณบุรีจะมีลักษณะเป็นการแข่งขันชักว่าวให้มีขึ้นในระยะทางที่กำหนด และด้วยความยาวของด้ายหรือเชือกที่ใช้ชักที่จำกัดด้วย จึงเป็นการเล่นแข่งขันอีกลักษณะหนึ่งที่ชาวบ้านสมัยก่อนนิยมเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยทั่วไป และมักจะจัดให้มีการแข่งขันกันในโอกาสงานรื่นเริงต่างๆด้วย กีฬาว่าวเป็นกีฬาพื้นเมืองเก่าแก่ที่มีการเล่นสืบทอดมาแต่โบราณ มีประวัติความเป็นมามากมาย

จากหลักฐานพบว่ามีการเล่นว่าวมาตั้งแต่ครั้งสุโขทัย และเป็นที่นิยมสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ดังปรากฏหลักฐานในหนังสือพงศาวดารเหนือเกี่ยวกับการเล่นของเด็กในสมัยนั้นว่า “…แลพระยาร่วงขณะนั้นคะนองนักมักเล่นเบี้ยและเล่นว่าว ไม่ถือตัวว่าเป็นท้าวเป็นพยา…”

ปัจจุบันกีฬาว่าวเป็นกีฬาที่มีกฏระเบียบกติกาเคร่งครัด มีการแข่งขันหลายประเภท งการแข่งขันเพื่อความสนุกสนานและการแข่งขันในลักษณะว่าวพนัน มีรูปแบบที่เป็นกีฬาสากลไปมากแล้ว ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะกีฬาแข่งว่าวของภาคกลางที่ยังมีลักษณะเป็นกีฬาพื้นเมืองอยู่เท่านั้น ปัจจุบันการแข่งว่าวในลักษณะง่ายๆแบบพื้นเมืองของชาวภาคกลางไม่ค่อยเป็นที่นิยมกันแล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงและพัฒนาเป็นการแข่งว่าวในลักษณะกีฬาสากล เช่น ว่าวพนันจุฬากับปักเป้าไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังพบการเล่นว่าวเพื่อเป็นการผ่อนคลาย เป็นกีฬาเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
แข่งเรือคนเป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคกลางพบว่ามีการเล่นแข่งเรือคนกันแล้วในสมัยรัชกาลที่ ๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ก่อนปีพ.ศ. ๒๔๘๐ แข่งเรือคนมีการเล่นกันแพร่หลายแทบทุกจังหวัดเช่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยานครปฐมกาญจนบุรีสมุทรสงครามฉะเชิงเทราและสุพรรณบุรีบางแห่งมีการเล่นแบบเดียวกันแต่เรียกชื่อแตกต่างกันออกไปเช่นจังหวัดอยุธยาเรียกว่า "แข่งเรือกบ" จังหวัดสุพรรณบุรีเรียกว่า "แข่งเรือโดยวิธีซ่อนพาย" จังหวัดฉะเชิงเทราเรียกว่า "ซ่อนเรือ" เป็นต้นการเล่นแข่งเรือคนเป็นการเล่นเลียนแบบการแข่งเรือใช้น้ำโดยใช้คนนั่งต่อๆกันเป็นแถวตอน ๒ แถวขนานกันสมมติว่าเป็นลำเรือแต่ละแถวจะผลัดกันซ่อนสิ่งของที่ตกลงกันไว้ที่ผู้เล่นในแถวแล้วผลัดกันทายแถวใดทายถูกจะได้เลื่อนคนท้ายขึ้นไปนั่งข้างหน้าแถวใดถึงเส้นชัยก่อนจะชนะการเล่นแข่งเรือคนเป็นการเล่นของคนหนุ่มสาวสมัยก่อนเล่นกันในเทศกาลงานรื่นเริงต่าง ๆ เช่นวันตรุษสงกรานต์วันขึ้นปีใหม่และวันที่มีงานรื่นเริงประจำปีเป็นต้นปัจจุบันไม่ค่อยนิยมเล่นกันแล้วจะมีการเล่นอยู่บ้างในเขตชนบทซึ่งกลายเป็นกีฬาที่เล่นกันในหมู่เด็กๆเล่นเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินผู้ใหญ่ไม่นิยมเล่นกันแล้ว ผู้เล่น เล่นได้ทุกเพศทุกวัยสมัยก่อนมักจะเล่นกันในหมู่คนหนุ่มสาวโดยแบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่ายฝ่ายละเท่าๆกันจำนวนผู้เล่นแต่ละฝ่ายไม่ควรน้อยกว่าฝ่ายละ ๕ – ๗ คนบางแห่งนิยมจัดให้ผู้ชายเป็นฝ่ายหนึ่งหญิงเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง อุปกรณ์การเล่น ไม้สั้น ๆ ๒ อันขนาดเท่าๆกันพอใช้มือกำได้มิดจะให้เด่นชัดควรทาสีไว้ที่ไม้ด้วยเช่นทาสีแดงสีเหลืองหรือสีเขียวเป็นต้นเพื่อจะได้ทราบว่าเป็นไม้ของกลางจริง สถานที่เล่น บริเวณลานกว้างเช่นลานบ้านลานวัดหรือบริเวณลานกว้างใต้ร่มไม้กำหนดเส้นยาวไว้ที่พื้นดินเป็นเส้นเริ่มจากเส้นเริ่มเป็นระยะห่างประมาณ ๑๐ – ๒๐ เมตรตามแต่จะตกลงกันไว้ให้เขียนเส้นยาวไว้ที่พื้นเป็นเส้นชัย วิธีเล่น ๑. ผู้เล่นแต่ละฝ่ายคัดเลือกหัวหน้าของแต่ละฝ่ายมาตกลงกันเกี่ยวกับลำดับการเล่นว่าฝ่ายใดจะได้เล่นก่อน เมื่อทราบแล้วให้หัวหน้าของแต่ละฝ่ายจัดผู้เล่นของตนเข้าแถวตอนเรียงหนึ่ง ให้คนหัวแถวอยู่ที่เส้นเริ่มหันหน้าไปทางเส้นชัย ระยะระหว่างแถวของแต่ละฝ่ายห่างกันประมาณ ๒ – ๓ เมตร แล้วหัวหน้าของแต่ละฝ่ายจัดผู้เล่นของตนให้นั่งลงเหยียดเท้าต่อกันเป็นแถวตอนให้ปลายเท้าของคนอยู่หัวแถวอยู่ที่เส้นเริ่มต้นพอดี ทั้งสองแถวจะต้องจัดให้ผู้เล่นในแถวของตนนั่งในลักษณะติดกัน จะได้เป็นแถวตอน ๒ แถว สมมติว่าเป็นเรือ ๒ ลำ โดยมีผู้เล่นที่เป็นหัวหน้าของแต่ละแถวยืนกำกับอยู่ที่แถวของตนสมมติว่าเป็นนายเรือหรือผู้ควบคุมเรือ ๒. เมื่อกรรมการให้สัญญาณเริ่มเล่น ให้นายเรือของแถวที่ได้สิทธิเล่นก่อนถือไว้ในมือ เดินไปซ่อนไม้ในมือของตนไว้ที่มือผู้เล่นในแถวของตนคนใดคนหนึ่ง การซ่อนจะต้องพยายามแสดงอาการหลอกไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าซ่อนไว้ที่ผู้เล่นคนใด เมื่อซ่อนเสร็จแล้วให้มายืนอยู่ที่หัวแถวของตน จากนั้นจะให้นายเรือของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้มาทายว่าไม้นั้นอยู่ที่ผู้เล่นคนใด โดยนายเรือของฝ่ายตรงข้ามสามารถเดินตรวจดูได้ ถ้านายเรือของฝ่ายตรงข้ามทายผิด จะถือว่าฝ่ายซ่อนไม้ชนะ ให้ผู้เล่นคนสุดท้ายของแถวฝ่ายซ่อนไม้ลุกขึ้นไปนั่งต่อแถวข้างหน้าในแนวตรงกับคนหัวแถว แต่ถ้าฝ่ายทายสามารถทายถูก ก็จะได้สิทธิให้คนสุดท้ายของแถวฝ่ายทายลุกขึ้นไปนั่งต่อหัวแถวเช่นกัน ๓. ให้ผลัดกันซ่อนและผลัดกันทายฝ่ายละครั้ง เรื่อยไปจนกว่าฝ่ายใดจะต่อแถวของตนไปถึงเส้นชัยก่อน ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ กติกา ๑. การนั่งเหยียดเท้าต่อแถวต้องต่อให้ติดชิดกัน จะเว้นระยะห่างไม่ได้และการนั่งจะต้องนั่งเท้าติดกัน ๒. เมื่อมีการทายทุกครั้ง ผู้เล่นที่ถูกทายว่ามีไม้ในมือจะต้องลุกขึ้นยืนแบมือให้ดู ถ้าผิดตัวให้คนที่มีไม้อยู่ลุกขึ้นแบมือให้ดูไม้ที่อยู่กับตัวด้วย เพื่อความยุติธรรม ๓. ฝ่ายใดฝ่าฝืนกติกาจะถือว่าเสียสิทธิ์ในการเล่นครั้งนั้น ต้องให้ฝ่ายตรงข้ามที่มิได้ทำผิดได้สิทธิเดินขึ้นไปนั่งต่อแถวข้างหน้าฟรี ๑ คน ๔. ให้มีกรรมการอย่างน้อย ๑ คน ทำหน้าที่ควบคุมการเล่นและตัดสินผลการแข่งขัน๑๒. แข่งว่าว ความเป็นมา แข่งว่าวเป็นกีฬาพื้นเมืองเก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งที่เล่นกันโดยทั่วไปในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดอื่นๆ ในภาคกลาง เช่น กาญจนบุรี อ่างทอง ฉะเชิงเทรา เป็นต้น กีฬาแข่งว่าวเป็นลักษณะการเล่นแข่งขันว่าวอีกลักษณะหนึ่งที่มีลักษณะและวิธีการแตกต่างออกไปจากการแข่งขันว่าวโดยทั่วๆไป ซึ่งมักจะมีการแข่งว่าวเพื่อความสูงและการแข่งว่าวมีเสียง แต่การแข่งว่าวของจังหวัดสุพรรณบุรีจะมีลักษณะเป็นการแข่งขันชักว่าวให้มีขึ้นในระยะทางที่กำหนด และด้วยความยาวของด้ายหรือเชือกที่ใช้ชักที่จำกัดด้วย จึงเป็นการเล่นแข่งขันอีกลักษณะหนึ่งที่ชาวบ้านสมัยก่อนนิยมเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยทั่วไป และมักจะจัดให้มีการแข่งขันกันในโอกาสงานรื่นเริงต่างๆด้วย กีฬาว่าวเป็นกีฬาพื้นเมืองเก่าแก่ที่มีการเล่นสืบทอดมาแต่โบราณ มีประวัติความเป็นมามากมาย จากหลักฐานพบว่ามีการเล่นว่าวมาตั้งแต่ครั้งสุโขทัย และเป็นที่นิยมสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ดังปรากฏหลักฐานในหนังสือพงศาวดารเหนือเกี่ยวกับการเล่นของเด็กในสมัยนั้นว่า “…แลพระยาร่วงขณะนั้นคะนองนักมักเล่นเบี้ยและเล่นว่าว ไม่ถือตัวว่าเป็นท้าวเป็นพยา…” ปัจจุบันกีฬาว่าวเป็นกีฬาที่มีกฏระเบียบกติกาเคร่งครัด มีการแข่งขันหลายประเภท งการแข่งขันเพื่อความสนุกสนานและการแข่งขันในลักษณะว่าวพนัน มีรูปแบบที่เป็นกีฬาสากลไปมากแล้ว ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะกีฬาแข่งว่าวของภาคกลางที่ยังมีลักษณะเป็นกีฬาพื้นเมืองอยู่เท่านั้น ปัจจุบันการแข่งว่าวในลักษณะง่ายๆแบบพื้นเมืองของชาวภาคกลางไม่ค่อยเป็นที่นิยมกันแล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงและพัฒนาเป็นการแข่งว่าวในลักษณะกีฬาสากล เช่น ว่าวพนันจุฬากับปักเป้าไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังพบการเล่นว่าวเพื่อเป็นการผ่อนคลาย เป็นกีฬาเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ก่อนปี พ.ศ. 2480 เช่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยานครปฐมกาญจนบุรีสมุทรสงครามฉะเชิงเทราและสุพรรณบุรี เช่นจังหวัดอยุธยาเรียกว่า "แข่งเรือกบ" จังหวัดสุพรรณบุรีเรียกว่า "แข่งเรือโดยวิธีซ่อนพาย" จังหวัดฉะเชิงเทราเรียกว่า "ซ่อนเรือ" เป็นต้น 2 แถวขนานกัน เล่นกันในเทศกาลงานรื่นเริงต่างๆเช่นวันตรุษสงกรานต์วันขึ้นปีใหม่และวันที่มีงานรื่นเริงประจำปีเป็นต้นปัจจุบันไม่ค่อยนิยมเล่นกันแล้ว โดยแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่ายฝ่ายละเท่า ๆ กัน 5-7 คน 2 อันขนาดเท่า ๆ กันพอใช้มือกำได้มิดจะให้เด่นชัดควรทาสีไว้ที่ไม้ด้วยเช่นทาสีแดงสีเหลืองหรือสีเขียวเป็นต้น เช่นลานบ้านลานวัดหรือบริเวณลานกว้างใต้ร่มไม้ จากเส้นเริ่มเป็นระยะห่างประมาณ 10-20 เมตรตาม แต่จะตกลงกันไว้ 2-3 เมตร จะได้เป็นแถวตอน 2 แถวสมมติว่าเป็นเรือ 2 ลำ เมื่อกรรมการให้สัญญาณเริ่มเล่น ถ้านายเรือของฝ่ายตรงข้ามทายผิดจะถือว่าฝ่ายซ่อนไม้ชนะ แต่ถ้าฝ่ายทายสามารถทายถูก นั้นจะฝ่ายเป็นผู้ชนะกติกา1 เมื่อมีการทายทุกครั้ง เพื่อความยุติธรรม3 1 คนที่4 ให้มีกรรมการอย่างน้อย 1 คน ในภาคกลางเช่นกาญจนบุรีอ่างทองฉะเชิงเทราเป็นต้น มีการแข่งขันหลายประเภท มีรูปแบบที่เป็นกีฬาสากลไปมากแล้ว เช่นว่าวพนันจุฬากับปักเป้าไปหมดแล้วอย่างไรก็ตาม







































การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
แข่งเรือคนเป็นกีฬาพื้นเมืองของภาคกลางพบว่ามีการเล่นแข่งเรือคนกันแล้วในสมัยรัชกาลที่๗แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ The once solid Democratic พ . ศ .๒๔๘๐แข่งเรือคนมีการเล่นกันแพร่หลายแทบทุกจังหวัดเช่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยานครปฐมกาญจนบุรีสมุทรสงครามฉะเชิงเทราและสุพรรณบุรีบางแห่งมีการเล่นแบบเดียวกันแต่เรียกชื่อแตกต่างกันออกไปเช่นบริเวณลานกว้างเช่นลานบ้านลานวัดหรือบริเวณลานกว้างใต้ร่มไม้กำหนดเส้นยาวไว้ที่พื้นดินเป็นเส้นเริ่มจากเส้นเริ่มเป็นระยะห่างประมาณ๑๐–๒๐เมตรตามแต่จะตกลงกันไว้ให้เขียนเส้นยาวไว้ที่พื้นเป็นเส้นชัย

สมมติว่าเป็นลำเรือแต่ละแถวจะผลัดกันซ่อนสิ่งของที่ตกลงกันไว้ที่ผู้เล่นในแถวแล้วผลัดกันทายแถวใดทายถูกจะได้เลื่อนคนท้ายขึ้นไปนั่งข้างหน้าเรียกว่า " แข่งเรือกบ " จังหวัดสุพรรณบุรีเรียกว่า " แข่งเรือโดยวิธีซ่อนพาย " จังหวัดฉะเชิงเทราเรียกว่า " ซ่อนเรือ " เป็นต้นการเล่นแข่งเรือคนเป็นการเล่นเลียนแบบการแข่งเรือใช้น้ำโดยใช้คนนั่งต่อๆกันเป็นแถวตอน๒เล่นกันในเทศกาลงานรื่นเริงต่างๆเช่นได้รับเลือกตั้งผ่านกระบวนการประชาธิปไตยของพม่าตรุษสงกรานต์วันขึ้นปีใหม่และวันที่มีงานรื่นเริงประจำปีเป็นต้นปัจจุบันไม่ค่อยนิยมเล่นกันแล้วผู้ใหญ่ไม่นิยมเล่นกันแล้ว



ผู้เล่นเล่นได้ทุกเพศทุกวัยสมัยก่อนมักจะเล่นกันในหมู่คนหนุ่มสาวโดยแบ่งผู้เล่นออกเป็น๒ฝ่ายฝ่ายละเท่าๆกันจำนวนผู้เล่นแต่ละฝ่ายไม่ควรน้อยกว่าฝ่ายละ๕–๗คนบางแห่งนิยมจัดให้ผู้ชายเป็นฝ่ายหนึ่ง


ไม้สั้นๆอุปกรณ์การเล่น๒อันขนาดเท่าๆกันพอใช้มือกำได้มิดจะให้เด่นชัดควรทาสีไว้ที่ไม้ด้วยเช่นทาสีแดงสีเหลืองหรือสีเขียวเป็นต้นเพื่อจะได้ทราบว่าเป็นไม้ของกลางจริง



สถานที่เล่นบริเวณลานกว้างเช่นลานบ้านลานวัดหรือบริเวณลานกว้างใต้ร่มไม้กำหนดเส้นยาวไว้ที่พื้นดินเป็นเส้นเริ่มจากเส้นเริ่มเป็นระยะห่างประมาณ๑๐–๒๐เมตรตามแต่จะตกลงกันไว้ให้เขียนเส้นยาวไว้ที่พื้นเป็นเส้นชัย

วิธีเล่น

๑ .ผู้เล่นแต่ละฝ่ายคัดเลือกหัวหน้าของแต่ละฝ่ายมาตกลงกันเกี่ยวกับลำดับการเล่นว่าฝ่ายใดจะได้เล่นก่อนเมื่อทราบแล้วให้หัวหน้าของแต่ละฝ่ายจัดผู้เล่นของตนเข้าแถวตอนเรียงหนึ่งระยะระหว่างแถวของแต่ละฝ่ายห่างกันประมาณ๒เมตรแล้วหัวหน้าของแต่ละฝ่ายจัดผู้เล่นของตนให้นั่งลงเหยียดเท้าต่อกันเป็นแถวตอนให้ปลายเท้าของคนอยู่หัวแถวอยู่ที่เส้นเริ่มต้นพอดี–กันจะได้เป็นแถวตอน๒แถวสมมติว่าเป็นเรือ๒ลำโดยมีผู้เล่นที่เป็นหัวหน้าของแต่ละแถวยืนกำกับอยู่ที่แถวของตนสมมติว่าเป็นนายเรือหรือผู้ควบคุมเรือ

๒ .เมื่อกรรมการให้สัญญาณเริ่มเล่นให้นายเรือของแถวที่ได้สิทธิเล่นก่อนถือไว้ในมือเดินไปซ่อนไม้ในมือของตนไว้ที่มือผู้เล่นในแถวของตนคนใดคนหนึ่งเมื่อซ่อนเสร็จแล้วให้มายืนอยู่ที่หัวแถวของตนจากนั้นจะให้นายเรือของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้มาทายว่าไม้นั้นอยู่ที่ผู้เล่นคนใดโดยนายเรือของฝ่ายตรงข้ามสามารถเดินตรวจดูได้ถ้านายเรือของฝ่ายตรงข้ามทายผิดให้ผู้เล่นคนสุดท้ายของแถวฝ่ายซ่อนไม้ลุกขึ้นไปนั่งต่อแถวข้างหน้าในแนวตรงกับคนหัวแถวแต่ถ้าฝ่ายทายสามารถทายถูกก็จะได้สิทธิให้คนสุดท้ายของแถวฝ่ายทายลุกขึ้นไปนั่งต่อหัวแถวเช่นกัน

ไป . ให้ผลัดกันซ่อนและผลัดกันทายฝ่ายละครั้งเรื่อยไปจนกว่าฝ่ายใดจะต่อแถวของตนไปถึงเส้นชัยก่อนฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ

กติกา

๑ .การนั่งเหยียดเท้าต่อแถวต้องต่อให้ติดชิดกันจะเว้นระยะห่างไม่ได้และการนั่งจะต้องนั่งเท้าติดกัน

๒ .เมื่อมีการทายทุกครั้งผู้เล่นที่ถูกทายว่ามีไม้ในมือจะต้องลุกขึ้นยืนแบมือให้ดูถ้าผิดตัวให้คนที่มีไม้อยู่ลุกขึ้นแบมือให้ดูไม้ที่อยู่กับตัวด้วยเพื่อความยุติธรรม

ไป .ฝ่ายใดฝ่าฝืนกติกาจะถือว่าเสียสิทธิ์ในการเล่นครั้งนั้นต้องให้ฝ่ายตรงข้ามที่มิได้ทำผิดได้สิทธิเดินขึ้นไปนั่งต่อแถวข้างหน้าฟรีคน

นอนโตเกียวให้มีกรรมการอย่างน้อย๑คนทำหน้าที่ควบคุมการเล่นและตัดสินผลการแข่งขัน

๑๒ . แข่งว่าว



ความเป็นมาแข่งว่าวเป็นกีฬาพื้นเมืองเก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งที่เล่นกันโดยทั่วไปในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดอื่นๆในภาคกลางเช่นกาญจนบุรีอ่างทองฉะเชิงเทราเป็นต้นซึ่งมักจะมีการแข่งว่าวเพื่อความสูงและการแข่งว่าวมีเสียงแต่การแข่งว่าวของจังหวัดสุพรรณบุรีจะมีลักษณะเป็นการแข่งขันชักว่าวให้มีขึ้นในระยะทางที่กำหนดและด้วยความยาวของด้ายหรือเชือกที่ใช้ชักที่จำกัดด้วยและมักจะจัดให้มีการแข่งขันกันในโอกาสงานรื่นเริงต่างๆด้วยกีฬาว่าวเป็นกีฬาพื้นเมืองเก่าแก่ที่มีการเล่นสืบทอดมาแต่โบราณมีประวัติความเป็นมามากมาย

ไม่ถือตัวว่าเป็นท้าวเป็นพยา "
. . . . . . .
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: