Demand elasticities measure the cha

Demand elasticities measure the change in the quantity demanded of a particular good or service as a result of changes to other economic variables, such as its own price, the price of competing or complementary goods and services , income levels, taxes, etc. This report estimates the demand elasticity of air travel under various scenarios and locations. It highlights three main types of demand elasticity: own price elasticity, cross price elasticity and income elasticity

i) Price Elasticity of Demand
Price elasticity is a measure used to capture the sensitivity of consumer demand for a good or service in response to changes in the price of that particular good or service. The price elasticity is defined as :


The quantity demanded generally decreases when the price increases, so this ratio is usually expected to be negative. For example, if a 10% increase in the price of good A results in a 6% fall in the quantity demanded of that good, its own price elasticity is -0.6, By contrast, if a 10% fall in the price of good B leads to a 12% increase in the quantity demanded of good B, its own price elasticity is -1.2.

Goods with elasticities greater than one in absolute value are referred to as having elastic or price sensitive demand. In other words, the proportional change in quantity demanded will be grater than the proportional change in price. A price increase will result in a revenue decrease to the producer since the renevue lost from the resulting decrease in quantity sold is more than the revenue gained from the price increase.

ii) Cross Price Elasticity of Demand

The cross price elasticity measures the interaction in demand between different goods or services. it measures the sensitivity of demand for a particular good to changes in the price of another good:

When the cross price elasticity is positive, the two goods are substitutes (e.g. Coca-Cola and Pepsi). In other words, an increase in the price of one good will lead consumers to shift demand towards the relatively cheaper substitute good. When the cross price elasticity is negative the goods are complementary good (e.g. coffee and milk). In other words, an increase in the price of one good will negatively affect both its own demand and the demand of goods that are usually bought to accompany it.

iii) Income Elasticity of Demand

The income elasticity measures the sensitivity of demand for a good to changes in individual or aggregate income levels :

An income elasticity between 0 and +1 indicates a normal good, where the quantity demanded increases at the same or a lesser rate than the increase in income. For example, a good where a 10% increase in income results in a 0-10% increase in consumption would be considered a "normal"good .

An income elasticity greater than +1 indicates what econimists call a luxury good, where consumption increase by a greater proportion than income. For example, as discretionary incomes rise consumers can afford to buy higher quality and/or leisure related goods that were previously beyond their reach. This does not mean these goods are the exclusive preserve of the rich, but that as living standards rise consumers value buying these goods the most. It is a measure of a highly valued good in consumer welfare terms.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความต้องการความยืดหยุ่นในการวัดการเปลี่ยนแปลงในปริมาณเรียกร้องของที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งหรือบริการที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรทางเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่นราคาของตัวเองราคาของสินค้าหรือการแข่งขันที่สมบูรณ์และการบริการระดับรายได้ภาษี ฯลฯ รายงานนี้ ประมาณการความยืดหยุ่นความต้องการของการเดินทางทางอากาศภายใต้สถานการณ์ต่างๆและสถานที่ตั้ง มันไฮไลท์สามประเภทหลักของความยืดหยุ่นของอุปสงค์: ความยืดหยุ่นของราคาของตัวเอง, ความยืดหยุ่นของราคาข้ามและความยืดหยุ่นของรายได้i) ราคาความยืดหยุ่นของอุปสงค์ยืดหยุ่นราคาเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการจับภาพความไวของความต้องการของผู้บริโภคที่ดีหรือบริการในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาความดีนั้นหรือบริการ ความยืดหยุ่นราคาที่กำหนดเป็นปริมาณที่เรียกร้องโดยทั่วไปลดลงเมื่อราคาเพิ่มขึ้นดังนั้นอัตราส่วนนี้คาดว่าจะเป็นมักจะเป็นเชิงลบ ตัวอย่างเช่นถ้า 10% เพิ่มขึ้นของราคาผลดีในฤดูใบไม้ร่วง 6% ในปริมาณที่เรียกร้องความดีที่ยืดหยุ่นของราคาของตัวเองเป็น -0.6, ในทางตรงกันข้ามถ้าลดลง 10% ในราคาของบีดี นำไปสู่การเพิ่มขึ้น 12% ในปริมาณที่เรียกร้องของบีดียืดหยุ่นของราคาของตัวเองเป็น -1.2. สินค้าที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าหนึ่งในค่าสัมบูรณ์จะเรียกว่ามีความยืดหยุ่นหรือราคาที่ไวต่อความต้องการ ในคำอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนในปริมาณที่เรียกร้องจะขูดกว่าการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของราคา ราคาที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เกิดการลดลงของรายได้ให้กับผู้ผลิตตั้งแต่ renevue ที่หายไปจากการลดลงส่งผลให้ในปริมาณขายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการเพิ่มขึ้นของราคา. ii) ครอสราคาความยืดหยุ่นของอุปสงค์ยืดหยุ่นราคาข้ามวัดการทำงานร่วมกันในความต้องการระหว่างสินค้าหรือบริการที่แตกต่างกัน มาตรการความไวของความต้องการที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงในราคาที่ดีอื่น: เมื่อความยืดหยุ่นของราคาข้ามเป็นบวกทั้งสองสินค้าทดแทน (เช่นโคคาโคล่าและเป๊ปซี่) ในคำอื่น ๆ เพิ่มขึ้นในราคาหนึ่งที่ดีจะนำไปสู่ผู้บริโภคมีความต้องการที่จะเปลี่ยนไปทางที่ดีที่ค่อนข้างถูกกว่าแทน เมื่อข้ามยืดหยุ่นราคาเป็นลบสินค้าที่เป็นสิ่งที่ดีที่สมบูรณ์ (เช่นเครื่องชงกาแฟและนม) ในคำอื่น ๆ เพิ่มขึ้นในราคาหนึ่งที่ดีในเชิงลบจะมีผลต่อทั้งความต้องการของตัวเองและความต้องการของสินค้าที่มักจะซื้อไปกับมัน. iii) รายได้ยืดหยุ่นของอุปสงค์ยืดหยุ่นรายได้วัดความไวของความต้องการที่ดีในการการเปลี่ยนแปลงในระดับรายได้ของแต่ละบุคคลหรือรวม: ยืดหยุ่นรายได้ระหว่าง 0 และ 1 แสดงให้เห็นปกติดีที่เรียกร้องการเพิ่มขึ้นของปริมาณที่เดียวกันหรือในอัตราที่น้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ ตัวอย่างที่ดีที่เพิ่มขึ้น 10% ในผลรายได้เพิ่มขึ้น 0-10% ในการบริโภคจะได้รับการพิจารณาว่าเป็น "ปกติ" ดี. ยืดหยุ่นรายได้มากกว่า 1 แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เรียก econimists หรูที่ดีที่การบริโภคเพิ่มขึ้น ในสัดส่วนที่สูงกว่ารายได้ ยกตัวอย่างเช่นในขณะที่รายได้การตัดสินใจของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นสามารถที่จะซื้อที่มีคุณภาพสูงขึ้นและ / หรือการพักผ่อนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ก่อนหน้านี้ไกลเกินเอื้อมของพวกเขา นี้ไม่ได้หมายความว่าสินค้าเหล่านี้เป็นพิเศษรักษาของที่อุดมไปด้วย แต่ที่เป็นที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นมาตรฐานผู้บริโภคมูลค่าการซื้อสินค้าเหล่านี้มากที่สุด มันเป็นตัวชี้วัดของมูลค่าสูงที่ดีในแง่การจัดสวัสดิการผู้บริโภค

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความยืดหยุ่นอุปสงค์การวัดปริมาณความต้องการสินค้าเปลี่ยนไปของเฉพาะดีหรือบริการเป็นผลของการเปลี่ยนแปลงตัวแปรทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น ราคาของมันเอง ราคาของคู่แข่งหรือสินค้าเสริมและบริการ ระดับรายได้ ภาษี ฯลฯ รายงานประมาณการความต้องการความยืดหยุ่นของการเดินทางทางอากาศ ภายใต้สถานการณ์ต่าง ๆ และสถานที่มันไฮไลท์สามประเภทหลักของความยืดหยุ่นอุปสงค์มีค่าความยืดหยุ่นไขว้ : เอง , ราคาและความยืดหยุ่น

รายได้ฉัน ) ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ความยืดหยุ่น
เป็นวัดที่ใช้ในการ จับ ความไวของความต้องการของผู้บริโภคสำหรับสินค้าหรือการบริการในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาของนั้นดีหรือบริการ ความยืดหยุ่นของราคา เช่น


ปริมาณที่ต้องการ โดยทั่วไปจะลดลงเมื่อราคาเพิ่มขึ้น ดังนั้น อัตราส่วนนี้มักจะคาดว่าจะเป็นลบ ตัวอย่างเช่น ถ้าเพิ่มเป็น 10% ในราคาที่ดีในผลลดลง 6% ในปริมาณแรงดี ความยืดหยุ่นของมันเอง - 0.6 , ในทางตรงกันข้าม ถ้าตก 10% ในราคาดี B ไปสู่ 12% เพิ่มปริมาณแรงดี Bความยืดหยุ่นของราคาของตนเอง - 1.2

สินค้าที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าหนึ่งแน่นอนค่า จะเรียกว่ามีความยืดหยุ่นหรือราคาที่เรียกร้อง ในคำอื่น ๆเปลี่ยนสัดส่วนปริมาณอุปสงค์จะขูดกว่าเปลี่ยนตามสัดส่วนในราคาราคาที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้รายได้ลดลง ผู้ผลิตตั้งแต่ renevue ที่หายไปจากส่งผลให้ปริมาณขายลดลงมากกว่ารายได้ที่ได้รับจากการเพิ่มราคา

2 ) ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ไขว้ ราคา

วัดปฏิสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์ในสินค้าที่แตกต่างกันหรือบริการข้ามราคายืดหยุ่นมันวัดความไวของความต้องการเฉพาะดีกับการเปลี่ยนแปลงในราคาของดีอีก :

เมื่อข้ามต่อราคาเป็นบวก สองสินค้าที่ทดแทน ( เช่น โคคา โคล่า และเป๊ปซี่ ) ในคำอื่น ๆที่เพิ่มขึ้นในราคาหนึ่งที่ดีจะส่งผลให้ผู้บริโภคเปลี่ยนความต้องการทางค่อนข้างถูกกว่าแทนดีเมื่อข้ามเป็นลบต่อราคาสินค้า ประกอบดี ( เช่นกาแฟและนม ) ในคำอื่น ๆที่เพิ่มขึ้นในราคาหนึ่งที่ดีจะส่งผลเสียต่อทั้งความต้องการของตัวเองและความต้องการของสินค้าที่มักจะซื้อไปกับมัน

3

) ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อรายได้การวัดความไวของความต้องการที่ดีในการเปลี่ยนแปลงในแต่ละบุคคลหรือระดับรายได้รวมรายได้ค่า :

มีความยืดหยุ่นต่อรายได้ระหว่าง 0 และ 1 แสดงว่าปกติดี ที่ปริมาณความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าเดิม หรือ เพิ่มรายได้ ตัวอย่างเช่นดีที่เพิ่มเป็น 10% ในการเพิ่มรายได้ 0-10 % ของการบริโภคจะถือว่าเป็น " ปกติ " ดี

มีความยืดหยุ่นต่อรายได้มีค่ามากกว่า 1 แสดงว่าสิ่งที่ econimists เรียกหรูดี ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนที่มากกว่ารายได้ ตัวอย่างเช่นขณะที่รายได้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ) สามารถซื้อ คุณภาพสูง และ / หรือพักผ่อนที่เกี่ยวข้องสินค้าที่ก่อนหน้านี้ที่เกินเอื้อมของพวกเขา นี้ไม่ได้หมายความว่าสินค้าเหล่านี้เป็นรักษาพิเศษของคนรวย แต่นั่นเป็นมาตรฐานการครองชีพสูงขึ้นผู้บริโภคมูลค่าการซื้อสินค้าเหล่านี้มากที่สุด เป็นวัดของมูลค่าสูง ดีในแง่สวัสดิการผู้บริโภค
.